คำถามที่น่าสนใจกว่าคือ หากศิลปะที่ดี ควรประกอบด้วย...
กว้าง x ยาว x สูง x เวลา
เฉกเช่น สถาปัตยกรรมที่ดีควรจะอยู่อย่างมั่นคงและยาวนาน ผ่านลม ฝน แดด ได้เป็นอย่างดี แล้วงานเขียนที่เคยเกิดขึ้นในไซเบอร์สเปซ จะพบกับชะตากรรมแบบใด หากว่า ไม่เคยได้เผยแพร่อย่างเป็นตัวตนให้กว้างขวางเท่ากับการปรากฏตัวผ่านจอเรืองแสง
แม้ต้นฉบับตัวจับต้องได้ จะมีอยู่จริง แต่ความทรงจำของผู้รับสาร จะเลือนลางเร็วขึ้นหรือไม่ ? หากว่าปล่อยให้งานเชียนชิ้นนั้น ถูกกาลเวลาบีบรัดพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด เขี่ยทิ้งไป
หากไม่ รักษา( save) งานชิ้นนั้นไว้
งานนั้นก็หายไป
ถึงกระนั้นก็ยังพอจะกล่าวได้ว่า หากจะเก็บก็เก็บไว้ได้ นาน - ไม่นาน ขึ้นอยู่กับผู้เก็บเท่านั้น ไม่เกี่ยวกันว่า กระดาษจะนานกว่า...
แต่ในความเป็นจริง ซึ่งเป็นบทสรุปของวันและเวลานี้
เมื่อหมึกเปื้อนกระดาษ
กระดาษหนึ่งแผ่นอาจเรียกได้ว่า ใบปลิว และอื่นๆ
กระดาษหลายแผ่นกลายเป็นเอกสาร นิตยสาร วารสาร หนังสือพิมพ์ และอีกมากมาย
รูปหนึ่งรูปจะสามารถตีพิมพ์สี่สี สองหน้าได้ ต้องผ่านการพิจารณาความคุ้มทุนแล้ว ไม่ว่าทุนนั้นจะคือ เงิน หรือความพอใจ ( ซึ่งต้องมากกว่าการสื่อผ่านทางอินเทอร์เนต )
หนึ่งประโยคที่ปรากฏบนหน้ากระดาษ ต้องผ่านความคิด จนถึงข้อเท็จๆ จริงๆ อีกหลายประการก่อน ถึงกระบวนการผลิตอีกพอสมควร
ความรับผิดชอบขั้นต้นของผู้สร้างสรรค์ ต้องมีให้ อย่างน้อยๆ ก็เพื่อนร่วมงานหนึ่งคน คนๆ นี้จะต้องอ่านงานชิ้นนั้น ไม่ว่าจะสะกดถูกหรือผิด รู้เรื่องหรือไม่ สนุกหรือเศร้า อย่างไร
อาจมีอยู่บ้างสำหรับบุคคลบางกลุ่มที่ทำทุกอย่างเองทั้งหมด จนส่งถึงมือผู้รับต่อโดยตรง
แต่งานแบบนั้นก็พอจะคิดไปเองได้ว่า... ผู้สร้าง รังสรรค์ผลงานนั้นขึ้นมา และรับผิดชอบต่อหัวใจตัวเองจริงๆ แล้ว
ไม่ว่าจะหมาหาย หรือ ขายของ
สรุปว่า ระยะเวลาในเชิงนามธรรม ของทั้งกระดาษ และไซเบอร์เสปซ ไม่แตกต่างและยังเกี่ยวดองกันอยู่
แต่ในรูปธรรมปัจจุบันแล้ว การเก็บรักษางานเขียนในรูปแบบไซเบอร์เสปซอย่างเดียวเกิดขึ้นน้อย ถ้าจะเก็บคนส่วนใหญ่ก็จะเลือกแปรเป็นกระดาษมาเก็บมากกว่า
การมีอยู่ของงานแบบนั้นค่อนข้างจำกัดจำเขี่ย ง่าย เร็ว แต่เงื่อนไขการปรากฏตัวซับซ้อน และความซับซ้อนนั้นก็ยังไม่ถูกคลี่คลายให้ง่ายขึ้น...เพียงพลิกฝ่ามือ เหมือนหนังสือหนึ่งเล่ม
กระดาษคล้ายตัวตนแห่งการมีอยู่ของงานชิ้นนั้น
เรื่องและรูป คือสีสันที่เปื้อนบนกระดาษ คงคุณค่ายาวนานเกือบเท่าดวงอาทิตย์ยังส่อง สายตายังมองเห็น
ไม่ใช่แสงสีแสบตา ที่ไร้ตัวตน หาก ไร้ไฟฟ้า
ระหว่างกระดาษ และ ไฟฟ้า อนาคตข้างหน้าของงานเขียนจะวางตัวอยู่จุดใด วงการสิ่งพิมพ์จะตาย เหมือนที่ม้วนวีดีโอเคยหายไป หรือเปล่า?
น้ำหนักของหนังสือ สัมผัสของหน้ากระดาษ คราบและรอยของวันเวลา กำลังจะถูกลืม
หรือ
แท้จริงแล้ว...
สังขาร ก็แสดงตัวตน ของจิตใจ
ต้นโพธิ์ ก็คู่กับ กระจก
ต้องหมั่นเช็ดถูไว้
หรือ
เดิมต้นโพธิ์หามีไม่
แท้จริงกระจกก็ไม่มี
แล้ว
ฝุ่นจะจับลงอะไร
*ปล. หลังจากบ้าเขียนเรื่องนี้อย่างวุ่นวาย..เสร็จ พลันคิดได้ว่าแม่มงี่เง่า กระจก ต้นโพธิ์ หนังสือ
สาระเหรอ?
ก็แค่ความฟุ้งซ่านของคนที่ครุ่นคิดเรื่องอนาคตของการงานตัวเองมากเกินไป
แล้ว... เมื่อวันก่อน ได้รับนิตยสารแฟชั่นหนึ่งฉบับ นอกจากจะอ่านได้แล้ว ยังมีภาพเคลื่อนไหวด้วย สามฉบับแรก เค้าจะแถมที่จิ้มที่มีสายต่อกะคอมฯมาให้ จิ้มไปหน้าไหน ภาพพร้อมเสียงจะขึ้นหน้าจอ จิ้มหน้าทำอาหารจะได้ดูรายการทำอาหารประมาณนั้น
วิเศษโคตร!
ไม่รู้จะคิดอะไรต่อไปแล้ว เทคโนโลยีแม่มเร็วโคตรๆ เพิ่งซื้อเครื่องเล่นดีวีดีมา ไม่รู้จะใช้ได้ถึงปีหน้าหรือเปล่า?
ต่อไป อยากได้หนังได้เพลงเรื่องอะไร คงจิ้มๆ เอาหน้าจอมือถือ (หรืออาจมีแล้ว จินตนาการเราแม่มสั้นด้วย)
จะสามสิบอยู่มะรอมมะร่อ เจอแบบนี้ทำตัวไม่ถูก
อยากปลูกต้นไม้ ว่ายน้ำคลอง งมหอยโข่ง
จากคุณ :
pingupa
- [
29 มิ.ย. 50 12:32:25
]