ตอนที่ 35 ร่ำลา อาลัย
จะจบแว้ววววววววววว อีกตอนสองตอน ก็จบแล้ว / หืดขึ้นคอเล็กน้อย เพราะจนถึงวันนี้นางเอกก็ยังไม่รู้ว่า พระเอกทำไมถึงไม่รักตัวสักที... น่ามั้ยล่ะ????
-------------------------------------------------
สองสัปดาห์ผ่านไปไวเหมือนโกหก เฌลลีจัดการร่ำลาญาติสนิทมิตรสหายที่บางกอก แล้วกลับบ้านนอกไปอยู่เป็นขวัญใจคุณนายสุวเนตรเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเดินทางไกลไปอีกซีกโลกเพื่อร่ำเรียนเอาปริญญาดีกรีดุษฎีบัณฑิต (Ph.D.) ไม่ให้ขายขี้หน้าว่าคุณนาย ขายควายส่งนาเรียน เพราะหลังจากที่ปวารณาตัวเองเป็นลูกสะใภ้คุณนายดารณีแล้ว เจ้าลูกชายคนโตของท่านก็มิได้มีทีท่าว่าจะเหลือบชายสายตาแล ลูกสาวป๋าเลยต้องบอกผู้บังเกิดเกล้าไปตรงๆ ว่า
ทำใจเถอะป๋า สงสัยว่าพระเจ้าท่านจะลืมสร้างคู่มาให้ลูกน่ะ แต่ลูกก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าหาสามีดีๆ สักคนนี่มันยากกว่าสอบทุนไปเรียนต่อด๊อกเตอร์อีกแน่ะ แหม... รู้หยั่งงี้ สอบเรียนต่อตั้งนานแล้ว และหลังจากที่นอนตีแปลงอยู่บ้านให้อ้วนท้วนเล่นได้ไม่นานก็เตรียมข้าวของพร้อมบิน พ่อกับแม่ไม่มาส่งเพราะเป็นโรคกลัวกรุงเทพฯ เข้าไส้ จะหลอกให้ไปไหนไกลจากบ้านนอกของท่านล่ะเป็นอันว่าหมดสิทธิ์เพราะสิ่งที่สามีภรรยาคู่รู้นี้รู้ดีที่สุดคือ ขึ้นทางเหนือไปเชียงใหม่ ลงทางใต้คือกรุงเทพฯ ดังนั้นแล้วคุณนายสุวเนตรเลยยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสน้ำทะเลหาดสะมิหรา เมืองสงขลาด้วยประการฉะนี้
ดังนั้นเครือญาติเชื้อไขคนเดียวที่ตามมาส่งคือมิลลี่ น้องสาวผู้แสนดีที่เลอโฉม แตกต่างกับคนที่เกิดก่อนราวเป็ดกับหงส์ ความริษยาก็พอมีอยู่บ้างแต่ความชื่นชมนั้นล่ะมากกว่า เพราะมิลลี่อยู่ใกล้พ่อกับแม่ เฌลลีจึงวางใจให้น้องสาวคอยดูแลพ่อแม่แทนเธอ
ณ สุวรรณภูมิ สนามบินอายุสั้นกว่าปลากระป๋องสามแม่ครัว อย่างไม่น่าเชื่อเลยคือ ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไล่เรียงตัวลงมาตั้งแต่คุณนายดารณีที่ทุ่มทุนสร้างบินตรงจากสงขลาเพื่อมาส่งว่าที่ลูกสะใภ้ไปเรียนต่อ ถัดมาเป็นลูกชายคนโต คนกลาง และคนเล็กตามลำดับความหล่อ (หล่อสุดอยู่ท้าย) คุณสมศักดิ์ น้องเค้กและสามี คุณเกื้อกับแม่พลอย พิงกี้เพื่อนสาวคนสนิท และที่ไม่คิดว่าจะได้เจอคือ ปรินท์ สถาปนิกหนุ่มคนรักเก่าของเธอนั่นเอง
ต๊ายตาย พร้อมหน้าเลยนะคะ
ไม่ได้ส่งกันบ่อยๆ นี่ ณนนท์ทะลุกลางวงสนทนา
แม่คะ หนูยังเป็นลูกสาวแม่อยู่หรือเปล่าคะ หยอดไปหนึ่งดอก
แน่นอน ว่าแต่อย่าไปหลงหนุ่มเยอรมันแล้วลืมลูกชายแม่ก็พอ คุณนายไม่พูดถึงการเป็นลูกสะใภ้ดังที่นางเอกของเรื่องหวังใจไว้ว่าท่านจะเบรกการเดินทางแล้วเปลี่ยนมาจัดงานแต่งงานเหมือนที่หลายคนลุ้นตัวโก่ง แต่เปล่าเลย... คุณนายดารณีไม่พูดเรื่องแต่งงานสักคำ หรือจะโล่งใจที่แป้นศรีไปเสียได้...?
ตั้งแต่เฌลลีทำท่าว่าจะไป ยิ่งใกล้วันเดินทางเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนไม่มีใครสนใจเท่านั้น ทุกอย่างเป็นสามัญ กระทั่งสามหนุ่มบ้านนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนเธอกำลังจะหายไปอีกหลายปี ทุกคนยังใช้งานเธอเยี่ยงทาส ไม่มากน้อยไปกว่าเก่า และขณะที่ยืนหน้าแฉล้มแช่มช้อยคอยอำลาที่สนามบิน ก็หาใช่จะมีใครเศร้าจนร้องห่มร้องไห้ หนุ่มๆ ทั้งหลายต่างชม้ายชายตาหันขวาหันซ้ายไปกับสาวๆ แอร์โฮสเตสที่เดินขวักไขว่ มิสเตอร์จุ๋มถึงแม้จะต่างเป้าหมายแต่ก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ เพราะทั้งกัปตัน สจ๊วต และผู้โดยสารหล่อล่ำเดินสวนสนามกันให้ควั่ก
ไม่มีใครแย่งที่นอนแล้วนี่แก คราวนี้นอนกลิ้งสบายใจเลยสิ มันเป็นประโยคอำลาที่เกินคาดหมาย เพราะใครๆ ต่างก็ลุ้นกันตัวโก่งว่าพระเอกจะขอนางเอกแต่งงานก็คราวนี้ หรือไม่อีกทีสุดสวยของเราก็คงจะบอกว่า ฉันไม่ไปเรียนต่อล่ะนะ ฉันจะอยู่กับแก แต่เปล่าอีกเหมือนกัน... นั่นน่ะมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละ เพราะกว่าแป้นศรีจะฝ่าด่านการสอบอันหฤโหดนี้มาได้เธอต้องใช้ความพยายามมากกว่าชาวบ้านร้านช่องเขาสองร้อยเท่าด้วยความที่ภาษาอังกฤษอ่อนแอให้ ณนนท์ค่อนแคะเล่นเป็นสนุกว่าไม่เอาไหนพอๆ กับทำกับข้าว ก็แหงสิ ไม่ใช่อัจฉริยะระดับเทพอย่างเขานี่ที่ใช้ภาษาต่างชาติในการสื่อสารได้ดีกว่าภาษาชาติตัวเอง ดังนั้นไอ้เรื่องจะให้สละสิทธิ์ทุนการศึกษาแบบไม่ผูกพันนี่เห็นทีจะยากพะยะค่ะ
เออ น้องกลางเวลาคุณส่งผ้าไปร้านซักรีดน่ะ คุณล้วงดูในกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อให้หมดด้วยนะ เดี๋ยวเศษกระดาษมันจะยุ่ยเวลาซักแล้วมันจะเป็นขุยติดเสื้อผ้ามา แล้วเวลาไปซุปเปอร์นะอย่าลืมซื้อน้ำผลไม้มาไว้ในตู้เย็นด้วยนะ จะได้ไม่ต้องออกไปบ่อยๆ ส่วนณนนท์ ผ้าปูที่นอนอีกสองผืนฉันรีดไว้ในตู้เสื้อผ้าชั้นล่างสุด ส่วนปลอกหมอนจะอยู่ชั้นบนขึ้นมา แล้วคราวหน้าคราวหลังอย่าเอาถุงเท้ากับกางเกงลิงยัดลงมาในตะกร้าเดียวกันนะ สั่งเสียประหนึ่งว่าคนใช้กำลังจะลาออก โดยเฉพาะเรื่องผลไม้และน้ำผลไม้ที่เป็นอาหารหลักของหนุ่มๆ บ้านนี้ จำได้ดีคราวที่มีโอกาสได้ไปเดินหิ้วของให้ว่าที่แม่สามี คุณนายดารณีเลือกน้ำส้มในซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มด้วยความพิถีพิถัน แน่ล่ะ คราวนั้นคุณนายดารณีได้ถือโอกาสแนะนำว่าที่ลูกสะใภ้ว่า น้ำส้มสีทองกับน้ำส้มสายน้ำผึ้งนั้นมีคุณค่าทางอาหาร (ข้างกล่อง) ไม่เท่ากัน....
เห็นไหมแม่ ว่าพวกเราเหมือนมีแม่คนที่สองอยู่ใกล้ๆ เล้ย น้องเล็กหันไปกระซิบมารดา เสียงดัง
น้องเล็ก เดี๊ยะๆ เออ ละครเรื่องใหม่ออนแอร์เมื่อไหร่อย่าลืมเรคอร์ดส่งไปให้ดูด้วยนะ ตั้งใจเรียนด้วยนะ อย่ารั้นนัก น้องเล็กไต่ระดับจากนายแบบมาเป็นดาราเต็มตัวแล้ว ลงเรียนใหม่แก้เอฟเรียบร้อยแล้วและเริ่มจะปากกล้ารองลงมาจากพี่ชายทั้งสอง... แหม ช่าง พิมพ์ เดียวกันจริงๆ
คับพ้ม น้องเล็กรับคำ
น้องกลาง ฉันฝากคุณดูแลตัวเองด้วยนะ คุณน่ะหน้าตาท่าทางแข็งแรง แต่หัวใจคุณน่ะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ฉันเป็นห่วง คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คนนี้ อ่อนไหวที่สุดในบ้านก็คนนี้ นี่ถ้าไม่เพราะมีณนนท์ในหัวใจเป็นหมายเลขหนึ่งล่ะก็...
เสียงโอเปอเรเตอร์เรียกขึ้นเครื่องเป็นครั้งที่หนึ่ง แต่นางเอกของเรื่องยังร่ำลาทุกคนไม่หมดเลยต้องเร่ง สปีดแข่งกับเวลา
พิงกี้เธอเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุดถึงแม้จะไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่แต่ฉันยืนยันว่าฉันรักเธอจริงๆ แล้วฉันจะเขียนโปสการ์ดมาหานะ น้องเค้กจ๊ะ หลังคลอดเจ้าตัวเล็กแล้วอย่าลืมส่งคลิปไปให้ดูด้วยนะคะ
คุณจุ๋มฉันขอสารภาพว่าเพื่อนสาวที่คุณติดต่อทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีบ้านอยู่ละแวกจันทบุรีและมีชื่อที่คุณเรียกว่าลีน่ะ ไม่ใช่ที่ไหนไกลหรอก... เชลซีคนนี้เองแหละ
คุณเกื้อคะนิยายเรื่องต่อไปของคุณจะวางแผงเมื่อไหร่คะ
ไม่นานเกินรอ เพราะตอนนี้ผมมีชื่อเรื่องแล้วคือ คุณพ่อมือใหม่กับลูกชายตัวแสบ ไว้จะส่งไปให้อ่าน
น้องเค้กของอา จะโตทันพี่กล้าหาญหรือเปล่านะเนี่ย เฌลลีเอื้อมมือไปโคลงหัวเจ้าตัวเล็กที่แม่พลอยจับแขนไว้แน่นก่อนที่จะหลุดมือไปวิ่งเล่นอีก แล้วเธอก็หันมาลาคนสุดท้าย...อีกนั่นแหละ คนสุดท้ายของนิยายทุกเรื่องที่นางเอกจะร่ำลาคือพระเอกของเรื่อง แต่สำหรับแป้นศรี คนที่เธอบอกลาเป็นไม้สุดท้ายคือปรินท์
คราวก่อนก็มาส่งทีแล้ว คราวนี้ก็ยังต้องมาอีก ขอบคุณมากนะปรินท์ สวนหน้าบ้านสวยมากเลยแหละ คนรักเก่าที่อุตส่าห์ไปลากตัวมาให้ณนนท์ ออกอาการ แต่หมอนั่นก็ไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ไม่คิดสักน้อยว่าเธอจะรีเทิร์นอีกครั้ง เขาช่างเชื่อมั่นอะไรเช่นนี้ว่าเธอไม่มีวันเปลี่ยนใจจากเขาได้เป็นแน่... แล้วมันก็จริงดังนั้น
อ่ะนี่ ถือขึ้นเครื่องไปด้วย และหลังจากเสียงประกาศเตือนให้ขึ้นเครื่องเป็นครั้งสุดท้ายดังขึ้น ณนนท์ก็ส่งเป้ใบโตให้
ให้ฉันวางระเบิดสนามบินไหนยะ
เถอะน่า หลังจากส่งสายตาร่ำลาทุกคนแต่พองาม สีหน้าชื่นบานปานกำลังจะไปเที่ยว ขึ้นเครื่องได้ก็เปิดกระเป๋าทันทีด้วยความสงสัย กระดาษหนึ่งใบ แนบอยู่ในหนังสือหนึ่งเล่ม หนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือทำมือ ปรินท์เอาท์ด้วยกระดาษเอสี่ตัดครึ่ง ไสกาวทำปกสวยงาม เนื้อหาเป็นบันทึกของณนนท์ตั้งแต่เมื่อเธอเริ่มก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และบันทึกหลายเรื่องราวสำหรับเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตของเธอ...
หน้าสุดท้ายของบันทึกคือ
My bounty is as boundless as the sea, my love as deep: the more I give to thee, the more I have, for both are infinite. William Shakespeare.
สิ่งที่ฉันจะมอบให้ ไม่มีขอบเขต เช่นเดียวกับทะเล, ความรักของฉันนั้นลึกเท่ากับทะเล ยิ่งฉันให้เธอมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งมีมากขึ้น เพราะว่าทั้งสองสิ่งนี้มีเหลือคณานับและไร้ขอบเขต. วิลเลี่ยม เชคสเปียร์.
ปล. เสื้อกันหนาวไหมพรมตัวนี้คุณแม่ตั้งใจซื้อให้คุณโดยเฉพาะ
ผมรู้ว่าคุณขี้หนาว.../
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 50 12:29:24
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
11 มิ.ย. 50 15:02:14
]