Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เศษหนึ่ง..ของเสี้ยวใจ

    หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งกำลังขะมักขะเม่นกับการเปลี่ยนหลังคาของโรงเรียนของหมู่
    บ้านหลังสัน หมู่บ้านหนึ่งในถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่งของประเทศ..
    โรงเรียนนี้มีครูเพียงคนเดียวซึ่งแค่เวลาที่จะสอนเด็กทุกชั้นปีก็แทบจะเป็นไป
    ไม่ได้แล้ว ยิ่งเวลาที่จะซ่อมแซมอาคารเรียนยิ่งไม่มีความเป็นไปได้..
    และเท่าที่ทราบจากผู้ใหญ่บ้านคือ ครูที่มาที่นี่ส่วนใหญ่มาอยู่เพียงสามหรือสี่เดือน
    ก็ขอย้ายออกไปเนื่องจากทนกับความลำบากไม่ไหว...

    หมู่บ้านหลังสันเป็นหมู่บ้านที่อยู่บนแนวเขาลึก หน้าหนาวก็หนาวจัดจนบ้าน
    เรือนแถวนี้มักสร้างแบบไม่มีหน้าต่างเพื่อป้องกันความหนาว และสำหรับหน้า
    ฝนไม่มีบ้านหลังใดเลยที่ไม่มีปัญหาหลังคาที่ทำจากใบจากรั่วจนน้ำเจิ่งบ้าน
    ยิ่งโรงเรียนแล้วสภาพแย่กว่าบ้านทุกหลัง...
    ตรันย์ เป็นตัวตั้งตัวตีในการพาเพื่อนๆนักศึกษามาออกค่ายอาสาพัฒนาในหมู่
    บ้านแห่งนี้หลังจากที่ดูข่าวชาวบ้านออกมาเรียกร้องต่อหน่วยงานรัฐให้เข้าไป
    ช่วยเหลือและพัฒนา..

    เสียงนกหวีดเรียกให้สมาชิกและชาวบ้านรู้ว่าถึงเวลาพักแล้วดังขึ้นจากโรงครัว
    หรือก็คือใต้ถุนของบ้านผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง ตรันย์ เรียกเพื่อนๆของเขาให้เก็บ
    เครื่องไม้เครื่องมือให้เรียบร้อย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอาบน้ำทำความสะอาด
    ร่างกาย สำหรับที่นี่ยังต้องอาบน้ำบ่อที่เย็นจับขั้วหัวใจ และไม่มีไฟฟ้าใช้ ดังนั้น
    กิจกรรมที่วุ่นวายหลายๆอย่างจึงจำเป็นต้องยุติก่อนที่ความมืดจะเข้ามาเยือน..

    ตรันย์เดินอ้อมมาทางห้องเรียนของเด็กเล็ก เขาได้ยินเสียงใสๆกำลังสอน
    ผู้หญิงในหมู่บ้านรู้จักวิธีคุมกำเนิด ...เจ้าของเสียงเป็นเด็กสาวรูปร่างบอบ
    บางผิวขาวอมชมพู รอยยิ้มที่เห็นฟันขาวซี่เล็กๆเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ..
    อุปกรณ์ที่เด็กสาวนำมาเป็นโปสเตอร์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคทางเพศสัมพันธ์
    และวิธีการคุมกำเนิดซึ่ง ตรันย์ไปขอมาจากสาธารณสุขจังหวัดเมื่อวันแรกที่
    เดินทางมาถึงที่นี่... แก้มชมพูของเด็กสาวยิ่งแดงเข้มขึ้นไปอีกเมื่ออธิบาย
    วิธีคุมกำเนิดให้กับผู้หญิงในหมู่บ้านแล้วนักเรียนของเธอถามว่าเธอใช้วิธีใดอยู่
    เด็กสาวอึกอักพร้อมกับหันซ้ายหันขวาจนมาเจอตรันย์ที่ยืนกลั้นหัวเราะอยู่..
    เธอเดินตรงมาที่เขาและทุบเขาเต็มแรง
    "โอ้ย" ตรันย์แกล้งร้องแต่ก็ยังไม่หยุดหัวเราะ
    "เข้ามาเลยพี่ตรันย์ มาช่วย มิน เลยมา กำลังตกที่นั่งลำบาก"เด็กสาวบอกโดยที่
    หน้ายังแดงเป็นลูกตำลึง
    "อ้าวก็ตอบเค้าไปสิ ว่ามินใช้วิธีอะไร"ตรันย์ยังยั่วเด็กสาวซึ่งทำให้เขาโดนมือ
    เล็กๆทั้งทุบทั้งหยิก
    "ไม่เคยใช้ย่ะ ยังไม่ถึงเวลา ตัวเองน่ะไปช่วยแก้ปัญหาให้เค้าเลยไป" เด็กสาว
    ดันตรันย์ให้เข้าไปในห้องเรียนจนได้พร้อมกับเสียงหัวเราะของนักเรียนรุ่นใหญ่

    ...................................

    หลังอาหารมื้อเย็นสมาชิกชมรมต้องมาร่วมประชุมเพื่อรายงานความคืบหน้าและ
    อุปสรรคของงานซึ่งแต่ละส่วนมีความคืบหน้าอย่างน่าพอใจและหลังจากนั้นก็เป็น
    เวลาที่สมาชิกชมรมและชาวบ้านจะมีกิจกรรมรอบกองไฟกันซึ่งโดยมากก็คือการ
    ร้องเพลงผิงไฟ.อากาศที่หนาวเหน็บทำให้สมาชิกทุกคนต่างพร้อมใจกันมาล้อม
    รอบกองไฟโดยไม่ต้องบังคับ ซึ่งหลายคนได้นำผ้าห่มผืนบางออกมาคลุมร่างกาย
    แสงจากกองไฟช่วยขับใบหน้าของหนุ่มสาวให้เหลืองนวลแปลกตา

    สายตาของตรันย์จับจ้องอยู่ที่เด็กสาว..มิน.. เขานึกถึงวันแรกที่เธอมาขอ
    สมัครเข้าชมรมอาสาพัฒนา ด้วยรูปร่างที่บอบบาง แววตาที่ใสจนเหมือนโลกนี้จะ
    ไม่เคยมีเรื่องเลวร้ายใดๆให้เธอพบพาน ทำให้เขาต้องเตือนเธอถึงเรื่องความลำบาก
    ของการออกค่ายอาสาว่าคงไม่เหมือนกับที่เธอไปเที่ยวกับครอบครัว แต่ด้วยแววตา
    ที่เด็ดเดี่ยวของเธอทำให้เขาซึ่งเป็นหัวหน้าชมรมอาสาพัฒนาต้องเป็นคนชี้แจง
    และรับรองเด็กสาวเข้าชมรม
    แรกๆดูเหมือนเด็กสาวจะไม่คุ้นเคยกับการทำงานแบบนี้สักเท่าไรแต่เธอก็ใช้
    เวลาไม่นานในการเรียนรู้และช่วยงานในชมรมได้อย่างคล่องแคล่ว..

    ใบหน้านวลใส และยิ้มที่สดใสร่าเริงสะกดตรันย์ไม่ให้ละสายตาไปจากภาพที่เห็น
    จนกระทั่งเด็กสาวมองกลับมาพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือเหมือนจะบอกอะไรกับเขา

    "ขอเชิญพี่ตรันย์ครับ.."เสียงพิธีกรประจำวันเรียกเขา..
    "....ขอเชิญพี่ตรันย์ประธานชมรมครับ..." เสียงพิธีกรเรียกซ้ำ
    "ไอ้ตรันย์ โว้ย เอ็งช่วยมากล่าวปิดงานรอบกองไฟวันนี้หน่อยเถอะวะ ..
    แล้วค่อยไปจ้องเป็นปลากัดต่อก็ได้" เพื่อนของตรันย์ซึ่งทำหน้าที่พิธีกรแซว
    อย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นตรันย์ยังใจลอยอยู่ เรียกเสียงเฮออกมาจากลุ่มสมาชิกและ
    ชาวบ้านได้ดังลั่นเขา
    ตรันย์ลุกขึ้นเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะทำอะไรในขณะที่เด็กสาวเอามือทั้งสองข้าง
    ปิดหูเมื่อเพื่อนสาวในกลุ่มพากันหยอกล้อ
    "เอ่อ ... คือ ต้องขอโทษด้วยครับ พอดีใจมันลอยไปไหนไม่รู้.."
    ตรันย์บอกซึ่งก็ยังเรียกเสียงเฮจากกลุ่มได้
    "ขอบคุณสำหรับกิจกรรมทุกอย่างที่เราได้ทำในวันนี้และวันต่อไปจนกว่า
    โครงการเราจะบรรลุเป้าหมายนะครับ ผมในฐานะตัวแทนของชมรมขอปิด
    กิจกรรมรอบกองไฟสำหรับวันนี้เพียงเท่านี้ครับ.." ตรันย์บอกก่อนที่
    สมาชิกทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน..

    เช้าวันรุ่งขึ้นตรันย์ตื่นเช้ากว่าทุกคน ดวงตะวันยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้ามีเพียงแสง
    สลัวๆจากทิศตะวันออกเท่านั้น เขาก่อไฟกองเล็กๆและต้มน้ำเพื่อชงกาแฟสำเร็จ
    รูป กลิ่นกาแฟหอมลอยมาแตะจมูก เขาสูดหายใจนำเอาอากาศที่ชื้นด้วยไอหมอก
    และกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นเข้าปอด
    "พี่ตรันย์ตื่นเช้าจังค่ะ"เสียงเล็กๆดังมาจากด้านหลัง ตรันย์หันไปมองพบเด็กสาว
    ในชุดกีฬาซึ่งถูกแปลงมาเป็นชุดนอนชั่วคราวในขณะออกค่ายแบบนี้ห่อตัวอยู่ในผ้า
    ห่มผืนบาง..
    "มิน ก็ตื่นเช้านะ ... กาแฟไหม?" เขาถาม
    "ค่ะ ห้อมหอม" เด็กสาวพูดพลางชะโงกดูกาแฟในหม้อสนาม..
    เขารินกาแฟให้เธอ เด็กสาวนั่งลงข้างๆเขาและมองไปทางทิศตะวันออก..
    "มินไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้เลยนะคะ ไปเที่ยวเองก็ตื่นไม่ทัน"เด็กสาว
    บอก
    "ไม่ใช่มินคนเดียวหรอก คนเมืองแทบทุกคนนั่นละ แต่สำหรับชาวบ้านที่นี่
    เค้าเห็นกันเป็นเรื่องปกติแล้ว.."ตรันย์ตอบ เขาแอบมองแก้มใสๆที่เริ่มแดง
    เพราะความหนาวจากอากาศยามเช้า
    "พี่พามินมาลำบากหรือเปล่า?"เขาถาม เด็กสาวใช้สองมือประคองแก้วกาแฟ
    เพื่อขอความอบอุ่นก่อนจะตอบ
    "ไม่หรอกค่ะ เพียงแค่เป็นสิ่งที่มินไม่เคยเจอเท่านั้น.." เด็กสาวบอก
    "มินรู้สึกว่าที่นี่ มินมีค่ามากว่าในเมืองนั่น...ถ้าเลือกได้มินก็อาจเลือกทาง
    สายนี้ต่อไป..แล้วพี่ตรันย์ล่ะคะ" เด็กสาวพูดต่อพร้อมกับหันมาถามตรันย์
    "สำหรับพี่ได้เลือกเส้นทางสายนี้มาแล้ว... พี่เป็นผู้ชายจะอย่างไรทางบ้าน
    ก็คงไม่ห่วงมาก ..แต่มินนี่สิ บอบบางอย่างนี้ทางบ้านคงไม่ยอมล่ะมั้ง"เขาถาม
    "ก็ มินรู้ว่าถ้ามินจะเดินทางสายนี้ก็คงต้องต่อสู้หนักหน่อย ทั้งอุปสรรคทางบ้าน
    และความลำบาก...มินเรียนมาทางมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์นะคะ งาน
    แบบนี้ก็ถือว่าตรงกับที่เรียนเชียวล่ะ แต่พี่ตรันย์นี่สิ เรียนวิศวะแล้วจะมาเป็นครู
    ดอยได้ไง"เด็กสาวย้อนถาม
    "ทำไมจะไม่ได้ ก็มาเป็นเพื่อนใจครูดอยไม่ได้หรอ"เขาตอบทีเล่นที่จริงทำเอา
    แก้มที่แดงอยู่แล้วของเด็กสาวแดงขึ้นไปอีก ตรันย์ลุกขึ้นพร้อมกับยื่นมือให้เด็ก
    สาว "อ้าวลุก ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้วใครอยู่สูงกว่าเห็นก่อน"เขาบอก
    "ว้าอย่างนี้ มินก็เห็นทีหลังพี่สิ " เด็กสาวบ่นพร้อมกับลุกขึ้นโดยอาศัยแรงฉุด
    จากเด็กหนุ่ม แต่พื้นที่เธอยืนอยู่เป็นหลุมเล็กๆทำให้เด็กสาวเสียหลักไปพิงกับ
    อกของชายหนุ่ม ความใกล้ชิดและความรู้สึกอบอุ่นทำให้เด็กสาวไม่ได้ตั้งใจผลัก
    ตัวเองออกจากอ้อมแขนของเด็กหนุ่มเท่าที่อยากให้เป็น ตรันย์ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ
    ของแชมพูสระผมจากเด็กสาว
    "มิน.."ตรันย์เรียกเด็กสาวที่เสียหลักพิงอยู่ เขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัว
    "คะ" เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองในขณะที่เขาโน้มใบหน้าลงมาพร้อมกับประทับ
    จูบแรกให้กับเธอพร้อมๆกับแสงเรืองรองที่พ้นขอบฟ้า.....
    ....................................
    ตรันย์ตื่นจากความคิดคำนึงถึงเรื่องราวเมื่อหกปีก่อนกลับมามองจดหมายในมือ
    เขาอ่านจดหมายในมือซ้ำแล้วซ้ำอีก จดหมายที่ยับจนเกือบจะเรียกว่ายู่ยี่แสดง
    ให้เห็นว่าเมื่อมันออกจากมือผู้ส่ง มันต้องผ่านความยากลำบากมาไม่น้อยกว่าจะ
    มือผู้รับ..แต่นั้นไม่เท่ากับเนื้อความในจดหมายที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลัง
    ใช้มีดแทงเข้าขั้วหัวใจตนเองอยู่..
    "พี่ตรันย์คะ
    ไม่รู้ว่าจดหมายฉบับนี้จะทันงานแต่งพี่ตรันย์มั้ย เพราะจดหมายที่พี่ตรันย์
    ส่งมาเดือนมีนาคมแต่มินได้รับเดือนเมษายนก็ใช้เวลาเดินทางเกือบเดือน...
    มิน เขียนตอบพี่ตรันย์ทันที... แต่ก็ฉีกทิ้งอยู่หลายเที่ยว...จนแล้วจนรอด
    ก็มีฉบับนี้เหลือรอดมา... มินขออวยพรให้พี่ตรันย์โชคดีกับความรัก..
    ความจริงมินรู้ข่าวพี่ตรันย์จากโทรทัศน์ในหมู่บ้านมาพักนึงแล้ว..นักธุรกิจ
    หนุ่มอนาคตไกลกับหลานสาวคุณหญิงรื่นฤดี..เป็นคู่ที่ใครอีกหลายๆคนคงต้อง
    อิจฉา...รวมทั้งมินด้วย...
    พี่ตรันย์ไม่ต้องโทษตัวเองที่พี่เปลี่ยนใจออกจากเส้นทางสายนี้..เพราะตอนนั้น
    เราต่างก็ยังเด็ก..เหตุและผลมันยังน้อยกว่าอารมณ์และอุดมการณ์..
    ตอนนี้เราต่างเติบโตขึ้น..มินยังมีชีวิตและความสุขในแบบที่มินเลือก..
    ตอนฟ้าสางที่นี่ดูแล้วก็ยังอบอุ่นเหมือนวันนั้น... มินไม่เคยเสียใจที่ได้รู้จัก
    และรัก..พี่ตรันย์..พร้อมทั้งได้เห็นเส้นทางที่มินได้เลือก..มินอยากโทร
    ไปอวยพรพี่ด้วยตัวเอง แต่ติดที่ไม่มีเสาโทรศัพท์สักต้นบนนี้ ก็ได้แต่ส่งคำอวยพร
    มาให้พี่ตรันย์ทางจดหมาย..นี่คงเป็นฉบับสุดท้ายที่มินจะส่งถึงพี่ตรันย์..
    ด้วยเหตุและผลที่เราต่างรู้ดี.....สุดท้ายนี้มินขอให้พี่ตรันย์มีความสุขค่ะ..

    มิน..."


    ตรันย์เห็นรอยน้ำตาหยดลงบนจดหมายอยู่หลายดวง ..เขาใช้นิ้วเขี่ยรอยเหล่านั้น
    อย่างเลื่อนลอย.. กาแฟที่วางอยู่ตรงหน้าเย็นสนิทแล้ว...แสงไฟยามค่ำคืน
    เริ่มทอแสงของมันออกมาเมื่อตะวันลับไปกับตึกสูง... ตรันย์ถอนใจก่อนจะ
    วางแก้วกาแฟทับจดหมายฉบับนั้นไว้ พร้อมกับลุกขึ้นและเดินจากร้านกาแฟเล็กๆ
    นั้นไป............

    จากคุณ : กลิ่นกาแฟ - [ 18 มิ.ย. 50 16:43:02 A:202.139.208.203 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom