บนถนนสายเอเซีย รถเก๋งขนาดเล็กสีบรอนซ์กำลังวิ่งจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่รังสิต
คนขับเป็นชายหนุ่มรูปร่างล่ำสัน หน้าตาคมคาย เขาสวมแว่นกันแดดสีชายิ่งทำ
ให้ดูเป็นคนเคร่งขรึมและจริงจังมากขึ้นไปอีก เสียงเพลงในรถได้ยินเพียงเบาๆ
เหมือนเขาไม่ต้องการให้มีสิ่งใดรบกวนความคิดคำนึงขณะขับรถ แต่ก็มีเสียง
โทรศัพท์ดังขึ้นแทรกขึ้นมา เขามองดูหมายเลขที่โทรเข้าก่อนจะกดรับสาย
"สวัสดีครับ พนมกร พูดสายครับ" เขาพูดเหมือนเครื่องตอบรับอัตโนมัติ ซึ่งไม่ว่าจะ
เป็นใครโทรเข้ามาเขามักจะรับสายด้วยประโยคเช่นนี้เสมอ
"เออ รู้แล้ว กับเพื่อนกับฝูงทำตัวให้เป็นกันเองหน่อยไม่ได้รึไงวะ" ปลายสายอีก
ข้างต่อว่า
"ก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ทำไมพวกนายไม่ชินเสียทีล่ะ" พนมตอบ
"เออ เฮ้ย นม นายอยู่ไหนวะตอนนี้" อีกฝ่ายถาม ทำเอาพนมกรต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน
โดยไม่รู้ตัว เขาเองไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อเขาสั้นๆแบบนี้บางครั้งเขารู้สึกอยาก
เปลี่ยนชื่อให้มันรู้แล้วรู้รอด
"กำลังจะถึงรังสิต" เขาตอบ ในขณะที่อีกฝ่ายทำเสียงประหลาดใจ
"เอ้ย อย่าบอกนะว่าไปตามหาผู้หญิงคนนั้นน่ะ"
พนมกรยิ้มนิดๆที่มุมปากอย่างจนคำตอบ
"เออ นายนี่มัน จริงจังกับทุกเรื่องเลยรึไงวะ แล้วตกลงนี่เชื่อจริงๆหรือว่าผู้หญิง
คนนั้นเป็นเนื้อคู่นายน่ะ" อีกฝ่ายถาม
"ก็ไม่เชิง แค่อยากพิสูจน์เรื่องคำทำนายแค่นั้นล่ะ" เขาตอบ
"งั้นก็ตามใจ อย่าลืมงานเลี้ยงรุ่นคืนนี้ก็แล้วกัน" ผู้พูดปลายสายเตือน
"ได้ ไม่ลืม" เขาตอบก่อนจะวางสาย
พนมกร นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน เขาถูกเพื่อนๆชวนไปเที่ยวกับกลุ่มสาวๆ
ออฟฟิศ ซึ่งโดยปกติแล้วเขาจะหาทางเลี่ยงให้มากที่สุดจนหลายๆคนมองว่าเขา
เป็นคนที่หยิ่ง พนมเองก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่เหมือนต้องรออะไรบางอย่าง
แต่ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังรอคอยนั้นมันคืออะไรกันแน่ ทำให้เขา
ใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากกว่าที่จะไปกับกลุ่มเพื่อน แต่เมื่อเพื่อนๆในกลุ่มวิศวกร
โครงการของเขานัดรวมตัวกันพาน้องๆเลขาทั้งหลายไปเที่ยวที่จังหวัดอยุธยา
และยื่นคำขาดว่าจะอย่างไรงานนี้เขาห้ามเบี้ยวเด็ดขาดมิฉะนั้นจะตัดความเป็น
พี่เป็นน้องนั่นละเขาถึงยอมไป แต่อย่างไรก็ยังมีเงื่อนไขว่าจะขอขับรถส่วนตัว
ไปเองซึ่งเพื่อนๆก็ไม่ขัดข้อง
เมื่อมาถึงจังหวัดอยุธยาเพื่อนๆของเขาพาไปไหว้พระในวัดมีผู้คนนับถือและ
นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากแห่งหนึ่ง
เมื่อไหว้พระกันครบทุกคนแล้วก็ต้องมาเสี่ยงคำทำนายซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่า
สาวๆเลขาทั้งหลาย รวมทั้งกลุ่มเพื่อนๆของเขาด้วย จะมีก็แต่เพียงพนมที่ยืนดูอยู่
ห่างๆ แม้ว่าเพื่อนๆจะขะยั้นขะยอให้เขาลองเสี่ยงคำทำนายดูแต่เขาก็ปฏิเสธ
"ทำไมวะ นม กลัวอนาคตหรือไง" เพื่อนคนหนึ่งถาม
เขาชำเลืองมองดูสาวๆเลขากลุ่มนั้นซึ่งเห็นว่าหลายคนกำลังกลั้นหัวเราะกับ
สรรพนามที่เพื่อนๆในกลุ่มเรียกเขาจนอยากชกหน้าเจ้าเพื่อนตัวดีสักหมัด
"เปล่า แค่ไม่ชอบอะไรที่ไม่ได้ควบคุมเอง วางแผนเอง" เขาตอบ
"เอาอีกแล้ว ไอ้นมเอ้ย รู้จักเรื่องดวงมั่งมั้ยวะ เนื้อค่งเนื้อคู่น่ะ รู้จักมั้ย" เพื่อนอีก
คนถาม
"ก็ยังไม่เจอ" เขาตอบสั้นๆ
"นั่นละ ก็ลองดูหน่อยเผื่อขับรถกลับนี่จะเจอเลยไง" เพื่อนคนเดิมแซว
เขาตั้งใจจะต่อปากต่อคำกับเพื่อนกลุ่มนั้นอีกหน่อยแต่มีเสียงเรียบๆแต่อบอุ่น
เรียกขึ้นมาเบาๆทำให้เขาต้องหยุดความตั้งใจ
"โยม "
พนมกรหันหลังกลับมาพบว่ามีพระสงฆ์มีอายุรูปหนึ่งมายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อ
ไรก็ไม่รู้
"ครับ หลวงตา" เขาตอบพร้อมกับย่อตัวลงนั่ง
"โยมไม่เชื่อเรื่องโชคชะตารึ"พระสงฆ์รูปนั้นถาม
"ไม่ครับ หลวงตา ชีวิตผม ผมกำหนดเองได้" พนมกรตอบ เขาคิดว่าในแววตาของ
หลวงตา น่าจะมีแววไม่พอใจอยู่บ้างแม้เล็กน้อย แต่ก็เปล่า เขาเห็นแต่แววตาที่
แสดงความปราณี
"บางครั้งโชคชะตาก็ชอบเล่นตลกนะ ความจริงแล้วมันเป็นกรรม กรรมของเขา
ของคุณ ของเธอ เป็นเรื่องที่ยากที่จะให้เข้าใจ" หลวงตาพูด
"โยมไม่สนใจเสี่ยงคำทำนาย แต่หลวงตาจะทำนายให้เอามั้ยล่ะ"หลวงตาพูดต่อ
"ดีครับหลวงตา" เพื่อนคนหนึ่งตอบแทน
"ขอเป็นเรื่องเนื้อคู่มันนะครับ อยากรู้ว่าจะมีใครโชคร้ายสุดๆมั้ยที่มารักมัน" เพื่อน
อีกคนแย่งพูด พนมกรได้แต่มองและส่ายหน้า
"ได้สิ "หลวงตาบอกพร้อมกับจัดจีวรให้เข้าที่
"เรื่องที่บอกนี้มันเป็นกรรมนะโยม คนที่โยมอยากพบ และคนที่เขารอโยมอยู่จะได้
เจอกันในวันนี้ แต่ขอให้โยมรู้ไว้ ทุกคนมีกรรมของตัวเองไม่มีใครจะฝืนกฏแห่ง
กรรมไปได้" หลวงตาบอก
"อีกหน่อยสิครับหลวงตา ยังไม่เห็นรู้เรื่องเลย" เพื่อนของเขาถามหลวงตา
"ก็บอกได้เท่านี้ละ โยม" หลวงตายิ้มและเดินออกไป
จากคุณ :
กลิ่นกาแฟ
- [
16 มิ.ย. 50 17:04:11
A:202.139.211.108 X:
]