Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    บ้านคลองเรือ ป่าเข้มข้น คนหรอยอย่างแรง

    คุณครับ  ผมไปหมู่บ้านคลองเรือ มาเมื่อวันก่อน

    หมู่บ้านคลองเรืออยู่ที่ ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร บอกละเอียดขนาดนี้เพราะผมอยากให้คุณได้ไปบ้างจัง  

    ทำไมเหรอครับ?

    เพราะว่าที่หมู่บ้านนั้น เค้ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจจริงๆ ตั้งแต่...

    โครงการ “คนอยู่ป่ายัง”

    “การเกษตร 4 ชั้น” ที่จะทำให้คนและป่ากลับมาพึ่งพิงกันได้เหมือนเดิมอีกครั้ง

    “การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” แก่นแท้ของสายสัมพันธ์อันยั่งยืน ระหว่างคนต่างถิ่นและคนในพื้นที่

    และอื่นๆ อีกมากมาย   ที่ผมคงไม่มานั่งสาธยายความสวยงามหรือความแปลกของ น้ำตก ภูเขา สัตว์ป่า หรือพันธุ์พืชอะไรให้ฟังหรอก

    แต่ที่อยากจะเล่าให้ฟังก็คือ ความ “หรอย” ของคนที่นั่น

    คนคลองเรือเค้า “หรอย”

    หรอย แปลว่า สนุก อร่อย มัน แล้วแต่ว่าคุณจะเอาคำว่า “หรอย” ไปต่อเข้ากับประโยคไหน

    ถ้าต่อกับประโยคที่ว่า คนคลองเรือเค้าหรอย นั่นผมหมายความว่า คนที่นั่นเค้าสนุกสนานเฮอากันได้ใจดีจริงๆ

    ผมและผู้ร่วมเดินทาง พักที่บ้านเค้า หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Home Stay

    -กินอย่างเค้า อยู่อย่างเค้า และขี้อย่างเค้า-

    ไม่มีไฟฟ้าใช้  แต่ดูทีวีได้บ้างเพราะมี แผงรับพลังงานแสงอาทิตย์

    ไม่มีประปา แต่มีน้ำเย็นเชียบจากต้นน้ำภูเขาสูง

    ช่วงหัวค่ำ หลังจากหมดเรี่ยวแรงกับการงานมาทั้งวัน  ถ้าคุณดูข่าวแล้วดูละครต่อ ช่วงพระเอกกำลังจูบปากนางเอกหรือ ช่วงนางร้ายกำลังวีดว้ายอย่างบ้าคลั่ง

    พลังงานไฟฟ้าที่แปรมาจะหมดลงพอดี

    ต้องเลือกเอานะครับ... จะสาระหรือบันเทิง

    สองคืนที่มีขุนเขาเป็นแบ็คกราวน์ ดวงดาวพราวฟ้า

    ผมได้รู้จักคนน่ารักมากมาย  คุณรู้ใช่มั้ยคนน่ารักเป็นไง?

    เค้าจะเหมือนเพื่อนบางคนของเรา เพื่อนคนนั้นไม่ว่ามันจะทำ จะพูดอะไร เราจะยิ้ม จะขำไปกับมัน แม้แต่ตอนที่มันยืมเงินเรา แล้วไม่คืน เรายังต้องง้อมันไปกินเหล้าด้วยกันเลย

    ครูลพ คือคนน่ารักคนแรกที่ผมรู้จัก หน้านิ่งตาย ดูยากว่าพูดจริงหรือพูดเล่น ต่อให้ดื่มทั้งคืนก็หน้าเดิม อาจเพราะแกเป็น ตชด. ที่วางปืนแล้วหันมาถือปากกาตรวจการบ้านเด็กแทน ครูลพเป็น ผอ.โรงเรียนในหมู่บ้าน ที่มีนักเรียนอยู่เพียงแค่ 23 คนเท่านั้น

    -น้อยเนาะ ทีวีก็ไม่ค่อยได้ดูกัน

    คนที่สองคือ ครูชิก สุภาพบุรุษเจ้าสำราญ พูดกลางลิ้นห่อ ต้องห่อเพราะทองแดงมันจะหล่น ผิวขาวและยังไม่จางกลิ่นเมือง พ่อหนุ่มคนนี้ยิ้มทุกครั้งเมื่อพูดจบประโยค และยิ้มหวานที่สุด เมื่อเปิดเผยหลังผ่านสุรากลั่นชุมชน 2 ขวดไปแล้วว่า มีแฟน 11 คน (ขออภัยผู้เขียนก็กำกวมเหลือเกินว่ามีมาแล้ว มีอยู่ หรือมีมั่งไม่มีมั่ง)

    -เทคโนโลยีบางอย่างเราก็ปฏิเสธไม่ได้- (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ยยยยย)

    ขี้ไก่  ไกด์หนุ่มขี้อำ รับปรัชญาที่ว่า การอำทำให้คนฉลาดขึ้น มาใช้อย่างครึกครื้น ทุกอย่างที่เค้าแนะนำ คิดก่อนนะครับ... อย่าเพิ่งเชื่อ

    “พี่ครับ ถ้าไม่อยากโดนทากกัด เอายาเส้นมาอมไว้นะครับ”

    -เด็กกรุงเทพฯ มันก็เชื่อ พอถกขากางเกงดู เลือดซิบ

    “พี่ครับ ใบไม้นี้กินได้นะครับ” ว่าแล้วหยิบใส่ปาก  คนเดินตามหลังมาลองกินดูมั่ง

    เท่านั้นล่ะ ไกด์ขี้ไก่เราลงไปนอนชักดิ้นชักงอ น้ำลายฟูมปาก (เพราะก่อนหน้านั้นแอบซัดอีโนไปซองแล้ว)


    จอม คนนี้ขอถือวิสาสะไม่มีสรรพนามนำหน้า - ตามหลัง  เพราะเดาไม่ออกจริงๆว่าพี่แกอายุเท่าไหร่ หน้าตาผิวพรรณเข้มแบบปักษ์ใต้ จมูกจับสันสูง รูปปากบังคับให้ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา เรียกพ่อว่า ป๋า และเทิดทูนเหนืออื่นใดในความคิดของป๋าที่ว่า ไม่เคยคิดจะรวย หิวอะไรก็ปลูกอันนั้น   ชายไทยใจถึงคนนี้กล้าท้าทุกคนบนโลกนี้เลยว่า ไม่มีใครข้ามภูเขาหลังหมู่บ้านได้เร็วกว่าเค้าอีกแล้ว ต่อให้ขับมอ’ไซค์ไปทางถนนดำก็ตาม

    “เมียผมนี่ทั้งสาวทั้งสวยนะพี่  เพราะเมียผมชื่อ สาว”
    “ครับ แล้วเจอกันได้ไงครับ”
    “เนี่ยครับ เดินข้ามเขาไปลูกเดียวเอง”
    “อืมม์...นะ”

    พี่ดำ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของบ้านใจดีที่โดนคิวต้องให้เรานอนด้วยพอดี หมู่บ้านนี้ถ้าใครจะไป Stay ก็ว่ากันไปตามคิว ถึงคิวใคร คนนั้นก็ต้องรับแขกไป ใครจะมาแบบชั้นมีตังค์ขอล็อคเอาบ้านคนนั้นคนนี้ไม่ได้เชียว  มันเสียระบบ  ไม่เหมือน อาบอบนวด นะครับ ที่พอติดใจกันก็ชวนไปไซด์ไลน์กันข้างนอกได้

    -เรื่องแบบนี้อย่ามาเหมาว่าที่นี่เค้าซื้อกันได้นะครับ-

    พี่ดำ หรือผู้ช่วยดำ เจ้าของบ้านปล่อยให้เราทานข้าวก่อนในมื้อแรกที่ไปถึง ยิ้มพลางมองพลาง เราสงสัยถามแกไป

    แกก็บอกมาอย่างนี้  

    “พี่กินข้าวได้ ผมก็สบายใจ พี่กินหมดผมก็สลดใจ”  


    พี่มานิต ประธานกลุ่มท่องเที่ยว พูดน้อย น้อยเพราะว่าสัญญาณโทรศัพท์ที่นั่น มันไม่มีหรอก  -ตอนนัดกันว่าจะไปที่หมู่บ้าน  เราขับรถเข้าไปในป่า อย่างส่งเดช มีร่องรอยเพียงแค่ชื่อพี่มานิตและเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อไม่ได้ แต่แกก็ยังยืนรอรับเราอยู่หน้าเวทีชาวบ้าน แม้ว่าเวลาที่เราไปถึงจะเคลื่อนไปเป็นชั่วโมงก็ตาม


    พี่ชาญ  ชายจากที่ราบสูง แกมาเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่นี่ ( หมู่บ้านนี้มีคนอยู่ 301 คน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 3 คน ) พูดใต้ชัดเท่ากับพูดอีสาน และพูดเก่งซะจนคนใต้ต้องขอพูดบ้าง หลักการเยอะแยะ และใช้ภาษาอย่างมหาบัณทิตติดสภา  อาจเพราะแกเกรงสำเนียงจะไม่คุ้นหูคนกรุงอย่างเรา แต่ลึกๆ แล้วเราแอบเห็นเงากวีทุกถ้อยเสียงที่แกเปล่ง

    -ขุนเขาเป็นแบ็คกราวน์ ดวงดาวพราวฟ้า –

    คำนี้ก็ของแก  ซึ่งที่จริง ยาวและสวยกว่านี้ แต่ผมจนด้วยเกล้าจริงๆ เพราะคืนนั้นทุกคนดูจะขยันป้อนข้อมูลให้เรากันอย่างอลหม่าน


    ผู้ใหญ่คล้อง ชื่อแกต้องออกเสียงให้สั้นเหมือนระฆังสั่น   ไม่มีอะไรประทับใจมากไปกว่า ชื่อที่น่ารัก และบุคลิกนิ่งเนือย เพราะถ้าไม่นิ่งจริงคงเอาลูกบ้านนี้ไม่อยู่แน่ๆ ว่าแต่จะเอาอะไรล่ะ ก็อยู่กันอย่างครื้นเครงอย่างนี้ ก่อนกลับแกยังออกปากขอปลาดุกย่างไปให้หมากิน

    “แยกน้ำจิ้มด้วยนะ”

    แหม... ผู้ใหญ่

    ทำไปได้


    และอีกหนึ่งบุคคลที่แม้ไม่ได้เจอ แต่ผมอยากพูดถึงมากก็คือ หัวหน้าหน่วยอนุรักษ์จัดการต้นน้ำ  -พี่มนูญ  หรือที่น้องๆ  เรียกแกว่า บ่าวจบ

    บ่าวจบ -บ่าวนี่แปลว่า พี่ นะ (เผื่อไม่รู้)  สร้างความประทับใจให้เราตั้งแต่เลี้ยวรถเข้าไปที่หน่วยแล้ว

    เมื่อเราเห็นป้ายเขียนว่า      –สถานที่ราชการให้เข้า-  

    แกบอกลูกน้องแกว่า ถ้าห้ามเข้า เกิดเค้าง่วงขับรถตกเหวตายห่า จะเป็นไง?

    บ่าวจบสร้างบ้านหลังเล็กต้อนรับใครก็ได้ที่อยากแวะเข้ามาไว้หลายหลัง ทุกหลังตั้งชื่อเป็นคำพระ อย่างเช่นศาลาที่เราไปนั่งกินข้าว ชื่อศาลาหิริโอตัปปะ  

    มีประโยคเด็ดๆ ติดตามขื่อคาน เช่น

    -อาหารที่นี่ปลอดสารพิษทุกอย่าง ยกเว้น “ข้าว”-  (แต่อนาคตจะไม่ยกเว้น เพราะปลูกเองแล้ว)  

    -ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนที่ไม่มีใครเข้าใจ –   อันนี้ก็ชวนยิ้มเหมือนกันเมื่อรู้ว่า ปรัชญา  การอำทำให้คนฉลาดขึ้น มาจากแก

    และสิ่งก่อสร้าง โรงเรียน ศาลา บ้านต้อนรับ หรือกระทั่ง สุ่มไก่แกจะออกแบบให้เป็นโดมสูงๆ ทั้งหมด  

    ด้วยอารมณ์ขัน เรานึกว่าแกจบธรรมศาสตร์ แต่ปรากฏว่าเป็นเมียแกต่างหาก (จะเกี่ยวกันมั้ย ก็ไม่รู้)

    เรานึกชอบแก เมื่อขี้ไก่บอกเราว่า แกเป็นคนแปลก  

    ชาวบ้านจะไปสร้างบ้านอยู่ในป่า  ถ้าเป็นคนอื่นจะให้ชาวบ้านไปซื้อไม้เอาเองจากโรงเลื่อย แต่แกบอกไปตัดเอาเลย

    คนหนึ่งคนสร้างบ้านหนึ่งหลัง  ดูแลป่าตั้งกี่หมื่นไร่

    จะอนุรักษ์ไว้ทำไม ถ้ามันไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ใคร?

    และผมคิดว่าบุคคลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คงเป็นส่วนนึงของที่มาของโครงการที่ชื่อว่า

    -คนอยู่ป่ายัง-

    และคนที่ “หมู่บ้านคลองเรือ” นี้ ผมคิดว่านอกจาก ป่าจะยัง แล้ว

    ป่านั้นยังเข้มข้น
    คนก็หรอยอย่างแรงอีกต่างหาก

    จากคุณ : pingupa - [ 15 มิ.ย. 50 10:22:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom