จากเรื่อง เศษหนึ่ง..ของเสี้ยวใจ...
ดูเหมือนนายกลิ่นกาแฟจะใจร้ายไปนิดนึง
เลยเอาเรื่องนี้มาเป็นการไถ่โทษ...
จริงๆแล้ว เป็นเรื่องแรกที่เขียน...เลยอาจดูจืดๆไปสักนิด...
ในร้านกาแฟเล็กๆริมหาดทรายขาว...
หญิงสาวรูปร่างบอบบางในชุดกระโปรงยาวนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมในของร้าน
ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางๆและผมยาวสลวย ทำให้ผู้พบเห็นต้องหัน
มามองซ้ำเพราะดวงตาของเธอที่ส่อแววเหงาและเดียวดาย...
เธอมาที่ร้านกาแฟนี้ทุกสุดสัปดาห์ติดต่อกันมาสามปีแล้ว และทุกครั้งเธอ
เลือกที่จะนั่งที่โต๊ะตัวเดิมจนเจ้าของร้านถึงกับวางป้ายจองให้กับเธอโดย
เฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์
ชายหนุ่มเจ้าของร้านรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาคมคายตามแบบของคนท้องถิ่น
เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตขาวพับแขนกางเกงขายาวสีเข้มและผ้ากันเปื้อนสีอ่อน.
ชายหนุ่ม เคยแปลกใจที่วันหนึ่งหญิงสาวตัวเล็กๆท่าทางเหงาเสียเหลือเกิน
เดินเข้ามาในร้านและเลือกนั่งที่โต๊ะมุมสุดของร้านเพียงลำพัง เธอสั่งกาแฟ
เพียงแก้วเดียวและทอดสายตาไปยังสุดขอบฟ้า เหมือนจะให้ความคิดถึงส่ง
ผ่านผืนน้ำแลผืนฟ้าไปถึงใครสักคน..
เมื่อเวลานั้นผ่านไปความแปลกใจกลายเป็นความคุ้นเคย จนถึงตอนนี้เขา
เองยังไม่เคยได้เอ่ยปากพูดคุยกับเธอสักครั้ง..ชายหนุ่มหลายคนพยายาม
ที่จะขอทำความรู้จักกับเธอ เธอให้เพียงรอยยิ้ม และเดินมาจ่ายเงินที่เคาท์
เตอร์แทนคำตอบ...
วันนี้ร้านกาแฟเปิดมาครบสามปีซึ่งเขาเองตั้งใจว่าจะเปิดวันนี้เป็นวันสุดท้าย
แม้ว่าจะเลยเวลาปิดร้านมานานแต่เขาก็ตั้งใจรอเธอเพื่อจะบอกลา...
และขอโทษ..หากร้านนี้ไม่สามารถจะเยียวยาความเหงาของเธอต่อไปได้
...แต่เขาจะบอกเธออย่างไรนะ
ละอองฝน ทำให้กระจกของร้านเกิดเป็นฝ้า เขามองดูนาฬิกา ตามปกติหญิง
สาวควรจะมาตั่งแต่สามชั่วโมงก่อน ลูกค้าในร้านกลับไปหมดแล้ว ..
ขณะที่กำลังเช็ดกระจก เขามองดูที่โต๊ะมุมสุดของร้าน บนโต๊ะนั้นเขายังคง
วางป้ายจองให้กับเธอ ...เสียงสัณญานเปิดประตูดังขึ้น เขากล่าวต้อนรับ
โดยไม่หันหลังกลับไปดูจนกระทั่งเขาเช็ดกระจกจนเสร็จ
หญิงสาวเดินเข้ามาในร้าน เธอเลือกนั่งที่โต๊ะตัวเดิม และเหมือนทุกวัน...
เธอทอดสายตาออกไปยังที่ที่น้ำทะเลและฟ้าบรรจบกัน..
เขานำกาแฟนมหอมกรุ่นไปให้เธอที่โต๊ะพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็ก ...
วันนี้เขาเห็นหยดน้ำเล็กๆไหลมาตามแก้มใสๆของเธอ นั่นน้ำฝนหรือน้ำตา
กันนะ..
ทั้งร้านมีแต่ความเงียบเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าเธอผ่านความเหงาเหล่านั้นมา
ได้อย่างไร ..
เธอสั่งกาแฟแก้วที่สอง นั่นยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก
และต้องแปลกใจมากขึ้นเมื่อเธอบอกว่าสั่งมาให้เขาพร้อมกับเชิญเขานั่งที่โต๊ะ
ไม่ว่าจะเป็นหยดน้ำฝนหรือน้ำตาขณะนี้มันแห้งหายไปจากใบหน้าของเธอ
แล้วเหลือเพียงรอยยิ้มจางๆ
"ดิฉันชื่อพิมนิภาค่ะ เรียกพิมเฉยๆก็ได้" เธอแนะนำตัว เขายิ้มให้แทน
คำตอบ"คุณคงแปลกใจที่เห็นดิฉันมาที่นี่ทุกสุดสัปดาห์"เธอถาม
"ครับ" เขาตอบพร้อมกับหงุดหงิดตัวเองที่คิดคำตอบได้แค่นั้น
"ที่นี่ ฉันและคนรักเคยมาที่นี่เป็นประจำทุกวันหยุด..จนร้านนี้ปิดตัวไป"
เธอพูดเสียงเบา สายตายังคงมองไปยังสุดขอบฟ้า
"คนรักของฉันหงุดหงิดมากและบอกว่าจะเปิดร้านนี้ต่อ... "
เธอยิ้มเมื่อนึกถึงอดีต "คุณน่าจะได้รู้จักเขา เขาเป็นคนน่ารักมาก อบอุ่น .
...แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนั้น"สายตาเธอเศร้าเมื่อเล่าถึงตอนนี้
"เขาป่วย...ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสองเดือน ..
. เขาเคยถามฉันว่า.."เธอหยุดเพื่อกลั้นอาการสะอื้นที่วิ่งขึ้นมาถึงลำคอ
"หากเขาไม่อยู่แล้ว..ฉันจะเศร้าแค่ไหน...และทำอย่างไรฉันจึงจะ
ลืมเขาและตั้งต้นใหม่..."เธอเล่า
"ฉันตอบเขาไปว่า ฉันจะไม่มีวันลืม..ฉันจะอยู่กับวันเวลาที่งดงามของ
เรา..แม้ว่ามันจะเศร้าสักแค่ไหน...ฉันจะวนเวียนมาดูร้านกาแฟร้าง
ร้านนี้จนกว่ามันจะสลายไปพร้อมกับใจของฉัน..."
คราวนี้เขาคิดว่าเห็นน้ำตาใสๆสายหนึ่งไหลลงมาผ่านแก้มของเธอ
หากเขาสนิทกับเธอมากกว่านี้เขาก็อยากเอื้อมไปกุมมือเธอแบ่งความเศร้า
ในใจเธอมา..แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี..แต่เธอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
ก่อนที่จะเล่าต่อ
"เขาบอกฉันว่าเขาให้เวลาฉันสามปี ...สามปีที่ฉันจะคิดถึงเขา...
สามปีที่ฉันจะต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีเขา...และในสามปีนี้..
เขาจะอยู่เคียงข้างฉัน...ซึ่งอีกหนึ่งสัปดาห์เขาก็จากไป..."
เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอเพื่อซับน้ำตา คราวนี้เขารู้สึกเหมือนก้อนอะไรบาง
อย่างวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ หัวใจมันว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็น...
"แล้วยังไงต่อครับ" เขาถามหลังจากที่เธอซับน้ำตาแล้ว
กาแฟแก้วที่สองยังคงมีควันกรุ่นอยู่บ้าง เขาประคองแก้วกาแฟนั้นแต่เพียง
เพื่อให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
"หลังจากนั้น ฉันก็แวะมาที่นี่ทุกสัปดาห์ พบร้านกาแฟที่ว่างเปล่า
และวันหนึ่ง...ร้านกาแฟก็เปิดขึ้นมาจริงๆ" เธอเล่า
"ฉันอดคิดไม่ได้ว่า คนรักของฉันได้สร้างปาฏิหารย์ เพื่อมอบกำลังใจ
ในช่วงเวลาที่เดียวดายของฉัน เพื่อให้ฉันได้เข้มแข็งเมื่อวันเวลาผ่านไป..
ฉันเฝ้านับวันเวลาเพื่อพิสูจน์ว่าร้านนี้จะอยู่ครบสามปีตามที่เขาได้ให้สัญญา
กับฉันไว้หรือเปล่า... ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบสามปีที่ร้านนี้เปิดขึ้น
มาอีกครั้ง...ใช่มั้ยคะ" เธอมองหน้าเขา
"ถูกแล้วครับ .. คนรักของคุณได้สร้างปาฏิหารย์แล้ว...
เขาอยู่เคียงข้างคุณมาตลอด..จนกว่าคุณจะเข้มแข้งพอ.."
ชายหนุ่มกล่าว
"ค่ะ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะมาที่นี่... จากนี้ไปฉันจะเริ่มต้น
ชีวิตใหม่...เปิดโอกาสให้กับความรักที่จะผ่านเข้ามา... ไม่จมอยู่
กับความเศร้าอีกต่อไป...เพราะฉันสัญญาแล้ว" เธอพูด
ความเงียบเข้ามาคั่นกลางระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวทั้งคู่ เขายกแก้วกาแฟ
ขึ้นจิบ กาแฟแก้วนั้นออกจะเย็นชืดไปนิด
"ฉันอยากจะขอบคุณเขา...ที่เป็นกำลังใจมาตลอด...แต่ฉันไม่รู้จะ
บอกเขายังไง..ฉันเลยเลือกที่จะบอกคุณ" คราวนี้เธอยิ้มอายๆ
"เพราะผมเป็นเจ้าของร้าน"เขาถามยิ้มๆและเธอพยักหน้า
"เอาเป็นว่า...วันนี้ผมเลี้ยงก็แล้วกันเพราะร้านนี้ก็เปิดเป็นวันสุดท้าย
แล้ว..ผมเองก็กำลังคิดว่าจะบอกคุณยังไงดีแต่ตอนนี้ก็สบายใจแล้ว
และคนรักของคุณ..ผมคิดว่าเขาได้รับความขอบคุณนั้นแล้ว"เขาบอกกับ
เธอ โดยที่เธอยังมีสีหน้ากึ่งตกใจ เขายิ้มก่อนจะพูดกับหญิงสาว...
"ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ผมเองก็ตั้งใจมานานแล้วว่าจะทำสักระยะ
หนึ่ง...แต่ก็ดีใจมากที่ร้านเล็กๆร้านหนึ่งได้ช่วยดูแลหัวใจุคณจนเข้มแข็ง..."
"และจากวันนี้ ถ้าผมได้มีโอกาสเจอคุณอีก... เราทำความรู้จักกันให้
มากกว่านี้ได้มั้ยครับ.."เขารวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยถาม...
สามปีแล้วที่ความรู้สึกผูกพันมันแฝงตัวอยู่แต่ถูกกั้นด้วยความเศร้าและเหงา
ของเธอจนเขาไม่กล้าก้าวล้ำเข้าไป...
เธอมองหน้าเขาและลังเล ก่อนจะตัดสินใจตอบอายๆ..
"ค่ะ ...หากเราได้พบกันอีกนะคะ ฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะขอบคุณสำหรับ
กาแฟนะคะ "หญิงสาวหยิบกระเป๋าถือใบเล็กขึ้นมาเขาเดินตามไปและเปิด
ประตูให้
"ลาก่อนค่ะ"เธอบอกเขา
"พบกันใหม่ครับ" เขาบอกกับเธอ
..............
บทส่งท้าย
กานต์นึกถึงเรื่องราวเมื่อสิบปีที่แล้วเมื่อเขาต้องไปเปิดร้านกาแฟจำเป็นที่ชาย
หาดแห่งหนึ่ง..อันเนื่องมาจากจดหมายของเพื่อนสนิทของเขา นนท์
เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเขาที่เขียนจดหมายมาหาเขาเมื่อสิบปีก่อนเพื่อขอ
ให้เขามาเปิดร้านกาแฟที่หาดแห่งนั้นต่อจากเจ้าของเดิม...ซึ่งต้องการ
เลิกกิจการ เขาเองเป็นคนท้องถิ่นของหาดนั้นแต่ทำงานเป็นพนักงาน
บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองที่วุ่นวาย การที่เขากลับไปเปิดร้านที่ชายหาด
แห่งนั้นก็ถือเป็นการพักผ่อนได้ดีที่เดียว เขามาไปที่นั่นเฉพาะวันหยุดเท่า
นั้นและจ้างพนักงานประจำร้านไว้เพียงคนเดียว...จดหมายนั้นเขียน
มาเพียงสั้นๆซึ่งเขาไม่เข้าใจความหมายของมันนักแต่ก็จำได้ขึ้นใจ..
" ถึงกานต์เพื่อนรัก
นายคงแปลกใจที่ฉันเขียนจดหมายถึงนายทั้งที่ฉันหายหน้าจากเพื่อนฝูง
ไปหลายปี เมื่อนายได้รับจดหมายฉบับนี้ฉันคงไม่ได้อยู่เจอนายและเพื่อนๆ
แล้ว..ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องนายสักเรื่องและคิดว่านายคงเต็มใจทำ
..ฉันอยากขอให้นายมาเปิดร้านกาแฟที่หาด..... ฉันคุยกับเจ้า
ของเดิมแล้วฉันขอเช่าร้านนี้ไว้สามปี..แน่นอน จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าแล้ว
ในชื่อนาย กานต์ ฉันรู้และแน่ใจว่านายเป็นคนดีและเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
สำหรับฉัน นายอาจมีเรื่องไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่ฉันขอเพียงสามปี...จาก
นั้นหากนายยังไม่เข้าใจนายจะเลิกก็ไม่เป็นไร..ฉันขอนายเพียงเท่านี้
..ครั้งสุดท้ายที่ฉันจะขอจากนาย...
รักและคิดถึงเพื่อน...ลาก่อน
นนท์ "
เขาเองออกจะงงกับจดหมายฉบับนั้นและพยายามติดต่อกลับไปแต่ที่อยู่นั้นก็
ไม่มีผู้รับและข่าวเกี่ยวกับนนท์หลังจากนั้นก็คือเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
ในสมอง...เขาใช้เวลาไม่นานก็หาร้านนั้นเจอ..และเปิดร้านกาแฟต่อ
มาเรื่อยๆจนกระทั่งครบสามปีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของคนสองคน
"คุณพ่อขา คุณแม่พิมให้มาถามว่าคุณพ่อนั่งเหม่ออะไรค้า..."เสียงใสๆ
ของน้องพิ้งกี้ลูกสาววัยห้าขวบของเขาลอยมาก่อนร่างเล็กๆที่กระโจนเข้ามา
ในอ้อมกอดของเขา...
"คุณพ่อกำลังคิดว่าจะชวนคุณแม่พิมเปิดร้านกาแฟน่ะสิจ๊ะ" เขาตอบพร้อมกับ
หอมแก้มเจ้าตัวเล็กฟอดใหญ่....
"เปิดร้านกาแฟนี่คิดจะหาภรรยาเพิ่มอีกคนรึไงคะ..."พิมนิภา เดินเข้า
มาพร้อมกับเงื้อตะหลิวในมือ
"อ้าว คุณก็ คิดไปซะโน่น แหมผมแค่รำลึกความหลังนิดหน่อยเอง.."
กานต์แก้ตัว...
เสียงหัวเราะดังออกมาจากครอบครัวเล็กๆอย่างต่อเนื่อง......
.......................
จากคุณ :
กลิ่นกาแฟ
- [
19 มิ.ย. 50 20:44:27
A:202.139.210.69 X:
]