Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    หอมกลิ่นกาแฟ

    จากเรื่อง เศษหนึ่ง..ของเสี้ยวใจ...

    ดูเหมือนนายกลิ่นกาแฟจะใจร้ายไปนิดนึง

    เลยเอาเรื่องนี้มาเป็นการไถ่โทษ...

    จริงๆแล้ว เป็นเรื่องแรกที่เขียน...เลยอาจดูจืดๆไปสักนิด...





    ในร้านกาแฟเล็กๆริมหาดทรายขาว...
    หญิงสาวรูปร่างบอบบางในชุดกระโปรงยาวนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมในของร้าน
    ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางๆและผมยาวสลวย ทำให้ผู้พบเห็นต้องหัน
    มามองซ้ำเพราะดวงตาของเธอที่ส่อแววเหงาและเดียวดาย...

    เธอมาที่ร้านกาแฟนี้ทุกสุดสัปดาห์ติดต่อกันมาสามปีแล้ว และทุกครั้งเธอ
    เลือกที่จะนั่งที่โต๊ะตัวเดิมจนเจ้าของร้านถึงกับวางป้ายจองให้กับเธอโดย
    เฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์

    ชายหนุ่มเจ้าของร้านรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาคมคายตามแบบของคนท้องถิ่น
    เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตขาวพับแขนกางเกงขายาวสีเข้มและผ้ากันเปื้อนสีอ่อน.
    ชายหนุ่ม เคยแปลกใจที่วันหนึ่งหญิงสาวตัวเล็กๆท่าทางเหงาเสียเหลือเกิน
    เดินเข้ามาในร้านและเลือกนั่งที่โต๊ะมุมสุดของร้านเพียงลำพัง เธอสั่งกาแฟ
    เพียงแก้วเดียวและทอดสายตาไปยังสุดขอบฟ้า เหมือนจะให้ความคิดถึงส่ง
    ผ่านผืนน้ำแลผืนฟ้าไปถึงใครสักคน..

    เมื่อเวลานั้นผ่านไปความแปลกใจกลายเป็นความคุ้นเคย จนถึงตอนนี้เขา
    เองยังไม่เคยได้เอ่ยปากพูดคุยกับเธอสักครั้ง..ชายหนุ่มหลายคนพยายาม
    ที่จะขอทำความรู้จักกับเธอ เธอให้เพียงรอยยิ้ม และเดินมาจ่ายเงินที่เคาท์
    เตอร์แทนคำตอบ...

    วันนี้ร้านกาแฟเปิดมาครบสามปีซึ่งเขาเองตั้งใจว่าจะเปิดวันนี้เป็นวันสุดท้าย
    แม้ว่าจะเลยเวลาปิดร้านมานานแต่เขาก็ตั้งใจรอเธอเพื่อจะบอกลา...
    และขอโทษ..หากร้านนี้ไม่สามารถจะเยียวยาความเหงาของเธอต่อไปได้
    ...แต่เขาจะบอกเธออย่างไรนะ

    ละอองฝน ทำให้กระจกของร้านเกิดเป็นฝ้า เขามองดูนาฬิกา ตามปกติหญิง
    สาวควรจะมาตั่งแต่สามชั่วโมงก่อน ลูกค้าในร้านกลับไปหมดแล้ว ..
    ขณะที่กำลังเช็ดกระจก เขามองดูที่โต๊ะมุมสุดของร้าน บนโต๊ะนั้นเขายังคง
    วางป้ายจองให้กับเธอ ...เสียงสัณญานเปิดประตูดังขึ้น เขากล่าวต้อนรับ
    โดยไม่หันหลังกลับไปดูจนกระทั่งเขาเช็ดกระจกจนเสร็จ

    หญิงสาวเดินเข้ามาในร้าน เธอเลือกนั่งที่โต๊ะตัวเดิม และเหมือนทุกวัน...
    เธอทอดสายตาออกไปยังที่ที่น้ำทะเลและฟ้าบรรจบกัน..
    เขานำกาแฟนมหอมกรุ่นไปให้เธอที่โต๊ะพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็ก ...
    วันนี้เขาเห็นหยดน้ำเล็กๆไหลมาตามแก้มใสๆของเธอ นั่นน้ำฝนหรือน้ำตา
    กันนะ..

    ทั้งร้านมีแต่ความเงียบเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าเธอผ่านความเหงาเหล่านั้นมา
    ได้อย่างไร ..

    เธอสั่งกาแฟแก้วที่สอง นั่นยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก
    และต้องแปลกใจมากขึ้นเมื่อเธอบอกว่าสั่งมาให้เขาพร้อมกับเชิญเขานั่งที่โต๊ะ

    ไม่ว่าจะเป็นหยดน้ำฝนหรือน้ำตาขณะนี้มันแห้งหายไปจากใบหน้าของเธอ
    แล้วเหลือเพียงรอยยิ้มจางๆ
    "ดิฉันชื่อพิมนิภาค่ะ เรียกพิมเฉยๆก็ได้" เธอแนะนำตัว เขายิ้มให้แทน
    คำตอบ"คุณคงแปลกใจที่เห็นดิฉันมาที่นี่ทุกสุดสัปดาห์"เธอถาม
    "ครับ" เขาตอบพร้อมกับหงุดหงิดตัวเองที่คิดคำตอบได้แค่นั้น
    "ที่นี่ ฉันและคนรักเคยมาที่นี่เป็นประจำทุกวันหยุด..จนร้านนี้ปิดตัวไป"
    เธอพูดเสียงเบา สายตายังคงมองไปยังสุดขอบฟ้า

    "คนรักของฉันหงุดหงิดมากและบอกว่าจะเปิดร้านนี้ต่อ... "
    เธอยิ้มเมื่อนึกถึงอดีต "คุณน่าจะได้รู้จักเขา เขาเป็นคนน่ารักมาก อบอุ่น .
    ...แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนั้น"สายตาเธอเศร้าเมื่อเล่าถึงตอนนี้
    "เขาป่วย...ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสองเดือน ..
    . เขาเคยถามฉันว่า.."เธอหยุดเพื่อกลั้นอาการสะอื้นที่วิ่งขึ้นมาถึงลำคอ
    "หากเขาไม่อยู่แล้ว..ฉันจะเศร้าแค่ไหน...และทำอย่างไรฉันจึงจะ
    ลืมเขาและตั้งต้นใหม่..."เธอเล่า

    "ฉันตอบเขาไปว่า ฉันจะไม่มีวันลืม..ฉันจะอยู่กับวันเวลาที่งดงามของ
    เรา..แม้ว่ามันจะเศร้าสักแค่ไหน...ฉันจะวนเวียนมาดูร้านกาแฟร้าง
    ร้านนี้จนกว่ามันจะสลายไปพร้อมกับใจของฉัน..."

    คราวนี้เขาคิดว่าเห็นน้ำตาใสๆสายหนึ่งไหลลงมาผ่านแก้มของเธอ
    หากเขาสนิทกับเธอมากกว่านี้เขาก็อยากเอื้อมไปกุมมือเธอแบ่งความเศร้า
    ในใจเธอมา..แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี..แต่เธอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
    ก่อนที่จะเล่าต่อ
    "เขาบอกฉันว่าเขาให้เวลาฉันสามปี ...สามปีที่ฉันจะคิดถึงเขา...
    สามปีที่ฉันจะต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีเขา...และในสามปีนี้..
    เขาจะอยู่เคียงข้างฉัน...ซึ่งอีกหนึ่งสัปดาห์เขาก็จากไป..."
    เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอเพื่อซับน้ำตา คราวนี้เขารู้สึกเหมือนก้อนอะไรบาง
    อย่างวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ หัวใจมันว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็น...

    "แล้วยังไงต่อครับ" เขาถามหลังจากที่เธอซับน้ำตาแล้ว
    กาแฟแก้วที่สองยังคงมีควันกรุ่นอยู่บ้าง เขาประคองแก้วกาแฟนั้นแต่เพียง
    เพื่อให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
    "หลังจากนั้น ฉันก็แวะมาที่นี่ทุกสัปดาห์ พบร้านกาแฟที่ว่างเปล่า
    และวันหนึ่ง...ร้านกาแฟก็เปิดขึ้นมาจริงๆ" เธอเล่า
    "ฉันอดคิดไม่ได้ว่า คนรักของฉันได้สร้างปาฏิหารย์ เพื่อมอบกำลังใจ
    ในช่วงเวลาที่เดียวดายของฉัน เพื่อให้ฉันได้เข้มแข็งเมื่อวันเวลาผ่านไป..
    ฉันเฝ้านับวันเวลาเพื่อพิสูจน์ว่าร้านนี้จะอยู่ครบสามปีตามที่เขาได้ให้สัญญา
    กับฉันไว้หรือเปล่า... ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบสามปีที่ร้านนี้เปิดขึ้น
    มาอีกครั้ง...ใช่มั้ยคะ" เธอมองหน้าเขา

    "ถูกแล้วครับ .. คนรักของคุณได้สร้างปาฏิหารย์แล้ว...
    เขาอยู่เคียงข้างคุณมาตลอด..จนกว่าคุณจะเข้มแข้งพอ.."
    ชายหนุ่มกล่าว
    "ค่ะ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะมาที่นี่... จากนี้ไปฉันจะเริ่มต้น
    ชีวิตใหม่...เปิดโอกาสให้กับความรักที่จะผ่านเข้ามา... ไม่จมอยู่
    กับความเศร้าอีกต่อไป...เพราะฉันสัญญาแล้ว" เธอพูด
    ความเงียบเข้ามาคั่นกลางระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวทั้งคู่ เขายกแก้วกาแฟ
    ขึ้นจิบ กาแฟแก้วนั้นออกจะเย็นชืดไปนิด

    "ฉันอยากจะขอบคุณเขา...ที่เป็นกำลังใจมาตลอด...แต่ฉันไม่รู้จะ
    บอกเขายังไง..ฉันเลยเลือกที่จะบอกคุณ" คราวนี้เธอยิ้มอายๆ
    "เพราะผมเป็นเจ้าของร้าน"เขาถามยิ้มๆและเธอพยักหน้า

    "เอาเป็นว่า...วันนี้ผมเลี้ยงก็แล้วกันเพราะร้านนี้ก็เปิดเป็นวันสุดท้าย
    แล้ว..ผมเองก็กำลังคิดว่าจะบอกคุณยังไงดีแต่ตอนนี้ก็สบายใจแล้ว
    และคนรักของคุณ..ผมคิดว่าเขาได้รับความขอบคุณนั้นแล้ว"เขาบอกกับ
    เธอ โดยที่เธอยังมีสีหน้ากึ่งตกใจ เขายิ้มก่อนจะพูดกับหญิงสาว...
    "ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ผมเองก็ตั้งใจมานานแล้วว่าจะทำสักระยะ
    หนึ่ง...แต่ก็ดีใจมากที่ร้านเล็กๆร้านหนึ่งได้ช่วยดูแลหัวใจุคณจนเข้มแข็ง..."

    "และจากวันนี้ ถ้าผมได้มีโอกาสเจอคุณอีก... เราทำความรู้จักกันให้
    มากกว่านี้ได้มั้ยครับ.."เขารวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยถาม...
    สามปีแล้วที่ความรู้สึกผูกพันมันแฝงตัวอยู่แต่ถูกกั้นด้วยความเศร้าและเหงา
    ของเธอจนเขาไม่กล้าก้าวล้ำเข้าไป...

    เธอมองหน้าเขาและลังเล ก่อนจะตัดสินใจตอบอายๆ..
    "ค่ะ ...หากเราได้พบกันอีกนะคะ ฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะขอบคุณสำหรับ
    กาแฟนะคะ "หญิงสาวหยิบกระเป๋าถือใบเล็กขึ้นมาเขาเดินตามไปและเปิด
    ประตูให้
    "ลาก่อนค่ะ"เธอบอกเขา
    "พบกันใหม่ครับ" เขาบอกกับเธอ

    ..............

    บทส่งท้าย

    กานต์นึกถึงเรื่องราวเมื่อสิบปีที่แล้วเมื่อเขาต้องไปเปิดร้านกาแฟจำเป็นที่ชาย
    หาดแห่งหนึ่ง..อันเนื่องมาจากจดหมายของเพื่อนสนิทของเขา นนท์
    เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเขาที่เขียนจดหมายมาหาเขาเมื่อสิบปีก่อนเพื่อขอ
    ให้เขามาเปิดร้านกาแฟที่หาดแห่งนั้นต่อจากเจ้าของเดิม...ซึ่งต้องการ
    เลิกกิจการ เขาเองเป็นคนท้องถิ่นของหาดนั้นแต่ทำงานเป็นพนักงาน
    บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองที่วุ่นวาย การที่เขากลับไปเปิดร้านที่ชายหาด
    แห่งนั้นก็ถือเป็นการพักผ่อนได้ดีที่เดียว เขามาไปที่นั่นเฉพาะวันหยุดเท่า
    นั้นและจ้างพนักงานประจำร้านไว้เพียงคนเดียว...จดหมายนั้นเขียน
    มาเพียงสั้นๆซึ่งเขาไม่เข้าใจความหมายของมันนักแต่ก็จำได้ขึ้นใจ..

    " ถึงกานต์เพื่อนรัก
    นายคงแปลกใจที่ฉันเขียนจดหมายถึงนายทั้งที่ฉันหายหน้าจากเพื่อนฝูง
    ไปหลายปี เมื่อนายได้รับจดหมายฉบับนี้ฉันคงไม่ได้อยู่เจอนายและเพื่อนๆ
    แล้ว..ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องนายสักเรื่องและคิดว่านายคงเต็มใจทำ
    ..ฉันอยากขอให้นายมาเปิดร้านกาแฟที่หาด..... ฉันคุยกับเจ้า
    ของเดิมแล้วฉันขอเช่าร้านนี้ไว้สามปี..แน่นอน จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าแล้ว
    ในชื่อนาย กานต์ ฉันรู้และแน่ใจว่านายเป็นคนดีและเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
    สำหรับฉัน นายอาจมีเรื่องไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่ฉันขอเพียงสามปี...จาก
    นั้นหากนายยังไม่เข้าใจนายจะเลิกก็ไม่เป็นไร..ฉันขอนายเพียงเท่านี้
    ..ครั้งสุดท้ายที่ฉันจะขอจากนาย...


    รักและคิดถึงเพื่อน...ลาก่อน

    นนท์ "



    เขาเองออกจะงงกับจดหมายฉบับนั้นและพยายามติดต่อกลับไปแต่ที่อยู่นั้นก็
    ไม่มีผู้รับและข่าวเกี่ยวกับนนท์หลังจากนั้นก็คือเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
    ในสมอง...เขาใช้เวลาไม่นานก็หาร้านนั้นเจอ..และเปิดร้านกาแฟต่อ
    มาเรื่อยๆจนกระทั่งครบสามปีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของคนสองคน


    "คุณพ่อขา คุณแม่พิมให้มาถามว่าคุณพ่อนั่งเหม่ออะไรค้า..."เสียงใสๆ
    ของน้องพิ้งกี้ลูกสาววัยห้าขวบของเขาลอยมาก่อนร่างเล็กๆที่กระโจนเข้ามา
    ในอ้อมกอดของเขา...
    "คุณพ่อกำลังคิดว่าจะชวนคุณแม่พิมเปิดร้านกาแฟน่ะสิจ๊ะ" เขาตอบพร้อมกับ
    หอมแก้มเจ้าตัวเล็กฟอดใหญ่....
    "เปิดร้านกาแฟนี่คิดจะหาภรรยาเพิ่มอีกคนรึไงคะ..."พิมนิภา เดินเข้า
    มาพร้อมกับเงื้อตะหลิวในมือ
    "อ้าว คุณก็ คิดไปซะโน่น แหมผมแค่รำลึกความหลังนิดหน่อยเอง.."
    กานต์แก้ตัว...
    เสียงหัวเราะดังออกมาจากครอบครัวเล็กๆอย่างต่อเนื่อง......


    .......................

    จากคุณ : กลิ่นกาแฟ - [ 19 มิ.ย. 50 20:44:27 A:202.139.210.69 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom