ความคิดเห็นที่ 2
พอไปถึง เรานั่งอยู่ที่หน้าโรงพักซึ่งมีเก้าอี้รับแขกอยู่ ไม่ได้เข้าไปหาร้อยวง ร้อยเวร เพื่อบันทึกประจำวัน อะไรหรอก หัวหน้าทีมเอก็พยายามลากแม่น้ำทั้งร้อยมากระซิบว่า พี่ตกลงกับผมนี่แหละ ผมหวังดี ไม่อยากให้พี่เข้าคุกอะไร
คือเมื่อจับมาถึงตรงนี้แล้วเนี่ย จะปล่อยเปล่าไปไม่ได้ ต้องมีค่าดำเนินคดี ต้องมีบรา บรา บรา... (ไม่รู้ค่ะ สมองไม่รับแล้ว) ก็เลยบอก
พี่.. ก่อนที่จะพูดอะไรก็ตามนะ แจมมีอะไรจะบอกสองข้อ.. หนึ่งแจมไม่มีเงินเคลียร์ สองแจมยอมให้ฟ้องร้อง ดำเนินคดีตามกฎหมาย แจมยอมติดคุกค่ะ
ประมาณว่าพูดอะไรก็ตามฉันจะไม่ฟังคุณแล้ว ให้รีบดำเนินการมา อ้ายเรารึ.. คิดในใจ เออ..ดี ถ้านอนในคุกก็ดี ก็มีเรื่องให้เล่าผ่านตัวหนังสืออีก .. หุหุ
หัวหน้าทีมบีโผล่มาตอนไหนไม่ทราบ คนนี้ตัวเล็ก ๆ สวมเสื้อสีเทา แขวนองค์จตุคามด้วย ตากลมปูดโปน ล่อกแล่ก ชอบกล คนนี้คือคนที่นั่งหน้าคอมพ์แล้วค้นไฟล์มาโชว์ว่าเราผิด เมื่อคนนี้มาหัวหน้าทีมเอก็บอกเขาว่า ตกลงทำเรื่อง ยึดทรัพย์ แล้วก็ปล่อยพี่ผู้หญิงเขาไป เขาจะได้ไปทำมาหารับประทาน พอมีเงินมีทองแล้วค่อยมาเคลียร์เรื่อง นายคนนี้ทำหน้าเหม็น ๆ เหมือนโกรธเรามาสักสิบชาติ เรียกเอาคอมพ์ และพริ้นเตอร์มาต่อที่หน้าโรงพักนั่นแหละ คนที่ผ่านไปมาก็มอง ตำรวจที่ผ่านมาก็เห็นพยักหน้า ทักทายกัน เป็นเรื่องปกติ มีผู้ชายที่ตัวสูง ผอม ผมหยิก มานั่ง คนนี้เขาบอกว่าเป็น..เจ้าของค่ายเพลงอะไรทำนองนั้นแหละ คือคนที่จะเอาเรื่องเราได้ว่างั้นเหอะ .. (แต่จะ เป็นใครก็ช่าง เราไม่ได้สนใจ..รับชะตากรรมต่อไป หน้าก็คงซีด เสียงพูดก็คงสั่น สรุปวนอยู่อย่างเดียว จะเอาไปขึ้น กี่โรงกี่ศาลก็ไป.. จะขังก็รีบพาไปขังซะ ผิดแล้ว ไม่มีตังค์จ่ายด้วย ..ประเทศไทยเหอะ.. ธนาคารเอสเอ็มอีมาบอก ต่อสัญญาตั๋วเมื่อวาน หมื่นกว่าบาทยังหาเงินให้ไม่ครบเลย จะไปเก็บเงินลูกค้าวันนี้แหละ แล้วจะรีบไป ไม่งั้นเขาจะ ปรับ จะเอาเงินที่ไหนมาเสียค่าปรับให้พวกนี้ล่ะ)
ระหว่างนั้น คนในกลุ่มที่ไปบ้านเรา กับผู้หญิงสองคนก็เข้ามานั่งด้วย มีเด็กมาด้วย เด็กยังไม่หย่านมเลย ถือขวดนม ยกดื่ม เดินเตาะแตะไปมา.. ว๊าว..เป็นฉากประกอบที่น่าชมจริง ๆ คือคนที่ยกคอมพ์เราเขาพาลูกเมียมาด้วย อ่าฮ้า.. ดีจังนะคะ เขาทำงานกันทั้งครอบครัวได้ด้วย เราก็เลยนั่ง นับในใจ เท่าที่พอจะจำได้..
หัวหน้าทีมเอ, นายตำรวจที่เสียงดัง ๆ ร่างใหญ่ (หายไปไหนแล้วไม่รู้ เห็นว่ายศพันตรี), นายตำรวจที่จดว่าเอาอะไร จากร้านเราไปบ้าง.., คนยกคอมพ์สองคน, หัวหน้าทีมบี, คนที่เป็นเจ้าของ ร่างสูง ผอม ผมหยักศก, และคิดว่าคงมี นายตำรวจอีกสองสามคน.. น่าจะถึงสิบคน ไม่นับผู้หญิงกับเด็กที่เห็น
สักพักหัวหน้าทีมเอเขาก็บอกให้อนุญาตให้เอาเครื่องที่ร้านมาเปลี่ยน จะได้เอาไปทำมาหารับประทาน เราก็นึกในใจ.. อือ เขาก็ดีเนอะ (เพิ่งนึกออกตอนหลัง เขาจะคุยกับน้านพ อ่ะดิ หาเรื่องให้น้าไปที่โรงพัก เป็นจริง..จริง ๆ น้านพซึ่งไม่ยอมให้แจมเข้าคุกก็โทรศัพท์กระหน่ำหาใครต่อใครที่ พอประกันตัวเราได้ พอไปถึงก็พยายามออมชอม)
แต่แจมบอกว่าไม่เป็นไร แจมอยู่ได้ในคุกน่ะ.. เราผิดนะ เราต้องรับผิดชอบในฐานะเจ้าของร้าน คนมาโหลดอาจจะ ผิด แต่เราผิดกว่าที่ดูแลไม่ทั่วถึงเอง
น้าก็ไม่ยอมสุดท้ายน้าก็เริ่มคุยเรื่องตัวเลขกับเขา.. นาทีนั้นเราซึ่งไม่ยอมโทรหาใคร เพราะไม่รู้จะขอใครให้ช่วย แล้ว ให้ยืมเงินใคร.. เราใช้สิทธิ์ยืมกับคนรอบข้างไปหมดแล้ว เพราะกิจการของเรามันแย่.. แต่พอน้านพเริ่มคุยเรื่อง ตัวเลข.. เขาขอหนึ่งหมื่นบาท
ไม่มีค่ะ เราบอกว่าไม่มี เขาก็ลดลงมาเหลือแปดพัน.. เพราะว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ที่ยกคอมพ์เรา มาถึงโรงพัก (แหะ แหะ ..อดคิดไม่ได้ว่าใครใช้เนี่ย??????)
น้าก็ใช้โทรศัพท์ให้วุ่น.. เราก็เฉย ยอมจริง ๆ นะคะ จนกระทั่งนึกขึ้นได้ ..เลยโทรบ้าง..โทรไปหาคุณทนายที่เป็น เพื่อนกัน คุณทนายก็ให้คำแนะนำมา... ปล่อยให้ฟ้องไปเลย..อย่ายอม
สักพักใหญ่ พี่ตำรวจใจดี ท่าทางห้าวหาญ ก็มาเสียงดังโหวกเหวก เมื่อทราบเรื่อง บอกให้ฟ้องเลย พวกนั้นยิ่ง สีหน้าไม่ดี เสียงคุณตำรวจคนนี้ดังมาก.. คนในบริเวณนั้นหันมามองกันใหญ่ เราก็นั่งหน้าจ๋อย หงอย น้าซึ่งนั่งคุยกับ นายตำรวจคนนี้ก็ได้แต่หน้าซีด ๆ เพราะกลัวเขาจับเราเข้าคุก..
ยืดเยื้อจากสิบเอ็ดโมงถึงบ่ายสองกว่า.. เรื่องก็ยังไม่เสร็จ ทุกคนเริ่มหน้าหงิกมากขึ้น อากาศร้อนมาก เราไม่มีสตังค์ จ่ายนี่นา ยอมให้จับก็รีบ ๆ จับดิ (เราคิดในใจ ร้อนก็ร้อน เผื่อในห้องขังมันจะเย็นกว่าตรงนี้) เสร็จแล้วน้องสาวน้า นพก็มาพร้อมแฟนเขา.. ส่งเงินให้แปดพัน แล้วน้าก็ไปคุยกับเขา เขาพริ้นเอกสารจากคอมพ์มายื่นให้เรา คือใบตกลง ยอมความ ว่าจะจ่ายเงิน 8 พันบาท (ทีงี้พิมพ์เสร็จไวจัง อี ตอนพิมพ์บอกว่ายึดทรัพย์ ปล่อยตัวคนไหงไม่ยอมพริ้นท์สักทีหว่า)
ยืดเยื้อต่อไป เมื่อน้านพ แยกตัวไปนั่งคุยกับนายตำรวจที่บอกว่าเสียงดังโหวกเหวกให้ฟ้อง ไม่ต้องเสียค่าปรับ ที่ ศาลาข้างโรงพัก พร้อมกับนักข่าวท้องถิ่น พักใหญ่เราตามไป.. (เราไม่ยอมให้เงินแปดพัน ก็ที่ตัวเรามีเงินที่กวาดจาก ลิ้นชักมาแค่ร้อยยี่สิบเองนี่นา น้าว่าจะให้เขา น้าก็ให้ดิ..เอ๊อ)
คุยกันไปเรื่อยเจื้อย สักพักหัวหน้าทีมเอก็ไปประกบเราอีก เล่าให้ฟังว่า แน่นอนเขาส่งสปายไปลงเพลงไว้เพื่อตรวจ สอบจะได้เจอ..แต่เขาทำ เขาไม่ผิด พี่ผิดเองที่ไม่ดูแลร้าน ให้ดี (เราอัดเสียงนี้ไว้นะ) แล้วก็อะไรอีกหลายอย่างมากเลยที่เขาพูด แต่สมองเราไม่รับจริง ๆ เลยจำไม่ได้
นาทีนี้..เรามีไฟล์อัดเสียง ตอนที่เราเรียกเงินหนึ่งหมื่นลดเหลือแปดพัน และภาพครอบครัวสุขสันต์ ตอนไปทำงาน.. ยึดเครื่องคอมพ์ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ไปไว้หน้าโรงพัก และภาพของหัวหน้าทีมบี ที่กำลังพิมพ์สัญญาให้เราเซ็นต์ โดยต่อโน๊ตบุ้คและพริ้นท์เตอร์หน้าโรงพักไว้
แต่..ในสัญญาบอกว่า..ทั้งสองฝ่ายได้สัญญาว่าจะไม่ดำเนินคดีกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งทางแพ่งและทางอาญาอีก ต่อไป ทั้งนี้..เราได้ทำตามสัญญานั้น แต่เรานำมาเล่าให้เป็นอุทาหรณ์แก่เพื่อนที่เปิดกิจการร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เราคงไม่ผิดหรอกนะ..
เมื่อวาน..ตกลงเราก็รับเงินจากน้า.. แล้วไปจ่ายเงินกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ร้อยเวรประจำวัน (ใส่เสื้อขาว แขวนองค์ จตุคาม.. ไม่อยู่ในเครื่องแบบ) แล้วเขาก็ให้เอกสารเรามาสามใบ.. (เดี๋ยวแนบมาให้ดู) จ่ายเงินกันเสร็จสรรพก็เอา ของกลับ ในขณะที่เรายืมเงินจากน้องสาวน้ามาแปดพัน.. เช็คน้องเขาเด้ง ไม่ได้จ่ายค่าสินค้าในกิจการของเขา และในร้าน ของเรา ก็ยังต้องไปตามเก็บเงินจากลูกค้าเพื่อนำไปจ่ายกับธนาคารเอสเอ็มอี เพื่อต่อตั๋วสัญญาใช้เงิน แถมยังเบียด เงินที่มี ไปจ่ายค่าของผ่อนที่เขาให้พนักงานมารอเก็บที่บ้านเป็นชั่วโมง ๆ (ตอนที่เราไปโรงพัก)
เฮ้อ... นี่แหละชีวิต เรื่องเล่าอาจจะชวนงุนงง สับสนไปบ้าง.. เพราะผู้เล่าเพิ่งฟื้นจากไข้ ไม่ว่ากันนะ
อ้อ.. ลืมบอกไป หัวหน้าทีมเอ เขาเป็นคนดีนะคะ เขาได้ส่วนแบ่งมาหนึ่งพันบาท เขาเอามาฝากลูกน้องที่ร้าน คืนให้ด้วยค่ะ เพราะเมื่อวานออกจากโรงพัก เราก็ต้องรีบไป เก็บเช็คจากลูกค้า เพื่อจะเอาเงินไปเคลียร์หนี้ของ ธนาคารเอสเอ็มอีน่ะค่ะ..
เราขอบอกขอบใจ ขอบคุณเขาไปแล้ว เขาใจดีจริง ๆ ค่ะ บอกว่า
"หากมีใครมาจับพี่อีก โทรไปหาผมนะ ผมจะเคลียร์ให้"
ขอบคุณพี่หัวหน้าทีมเอ จริง ๆ
จากคุณ :
สีน้ำฟ้า
- [
13 มิ.ย. 50 20:20:08
]
|
|
|