ช่วงนี้ ซึ่งก็สักปีสองปีมาแล้ว ผมมักจะนอนดึก เพราะนั่งพิมพ์อะไรไปเรื่อยเปื่อย
ออฟฟิศที่ผมทำงานอยู่นั้น อยู่เยื้องๆกับบริษัท ใช้เวลาเข้าบริษัทเพียงแค่ไม่ถึงสิบนานที
ไม่ต้องขับรถที่น้ำมันที่แพงที่สุดออกไปทำงาน (ผมประชดความจนด้วยการซื้อรถยนต์ที่เครื่องสองพันสามร้อยซีซี) แต่จะขับไปโน้นมานี่หลังเลิกงาน ซึ่งก็ไม่ไกลจากย่านห้วยขวางที่ทำงานอยู่มากนัก
ทุกคืนจึงเปิดโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ มือก็นั่งพิมพ์งาน จนกระทั่งถึงช่วงเวลาข่าวหลังเที่ยงคืนก็ถือโอกาสรับรู้ข่าวสารในช่วงเวลานี้ไปในตัว เพราะไม่สารมารถดูข่าวช่วงเวลาเช้าเหมือนเมื่อก่อน
ช่วงนี้ผมตื่นนอนประมาณแปดโมงเช้า ตื่นแล้วอาบน้ำแต่งตัวก็เข้าออฟฟิศ ส่วนใหญ่ผมเข้าออฟฟิศก็ไม่เกินเก้าโมงครึ่ง
คืนนี้ ขณะที่ผมกำลังพิมพ์งาน ผมฟังและดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ ก็มาถึงช่วงของข่าววันใหม่
มีข่าวช่วงหนึ่งที่ผมสะดุดใจ
แม้ว่าข่าวใหญ่ที่สุดที่ผมสนใจที่สุดในขณะนี้คือข่าวทางสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และข่าวการช่วงชิงอำนาจของคนสองกลุ่มใหญ่(และมีกลุ่มเล็กกลุ่มย่อยบางประปราย) กำลังช่วงชิงอำนาจกัน โดยมีประชาชนที่ฉลาดและประชาชนที่เอาอารมณ์ความรู้สึกที่ขาดการไตร่ตรองเป็นที่ตั้งมาเป็นฐานอำนาจให้คนทั้งสองกลุ่มใช้เป็นข้ออ้างในการช่วงชิงและขึ้นสู่อำนาจ จนบ้านเมืองวุ่นวายและเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม นำความอัปยศมาสู่คนไทยทุกคน
ไม่เว้นแม้แต่ประชนชนคนไทยทุกคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการแย่งชิงอำนาจดังกล่าว
ขณะนั้น มีข่าวหนึ่งรายงานว่า
มีหมอนวดคนหนึ่งย่านถนนรัชดาภิเษก ซึ่งคงจะไม่ไกลจากย่านห้วยขวางที่ผมอาศัยอยู่มากนัก ยืมรถของเสี่ยคนหนึ่งซึ่งก็คงจะเป็นขาประจำขับไปหาเพื่อนที่ลาดพร้าว แล้วเกิดอุบัติเหตุรถตกคลองเสียชีวิต
หมอนวดสาวคนนั้นอาจจะขับรถยังไม่เก่ง หากไม่เช่นนั้นก็คงไม่ประสบอุบัติเหตุรุนแรงอย่างนั้น
แต่ผมคิดต่อไปไมได้ว่า
เสี่ยที่มา เที่ยวอาบอบนวดทุกคนต่างก็มีลูกทีเมียทั้งนั้น
ความจริงแล้ว สถานอาบอบนวดอยู่ได้ก็เพราะคนกลุ่มนี้
เพราะคนนี้ เป็นกลุ่มคนที่มีเงิน
คนกลุ่มนี้
หากไม่เป็นนักธุรกิจ ก็เป็นพนักงานบริษัทที่มีเงินเดือนหรือผลตอบแทนในระดับที่ค่อนข้างสูง หรือข้าราชการที่ตำแหน่งใหญ่โต และคนที่อยู่ในธุรกิจที่ไม่เปิดเผย
คนที่รายได้น้อยย่อมไม่มีศักยภาพที่จะมาเที่ยวในสถานที่อาบอบนวดได้ โดยเฉพาะ สถานอาบอบนวดย่านถนนรัชดาภิเษก
ข่าวที่ออกไป
ผมคิดว่าเสี่ยคนนั้นคงร้อนๆหนาว
ทางบ้านของเสี่ยคงไม่ตามืดบอดที่จะไม่รู้
ผมนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ
หากว่าเสี่ยคนนั้น มีลูกที่กำลังโตเป็นสาว จะอธิบายให้ลูกสาวเข้าใจได้อย่างไร
ทำให้ผมอดที่จะคิดต่อไปไม่ได้อีกว่า
สังคมไทยและคมไทย แท้จริงเป็นสังคมและเป็นคนที่อวดอ้างความดีอยู่ที่ริมฝีกปาก แต่การกระทำ ตรงกันข้าม
แต่คนจริง คนที่เป็นคนดีจริงๆ จะไม่ค่อยพูด เพราะเขาจะไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
และบางที
เขาอาจจะเป็นคนโง่เขลาในสายตาของสังคม
พื้นที่ของเขาก็อาจจะไม่มีให้หยัดยืน
น้ำเสียงของเขา
ถูกกลืนหายลงไปในลำคอของเขาเอง.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๐
แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 50 10:09:39
จากคุณ :
huaboonsan
- [
11 มิ.ย. 50 10:09:24
]