ก่อนกำเนิดตั๊กม้อที่หก มีตำนานเล่าว่า...
ขณะนั้น ปรมาจารย์ตั๊กม้อที่ห้า กำลังหาผู้สืบทอด จึงให้เหล่าศิษย์เขียนโศลกขึ้นบทหนึ่งเพื่อเป็นเครื่องตัดสินผู้สืบทอดตำแหน่ง
ไต้ซือท่านหนึ่งจรดความไว้ที่ผนังอาราม ว่า
สังขารดั่งต้นโพธ์
จิตใจเช่นกระจก
หมั่นเช็ดถูไว้
เมื่อ เว่ยหลาง คนป่าบ้านนอก อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ วันๆ ทำหน้าที่อยู่ในห้องครัว ได้ยินคนท่องบ่น ก็วานคนให้เขียนไว้ว่า
เดิมต้นโพธิ์หามีไม่
แท้จริงกระจกก็ไม่มี
ฝุ่นจะจับลงอะไร
แล้วปรมาจารย์ตั๊กม้อที่หกก็ถือกำเนิดขึ้นบัดนั้นเอง
มาถึงยุคปัจจุบัน ที่หลายสิ่งหลายอย่างเป็นเพียงแค่มวลสารล่องลอยในอากาศ หรือสถิตอยู่ในกระแสไฟ บทเพลงไม่ต้องเสียดสี ตี เป่า เพื่อให้เกิดเสียงทุกครั้งแล้ว ความซาบซึ้งในศิลปะบางประเภทคือฝันที่เป็นจริงของ 10 ปีที่แล้ว ใครๆ ก็มีชิปส์เล็กๆ ที่เคยเห็นในหนังนั้นได้
งานเขียนก็เช่นกัน มันพัฒนาเป็นอะไรได้หลายๆ อย่าง เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องสวยงามที่แทบจะทุกคนให้ความสำคัญ ภาพเคลื่อนไหวเข้ามามีบทบาทกับงานเขียนอย่างง่ายดายและเกลื่อนกลาด การใส่เสียง ไม่ใช่ของที่แยกจากกันขาดอีกต่อไป เรื่องของคนไกลตัว ใกล้เรามากกว่าคนที่หายใจอยู่ข้างๆ เรามีเพื่อนที่ อินเรื่องเดียวกันมากขึ้น เราอาจร้องไห้และพูดถึงเรื่องที่บอกใครไม่ได้กับเค้า เราไว้ใจเค้าเพราะเค้าไม่เกี่ยวกับเรามากมาย
บันทึกหน้านึงของชีวิตเรา อาจเรียกน้ำตาได้มากมาย หากเราแสดงมันผ่านทาง ไซเบอร์เสปซ -พื้นที่ว่างที่คงอยู่ด้วยกระแสไฟ
ทุกๆ คนสามารถมีส่วนร่วมในงานเขียนได้ง่ายดาย และสามารถสร้างกระแสความสนใจได้ง่ายขึ้น
คนหันมาเขียนกันเยอะขึ้น เรื่องราวถูกถ่ายทอดวันต่อวัน ความสำคัญของสิ่งที่อยากจะบอก ค่อนไปในทางสำคัญกับตัวคนเขียนเองเท่านั้น
เราเขียน แล้วเราก็ไม่เคยง้อใครมาอ่าน เพราะในพื้นที่ว่างแห่งนี้ มีต้นทุนทางการเงินน้อยนิดนัก แต่หนักไปในทางต้นทุนจิตใจมากกว่า
หนักไปทางระบายออก
เราไม่สรรเสริญใคร เพียงเพื่อให้ใครมาชอบเราในนั้น และเราไม่เกรงที่จะด่าใคร เหมือนที่ด่าด้วยปากไม่ได้
เราเป็นในสิ่งที่เราอยากจะเป็นได้มากกว่า คืนวันบนถนนจริง
เมื่ออยากเขียนก็เขียน อยากเล่าก็เล่า ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ได้ง่ายเพียงนั้น
นั่นทำให้คุณค่าของงานเขียนลดลงไปหรือเปล่า ?
หากเปรียบกับในยุคก่อนที่ต้องกรั่นกรองความคิด ภาษา การเผยแพร่ และความถูกต้องในยุคสมัยนั้นๆ ที่อาจถึงขั้นตัดหัวประจานกันได้ กว่าจะได้ตีพิมพ์ออกมา
แต่ยังไงก็ตามแต่... มันไม่เสมอไปว่า คิดเยอะกว่า จะต้องดีกว่า ขั้นตอนเยอะกว่า อาจทำให้เรื่องบางเรื่องกลายเป็นหมันไปซะด้วยซ้ำ ตัวอย่างที่ขึ้นชั้นไปแล้วคือ พ่อมดน้อยแฮร์รี่ ถูกปฏิเสธโดยสำนักพิมพ์หลายครั้ง ก่อนจะถูกตีพิมพ์ เป็นหนังสือขายดีทั่วโลกทุกวันนี้
ต้นทุนการตีพิมพ์ที่ยังแพงอยู่ ทำให้นักเขียนหลายรายตายไปก่อนได้เกิด และกระแสสังคมที่ผู้อ่านหันมาใช้ อินเทอร์เนต มากขึ้น ส่งผลให้พนักงานเกือบพันคนของสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ทั่วโลก ต้องถูกปลด
รูปแบบงานใหม่ที่ต้องการ คือ ส่งงานทาง อินเทอร์เนต -ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่มีที่นั่งประจำตำแหน่ง ไม่มีภาระค่าเดินทาง ไม่มีภาระเรื่องภาพลักษณ์การแต่งตัว ที่ควรจะส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัท แต่ขัดใจพนักงาน ไม่มีกำหนดเวลาที่สร้างความแออัดจำเจ เข้าเช้า เลิกเย็น
โลกเปลี่ยนไป อะไรๆ ก็เปลี่ยนตาม
แม้ความเป็นจริง กระดาษ และดินสอจะอยู่ไม่ไกลมือเอื้อมนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ไซเบอร์สเปส เข้าถึง - เผยแพร่ได้ง่ายและกว้างขวางกว่า
ดังและดีเยอะขึ้น ไม่ได้หมายความว่า คุณค่าที่เคยมีอยู่จะลดลง
คำถามที่น่าสนใจกว่าคือ หากศิลปะที่ดี ควรประกอบด้วย...
จากคุณ :
pingupa
- [
29 มิ.ย. 50 12:33:44
]