ต้องบอกก่อน...ว่าผมเขียนเรื่องนี้จาก อารมณ์ที่เศร้า...หดหู่... เสียใจกับสิ่งที่ทำ... คือมันไม่ได้เก่ยวอะไรกับ
เรื่องข้างล่าง เพียงแค่อยากถ่ายทอดอารณ์ที่รู้สึกออกมา
.......
หากเพื่อนๆอยากได้รอยยิ้ม อยากได้ความอบอุ่น...
ข้ามเรื่องนี้ไปก่อนนะ .....ไม่ต้องอ่านก็ได้ เดี๋ยวเรื่องหน้า ...จะเอามาชดเชยให้...ฮือ..........
..................................................................
บางคนบอกผมเป็นนักเขียน บ้างก็ว่าเป็นนักเล่าเรื่อง แต่นั่นก็แล้วแต่คุณจะเรียก สิ่งที่
ผมเขียนหรือถ่ายทอดก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่คุณพบเห็นอยู่ทุกวัน แต่จะมีใครสักกี่คนที่เคย
นึกถึงมันอย่างจริงจัง....อย่างเรื่องนี้ก็เหมือนกัน
ป้อมเป็นเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง อายุไม่เกินหกขวบ ที่คุณพบได้ทั่วไป หากคุณเดินไป
ตามสถานที่ก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จ เด็กชายท่าทางมอมแมม เสื้อและกางเกงขาสั้นที่ปะแล้ว
ปะอีก ใช่คุณหาตัวเขาได้ไม่ยากหรอก...
ป้อมไม่ได้ไปโรงเรียน เหมือนเด็กอีกหลายคนและ..ก็ต่างจากเด็กอีกหลายคนที่มีโอกาส
นั้น เรื่องของป้อมเริ่มขึ้นจากเย็นวันหนึ่งที่เจ้าของอาคารที่กำลังก่อสร้างเข้ามาตรวจดู
ความคืบหน้าของงาน.. พวกเขามากันสามคนพ่อ แม่และลูกสาวตัวเล็ก...
"เด็กคนนั้นเหมือนเจ้าหญิง" แป้นน้องสาวของป้อมชี้ให้เขาดูลูกสาวของเจ้าของอาคารที่
พ่อของป้อมและแป้นเป็นคนงานก่อสร้างอยู่
ในมือของเด็กหญิงที่อยู่ในชุดเจ้าหญิงสีขาวในสายตาของป้อมและแป้นมีแก้วโกโก้เย็น
ของร้านกาแฟยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ..จะด้วยเป็นเพราะเด็กหญิงหันมามองป้อมและน้องหรือ
กำลังคิดอะไรเพลินอยู่ โกโก้ในแก้วจึงหกรดไปบนชุดเจ้าหญิงสีขาวเป็นทาง
"น้องแก้ว ! " เสียงแม่ของเด็กคนนั้นดุ
"ทำไมทำอย่างนี้ล่ะคะ ชุดเปื้อนหมดแล้ว ...ไม่ต้องกินแล้ว" แม่ของเด็กหญิงพูดด้วยน้ำ
เสียงไม่พอใจก่อนจะโยนแก้วพลาสติกที่มีโก้โก้เหลืออยู่กว่าครึ่งลงพื้น
"คุณก็ " เจ้าของอาคารปราม เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงทำท่าจะร้องให้
"เด็กๆทำเลอะเทอะบ้างก็เรื่องธรรมดา" เจ้าของอาคารลูบหัวเด็กหญิงอย่างปลอบใจ
"เดี๋ยวป๊าไปซื้อให้หนูใหม่นะ อยู่แค่นี้เอง" ชายเจ้าของอาคารชี้ให้เด็กหญิงดูตึกสูงที่อยู่
ข้างกัน
"งั้นรีบไปเถอะ เดี๋ยวต้องไปซื้อโกโก้แก้วใหม่กัน"เจ้าของอาคารพูดโดยไม่สนใจอาการ
ฮึดฮัดของแม่เด็ก ก่อนที่จะกล่าวลาหัวหน้าคนงานที่คอยรายงานอยู่
เมื่อเจ้าของโรงงานกลับไปแล้ว ป้อมและแป้นวิ่งไปยังแก้วโกโก้ที่ถูกทิ้งไว้ แม้ว่ามันจะหก
ออกมาบ้างแต่โกโก้ในแก้วก็เหลืออีกเกือบครึ่ง ป้อมเก็บแก้วนั้นขึ้นมาเช็ดกับเสื้อขาดรุ่งริ่ง
ของเขา เมื่อเห็นว่ามันสะอาดดีแล้วเด็กชายจึงยื่นมันให้กับน้องสาวที่หน้าตามอมแมมไม่
แพ้กัน
"อร่อย" เด็กหญิงบอกหลังจากชิมโกโก้ ในแก้วเข้าไปอึกใหญ่พร้อมกับยื่นแก้วนั้นให้กับ
ป้อม เด็กชายจิบโกโก้แก้วนั้นไปหน่อยหนึ่ง มันมีกลิ่นหอมและรสหวานอย่างที่เขาไม่เคย
ได้สัมผัสมาก่อน เด็กชายหมุนแก้วและเห็นสัญลักษณ์ที่ไม่คุ้นตาบนแก้ว
"สงสัยจะเป็นของฝรั่ง" ป้อมบอกน้องสาวก่อนจะยื่นแก้วนั้นให้น้องสาว
"รู้ได้ยังไง "เด็กหญิงถาม พร้อมกับรับแก้วโกโก้มาดูดต่อ
"ตัวเองอ่านหนังสือไม่ออก" เด็กหญิงพูด
"รู้ก็แล้วกันล่ะน่า" เด็กชายบอกก่อนจะจูงมือเด็กหญิงวิ่งกลับไปที่พักที่ทำจากสังกะสีเพื่อ
กันแดดกันฝนเพียงชั่วคราว
ผมเห็นเด็กชายตัวเล็กท่าทางมอมแมมคนนี้อยู่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เกือบเดือน
ปกติผมมักมาใช้เวลาในร้านกาแฟยี่ห้อหนึ่งในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้วันละหลายชั่วโมง
ผมรู้ดีว่าราคาของกาแฟแต่ละแก้วที่ผมดื่มเป็นค่าอาหารให้เด็กอย่างป้อมไปได้หลายมื้อ
แต่บางครั้งความสุขของคนเราจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเราไม่รับรู้ความทุกข์ของคนอื่นเป็นบาง
ครั้งบางคราว ..ผมคิดอย่างนั้น... และเวลาที่ผมอยู่ในร้านกาแฟก็เป็นเวลาที่ผมเลือกที่จะ
ไม่รับรู้ เพียงแต่มองเรื่องราวที่มันผ่านไป...
เด็กชายมานั่งรับจ้างขัดรองเท้าอยู่ที่ทางเข้าเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เป็นคนพิการอีกหลายคน
ผมแอบประทับใจในความใฝ่ดีของเด็กคนนี้ไม่ได้ แต่ก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อเด็กชาย
มาที่ร้านกาแฟพร้อมกับหอบอุปกรณ์ขัดรองเท้าเข้ามาด้วย
ผมเห็นท่าทางที่ไม่พอใจของพนักงานในร้านเมื่อเห็นเด็กชายอายุไม่เกินหกขวบหน้า
ตามอมแมม พอๆกับเสื้อผ้าที่ใส่เข้ามาในร้าน เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นพนักงานร้าน
เดินเข้าไปหาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"น้องเข้ามาไม่ได้นะ ในร้านไม่ให้ขัดรองเท้า" เด็กหนุ่มบอก
ผมเห็นเด็กชายนิ่งไป ก่อนที่จะพยักหน้า และเดินไปด้านที่เป็นกระจกของร้าน เด็กชาย
เดินมองแต่ละโต๊ะจากนอกร้านอย่างช้าๆ ลูกค้าในร้านเริ่มหันมามองป้อม แต่ก็เพียงชั่ว
ขณะจากนั้นก็เริ่มพูดคุยและหัวเราะเหมือนกับไม่เคยมีเด็กชายอยู่ตรงนั้นมาก่อน....
ผมเองก็เช่นกัน..ความรู้สึกว่ามีก้อนอะไรวิ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอมันหายไปเพียงแค่เราเบือน
หน้าหนีมัน..ก็เท่านั้นเอง
ผมยังเจอป้อมที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นทุกวัน บางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าการที่เขา
มาขัดรองเท้าอย่างนี้จะได้วันละกี่บาทกัน .. หลายครั้งที่ผมเห็นป้อมเดินอยู่รอบๆร้านกาแฟ
ที่ผมไปนั่งทานอยู่ ผมสังเกตว่าส่วนใหญ่ป้อมมักจะหยุดและยืนมองลูกค้าที่มีเด็กมาด้วย
ครั้งนี้ป้อมหยุดยืนจ้องอยู่นาน จนเด็กหนุ่มที่เป็นพนักงานในร้านเห็นผิดสังเกตุและเดิน
ออกมาไล่เขาไป
วันนี้ฝนตกที่หน้าห้างสรรพสินค้าไม่มีคนพิการมานั่งขัดรองเท้าเหมือนเคย แต่สายตาผม
แอบไปเห็นกล่องเล็กๆที่เบียดอยู่กับกำแพงในส่วนที่แห้ง ภาพของเด็กตัวเล็กมอมแมม
ปรากฏขึ้นในจินตนาการของผมทำให้ผมต้องหยุดอยู่ตรงนั้นชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจเดิน
เข้าไปหา ป้อมนั่งตัวสั่นอยู่กับกล่องอุปกรณ์ขัดรองเท้าของเขา..
"ยังรับขัดรองเท้าอยู่มั้ย" ผมถาม
หน้าตามอมแมมพยักหน้าอย่างดีใจ
"เท่าไร"
"ห้าบาท" เด็กชายตอบ
คำตอบนั้นทำผมแปลกใจ ..ห้าบาท ... เด็กป้อมอาจต้องนั่งอยู่ที่นี่ทั้งวัน บางวันอาจมีลูกค้า
เพียงคนเดียว ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน เพื่อรอเงินเพียงห้าบาท...
"ทำไมถูกนัก" ผมถามด้วยเสียงที่อ่อนลงจนตัวผมเองก็แปลกใจ..
"ผมขัดไม่เก่ง" เด็กชายตอบซื่อๆ ...
ผมนั่งลงบนม้านั่งเล็กๆที่เด็กชายเตรียมมาให้ เด็กป้อมลงมือขัดรองเท้าเก่าๆของผม ท่าทางมี
ความสุขเสียเหลือเกิน
"ผมเห็นเราไปที่ร้านกาแฟข้างบนนั่น" ผมถาม มือเล็กๆนั้นหยุดทำงานและมองผมอย่างไม่
แน่ใจ
"ผมไม่ได้มาดุเราหรอก เพียงแค่อยากรู้" ผมอธิบายพร้อมกับยิ้มให้ เด็กป้อมพยักหน้าและ
เริ่มทำงานต่อ
"ผมอยากรู้ว่าที่เค้ากินเรียกว่าอะไร" ป้อมบอกผม ยิ่งทำให้ผมสงสัยเข้าไปใหญ่
"คนไหนล่ะ" ผมถาม นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กชายมอมแมมคนนี้ไปยืนมองอยู่นอกกระจก
ของร้านอยู่บ่อยๆละมัง
"เด็กผู้หญิง" เด็กชายบอก
ผมนึกถึงวันที่ป้อมไปยืนมองข้างโต๊ะของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กคนนั้นทานอะไรอยู่นะ ..
ดูเหมือนจะเป็น โกโก้เย็น ถ้าผมจำไม่ผิด
"น่าจะเป็น โกโก้เย็นนะ" ผมบอก ป้อมแสดงท่าทางดีใจมากพร้อมกับทวนชื่อของเครื่องดื่ม
ที่ผมเพิ่งบอกไป
"โกโก้เย็นหรอครับ"
ผมพยักหน้า ผมเฝ้ามองเด็กชายตัวเล็กขัดรองเท้าจนเสร็จ มันเงาวับอย่างที่ผมไม่มีทางขัดเอง
ได้จนต้องอมยิ้ม
ผมยื่นธนบัตรใบละยี่สิบบาทให้เด็กชาย ซึ่งมีสีหน้าสลดลงทันที
"ไม่มีเหรียญห้าบาทหรอครับ ผมไม่มีสตางค์ทอน" เด็กชายบอก
"ไม่ต้องทอนหรอก" ผมบอก
"แต่ผมคิดครั้งละห้าบาทนี่ครับ" เด็กชายถามด้วยความไม่เข้าใจ
"งั้นวันหลังผมจะมาขัดให้ครบ" ผมบอก เด็กชายจึงยิ้มออก นี่ผมติดหนี้เด็กคนนี้อีกสามครั้ง
เชียวนะ..ผมคิดในใจ
จากคุณ :
coffee-smell
- [
วันสุนทรภู่ 13:01:58
]