Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ผีเน่ากับโลงหื่น ตอนที่ 2/2 (เรื่องสั้นขนาดยาว 2 ตอนจบ)

    เรื่อง: ผีเน่ากับโลงหื่น
    ผู้แต่ง: {``-_-}{-``-}{-_-``} สมจ๊อด

    จากตอนที่แล้ว http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5547308/W5547308.html


    อึดอัดเหลือเกิน... ผมลืมตาตื่นมาก็ปรากฏว่ามีหญิงสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยรายล้อมอยู่ 4 คน  ใครกัน? มาจากไหน?  แล้วนี่ผมอยู่ที่ไหน? พยายามเงยหน้าขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ ผมมองไปที่ใบหน้าของแต่ละคนอย่างใคร่ครวญ…
    อะไรกันนี่ เธอทั้งหมดที่จ้องมองผมด้วยสายตายั่วยวนนี่ คือหญิงสาวที่ผมเคยเห็นบนหน้าปกแผ่นซีดีของไอ้นนท์ เป็นไปได้อย่างไร?

    และแล้ว เธอทั้ง 4 ก็ค่อย ๆ ก้มหน้ามาชิดกับใบหน้าของผม พร้อมกับทำปากเผยอ ชิดเข้ามาเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกอึดอัด และเกร็ง พยายามจะกางแขนออก แต่ก็กางไม่ได้ จึงยกมือขึ้น

    อาาา... พระคุณเจ้า มือผมถูกมัด!!!
    “เฮ้ย!!”

    ผมลืมตาตื่นมาอีกครั้ง แล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
    เมื่อมองไปที่เตียงก็ไม่เห็นหยีเสียแล้ว ผมรู้สึกชาที่ข้อมือของตัวเอง  เพราะมีสายหูฟังของเครื่องเล่นซีดี วอล์คแมนมัดไว้หลวม ๆ  “ไอ้ฝันบ้า”

    “ถ้าตื่นมาแล้วเห็นสายนี่หลุดจากมือละก็   เราเลิกกัน”  เป็นคำขาดที่เธอพูดขึ้นมาเมื่อคืนด้วยความโกรธ
    “คงหวังเต็มที่เลยใช่ไหม ถึงได้พกไอ้นี่ติดกระเป๋ามาด้วย”  เธอว่าพลางขว้างกล่องถุงยางใส่หน้าผม  
    “ไหนพูดอีกทีซิ  ว่าผม...คนดี ๆ”  เธอแยกเขี้ยวใส่  โกรธจนหน้าแดง  ผมได้แต่นั่งทำตาละห้อยไม่โต้ตอบอะไรสักคำ เพราะพูดอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้น  ในสมองตอนนี้มีแต่หน้าของไอ้นนท์ลอยเด่นอยู่  ว่าแล้วหยีก็โยนหมอนกับผ้าห่มลงมาที่พื้น เป็นการประกาศว่า คืนนี้ผมต้องนอนข้างล่าง
    ...
    ผมค่อย ๆ แกะเจ้าพันธนาการที่เธอสั่งให้ผมมัดมือตัวเองไว้ออกจากข้อมือ  เธอคิดได้อย่างไรนะ   ช่างเหมือนเด็กจริง ๆ ผมก็ดันทำตามอย่างว่าง่าย โถ ๆ ถ้าผมจะกลายร่างเป็นสัตว์ป่าที่หื่นกระหาย ไอ้เจ้าสายหูฟังแค่นี้หรือ จะเอาผมอยู่
    เมื่อแกะออกแล้วผมรีบเปิดประตูออกมา ตรงดิ่งไปเคาะประตูห้องข้าง ๆ แต่ประตูกลับเปิดอ้าเข้าไปเห็นไอ้นนท์นอนขดตัวตะแคงหันหลังให้ประตูอยู่บนเตียงคนเดียว

    “ไอ้เวร  ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย” ผมตะโกนเสียงดังเพราะโกรธที่อยู่ดี ๆ ก็มีไอ้กล่องถุงยางเจ้ากรรมเข้ามาอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าโดยไม่ได้รับเชิญ  ใครเล่าจะทำ ถ้าไม่ใช่มัน

    ไอ้นนท์งัวเงียหันมามองผมแว้บหนึ่งแล้วหันกลับทำท่าจะหลับต่อ  ผมสุดจะทนเลยเดินไปตรงปลายเตียงลากมันลงมาที่พื้น
    “อะไรวะ”  มันคลานขึ้นมาบนเตียงอีกครั้งดั่งผีญี่ปุ่น ทำโวยวายใส่ผม
    “มาคุยกันก่อนเลย  เอ็งเอาไอ้กล่องนี่มาใส่ไว้ในกระเป๋าข้าตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมโยนกล่องถุงยางใส่มัน
    “โว้ย! ก็คืนก่อนจะมาน่ะแหละ” มันขดตัวดึงผ้าห่มคลุม  “แล้วได้ใช้รึเปล่าล่ะ” มันว่า  ผมคว้าหมอนและผ้าห่มขว้างใส่มันไม่ยั้ง
    “ส้นตี...แนะ  รู้รึเปล่าว่าเกือบทำให้ข้ากับหยีเลิกกัน”
    “เอ็งยังดีที่เกือบ  แต่ข้าน่ะสิ เลิกกันแล้ว”  มันหันมามองผมแล้วเอียงหน้าซีกขวาพลางชี้นิ้วไปที่แก้มของมัน
    “ดูนี่”
    ผมชะงักทันทีที่เห็นรอยแดง ๆ พาดผ่านแก้ม และรอยช้ำเขียวที่ตาขวาของมัน
    “ถูกตบซะขนาดนี้   โดนถีบตกเตียงเกือบสิบตลบ ร้องขอว่าไม่ทำอะไรแล้วอิ๋วก็ไม่ยอมให้นอนบนเตียง” มันถอนหายใจก่อนอธิบายต่อ
    “ตอนเธอออกไปถ่ายรูปกับหยีเมื่อเช้า ข้าถึงได้ขึ้นมานอนนี่แหละ”   ไอ้นนท์ขมวดคิ้วเหยปาก
    “เวรกรรม  แล้วเมื่อคืนเอ็งไปทำอีท่าไหนวะ น้องอิ๋วถึงได้เดินตามเอ็งต้อย ๆ  เข้ามาในห้องน่ะ  ไม่ได้เป็นใจให้กันหรอกเหรอ”
    “อิ๋วก็ไม่ได้อยากแยกห้องมาอยู่ห้องเดียวกับข้าหรอก” มันกลืนน้ำลายลงคอ  
    “แต่ข้าบอกอิ๋วว่า... เมื่อคืนเอ็งอยากอยู่กับหยีสองต่อสองเลยมาขอร้องข้า  ว่าเอ็งขอแยกห้อง”  มันก้มหน้าแล้วเหลือบตาเขียว ๆ มามองผม  
    “หา... นี่เอ็งเอาข้ามาอ้างเหรอ”
    “อือ!”
    เท่านั้นแหละ หมอน ผ้าห่มในมือของผมก็กระหน่ำฟาดไปที่ไอ้นนท์ไม่ยั้ง มันปัดป้องยกเท้าถีบผมพัลวัน
    “เอ็งตาย!”

    ผมฟาดมันจนหอบแฮก  ไอ้เลวนี่บังอาจเอาผมไปอ้างเพื่อสนองตัญหาตัวเอง  แค่ถูกน้องอิ๋วตบแค่นี้มันยังน้อยไป   จนมันทนไม่ไหววิ่งเข้าห้องน้ำแล้วล็อคประตู
    ...
    ผมเดินออกมาจากห้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว  คิดในใจว่าเดี๋ยวมันออกมาจะต้องคิดบัญชีกันอีกยาวแน่  
    สายตาของผมก็หันไปเห็นน้องอิ๋วและหยีสะพายกระเป๋ากล้องเดินกลับมาพอดี  เธอเดินคุยกันมา ในมือถือถุงขนมขบเคี้ยวมาด้วย  ผมจึงเดาได้ว่าเธอคงแวะทานข้าวแถวร้านหน้าชายหาดมาเรียบร้อยแล้ว  

    แต่เมื่อทั้งสองเห็นผมยืนอยู่หน้าประตูจึงเงียบเสียง  หยีก้มหน้าเดินผ่านผมเข้ามาในห้องเดิมของเธอ  แต่พอเห็นว่าไอ้นนท์ยังอยู่ในห้องน้ำ เธอจึงเรียกอิ๋วเข้ามาช่วยยกกระเป๋าและเครื่องใช้ต่าง ๆ ในห้องนี้ แล้วเอาไปวางไว้ในห้องที่ผมกับหยีอยู่กันเมื่อคืน

    “หยี”  ผมเรียก แต่เธอไม่ยอมหันมา  น้องอิ๋วหยิบอุปกรณ์และกระเป๋าของไอ้นนท์ในห้องนั้นเอามาวางไว้หน้าห้อง ส่วนหยีลากกระเป๋าของผมออกมาวางไว้ตรงระเบียง  แล้วก็เข้าไปในห้องปิดประตูปัง  บอกให้รู้ว่าพวกเธอขอสลับห้องกับพวกผมโดยปริยาย

    เธอคงโกรธผมจริง ๆ ไม่สิ ทั้งสองคงโกรธพวกเราจริง ๆ  พอไอ้นนท์ออกมาจากห้องน้ำ เห็นกระเป๋าของมันที่วางอยู่หน้าห้อง  มันก็ยืนนิ่งและเข้าใจอะไรได้ทันที
    “งานนี้ท่าจะง้อยากว่ะ”
    “อือ” ผมครางในลำคอ “เพราะใครล่ะวะ”
    ว่าแล้วผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ล้มตัวลงนอนยกมือก่ายหน้าผาก โดยมีไอ้นนท์หยิบกระจกในกระเป๋าส่องดูรอยช้ำบนหน้าตัวเอง ก่อนที่ผมจะผล็อยหลับไปอีกครั้ง เนื่องจากเมื่อคืนหลับไม่เต็มอิ่ม
    ...
    “ไอ้เดี่ยว ๆ”  ไอ้นนท์เขย่าแขน  ผมลืมตาขึ้นมาเห็นไอ้นนท์ทำหน้าแฉล้ม ทั้ง ๆ ที่รอยช้ำยังไม่เลือนไปจากหน้า ที่คอของมันมีสายกล้องคล้องไว้
    “ไอ้เดี่ยว เอ็งออกมาดูสิ  ทูพีช ๆ”
    “อะไรวะ”  ผมกลืนน้ำลายลงคอ
    “ก็หยีกับอิ๋วสิ  ใส่ทูพีชเล่นน้ำทะเลอยู่ตอนนี้  ออกมาดูสิ เร็ว ๆ” ผมตาสว่างทันทีที่ได้ยินคำว่า “ทูพีช”  ไอ้นนท์ดึงแขนผมให้ลุกจากเตียงแล้วเดินไปหิ้วรองเท้าของผมมาวางแหมะไว้หน้าประตู  
    “ปะ... ข้าจะไปถ่ายรูป”  มันทำตาลุกวาว  หาได้สำนึกถึงความผิดเมื่อคืน
    “ความวัวไม่ทันหาย  ควายอย่างเอ็งจะทำให้เขาเกลียดอีกแล้วเหรอ” ผมหลอกด่า แต่ก็ล็อคประตูห้อง เดินตามมันออกมาโดยดี

    หน้าหาดมีสายลมร้อนพัดมาตลอดเวลา ทิวทัศน์เบื้องหน้าช่างสบายตา   แต่แท้ที่จริงแล้วสายตาผมกลับจ้องมองไปที่หญิงสาวสองคนที่กำลังเริงร่าหยอกล้อเกลียวคลื่นอยู่ไกล ๆ นั่น   น้องอิ๋ว  คนรักของไอ้นนท์ใส่ชุดว่ายน้ำสีชมพูสดดูสดใส  แต่ไฮไล้ท์ของสายตาผมกลับอยู่ที่หยี เธอใส่ทูพีชสีฟ้าทั้งท่อนบนและล่าง  ผมจินตนาการครึ่งบนสีฟ้าเปรียบเป็นฟ้าคราม  ครึ่งล่างสีฟ้าเปรียบเป็นท้องทะเลแสนงาม มีเส้นขอบฟ้าลากผ่านเป็นเส้นแบ่งระหว่างความเซ็กส์ซี่และความน่ารัก...  
    เราจะเป็นคนรักกันได้นานไปถึงไหนกันนะ  ผมไม่อยากเสียเธอไปเลยจริง ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็ทำให้ใจหาย   แต่คนที่สมควรจะสำนึกที่สุด กลับกำลังโก้งโค้ง คอยกดชัตเตอร์กล้องดิจิตอลตัวเก่งของมันอย่างขะมักเขม้น

    “ไกลไปว่ะ  รู้อย่างนี้ซื้อกล้องที่มีเลนส์ซูมมาซะก็ดี”  มันบ่นอุบอิบ ทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้  แต่ผมร้องห้ามไว้
    “พอเถอะ  อยากให้น้องอิ๋วโกรธมากกว่านี้เหรอ”  ผมดึงคอเสื้อด้านหลังมันไว้
    “ไปกินข้าวเถอะ  สิบโมงกว่าแล้ว หิวจะแย่  เที่ยงจะได้เช็คเอ้าท์แล้วกลับบ้าน”  ผมว่า
    “ว้า!... เอางั้นเหรอ”
    “อืมม์”
    มันเดินตามผมมาอย่างว่าง่าย  เมื่อถึงร้านอาหาร มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินลากกระเป๋าเสื้อผ้าผ่านมาพอดี   ผมจำเธอได้  เธอคือผู้หญิงผมสั้นคนเมื่อคืนที่วิ่งร้องไห้ไปที่สะพาน  ผมสังเกตว่าขอบตาของเธอยังคงบวมอยู่   ไอ้นนท์ก็คงจำได้ จึงป้องปากกระซิบ
    “เฮ้ย! ไอ้เดี่ยว  นั่นผู้หญิงคนเมื่อคืนว่ะ  สงสัยจะกลับแล้ว”  ผมมองไปที่สะพาน ก็เห็นเรือรอบสายมาเทียบที่ท่าแล้ว เธอคนนั้นก้มหน้าเดินไปที่หัวสะพานด้วยท่าท่างเหมือนคนกำลังจะเดินไปฆ่าตัวตาย
    “แล้วไอ้ตี๋ผมยาวไปไหนวะ”
    “สั่งข้าวเถอะ  อย่าไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน”  ผมตัดบทแล้วเรียกบริกรมาเพื่อสั่งอาหาร  แต่ในใจก็สงสัยเหมือนไอ้นนท์  ว่าผู้ชายคนนั้นไปไหน  ทำไมปล่อยให้คนที่เขาประกาศว่าเป็นแฟนเมื่อคืนเดินไปขึ้นเรือเพียงลำพัง

    จากคุณ : {``-_-}{-``-}{-_-``} - [ 28 มิ.ย. 50 01:32:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom