เสียงหวีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ผมสะดุ้งตื่น ผมดีดตัวเองจากที่นอน อาการปวดตุ๊บ ๆ ที่หัวยังคงมีเหมือนเมื่อคืนหากดูเหมือนว่ามันจะหนักกว่าเล็กน้อย เหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นตามเนื้อตัวและหน้าผาก ผมสลัดภาพฝันนั้นออกจากหัวของตัวเอง ดึงตัวเองกลับมาหาความจริงรอบตัวแล้วต้องถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะหอบตัวเองเข้าห้องน้ำด้วยความทุลักทะเลเต็มที สภาพผมตอนที่ถึงจุดหมายคิดว่าคงไม่แตกต่างไปจากไอ้ตัวสี่ขาตรงมุมตึก มันทำตัวเป็นผู้เก็บกวาดของเก่าให้ผู้ที่กินเผื่อมันได้ดีเสมอ ผมไม่ได้เป็นคนรักความสะอาดนัก หากเหตุผลของทุกครั้งที่อาบน้ำก็คงจะหนีไม่พ้นผมทนกลิ่นของตัวเองไม่ได้เท่านั้นเอง ทันทีที่สายน้ำจากก๊อกพรมลงหัวไหลรินไปตามลำตัว ผมรู้สึกสดชื่นขึ้น แต่เนื้อสมองที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยเลือด 70% ผสมออลกอฮอล์ 30% มันตื้อ ๆ ความทรงจำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ยังคงเลือนราง จำได้ว่า เมื่อตอนที่ลุกจากที่นอน แม่สาวสวยลีลาเด็ดที่ผมหิ้วมาจากที่ไหนสักแห่งยังคงนอนเนื้อตัวเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงของผม ความเมาบวกกับความเร่งรีบทำให้ทั้งผมและเธอไม่แม้แต่จะกดสวิตซ์เปิดแอร์ แน่นอนความร้อนเร่าในตัวผมมากล้น ราวกับองศารอบตัวต่ำลงทุกทีในชั่วโมงนั้น ผมออกจากห้องน้ำด้วยอาการที่ดีขึ้นนิดหน่อย เธอยังคงนิ่งสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ สภาพห้องไม่ต่างอะไรกับภาวะสงครามยุติ ซากปรักหักพังยังเกลื่อนเต็มห้อง ผมจำไม่ได้ว่าสงครามระหว่างผมกับเธอยุติลงตอนไหนพอ ๆ กับตอนนี้ที่ผมแยกไม่ออกว่าเสื้อผ้าชิ้นไหนเป็นของใคร ร่างบางบนเตียงของผมเริ่มขยับตัว เธอยังคงสวยใสไม่ได้เปลี่ยนจากเมื่อคืน
ตื่นเร็วจัง เสียงทักใสๆ ปรากฏขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานบนใบหน้าเธอ
คุณหิวหรือยัง ไปอาบน้ำสิเดี๋ยวไปกินข้าวกัน ผมจำชื่อเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ
ยังไม่หิวค่ะ แต่อยากทำอย่างอื่นมากกว่า
งั้นเหรอ แล้วคุณจะกลับเองหรือว่าจะให้ผมไปส่ง ผมแสร้งไม่เข้าใจเจตนาของเธอซะงั้น
หนิงไม่ได้คิดจะประเดี๋ยวประด๋าวกับคุณหรอกนะค่ะ ผมรู้แล้วว่าเธอชื่อหนิง
ผมก็ไม่ได้จะให้ใครเอาห่วงมาหยัดใส่คอ เราตกลงกันแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น
ฉันกลับเองได้ คุณไม่ต้องลำบากหรอก
ณ ห้องสี่เหลี่ยมที่ผมใช้เป็นที่ซุกหัวนอนและประกอบกิจกรรมสนองตัณหาทางกาย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ราคาค่างวดของมันแสนโหด หากผมก็เลือกที่จะมีมันไว้ประดับบารมี ผมอยู่กับสังคมอันฉายฉวยเสมอมา ทุกค่ำคืนคือการทำงานและการพบปะเพื่อนฝูง นักดนตรีเล็ก ๆ อย่างผมไม่ได้เป็นที่น่าภาคภูมิใจสำหรับบุพการี แต่กระนั้นผมก็เลือกสิ่งนี้เพื่อจะสนองตอบอารมณ์ของตัวเอง สังคมของผมคร่าคร่ำไปด้วยผู้คนมากหน้า ผมเคยบอกตัวเองว่าผมไม่เคยเหงา แต่ทุกครั้งผมกลับสัมผัสความรู้สึกเหงาอยู่เนื่อง ๆ เสมือนหนึ่งว่ามีเพียงผมกับมันลำพังบนโลก ความสวยงามบนโลกสำหรับผมจางหายไปที่ไหน เมื่อใด และผมมีชีวิตเช่นนี้มานานสักเท่าใด ผมฝังคำถามเหล่านี้ไว้ในเนื้อสมองเสมอมา
ในค่ำคืนของวันหยุดยาวอย่างปีใหม่ผมเลือกที่จะหยุดเช่นกัน ( ผมไม่แคร์ว่าแขกที่ห้องอาหารของร้านที่ผมทำงานอยู่จะมากน้อย ) ท้องถนนที่เคยพิการอย่างกรุงเทพกลับมาใช้งานได้คล่องอีกครั้ง ด้วยผู้คนเกือบครึ่งในกรุงเทพได้หลั่งไหลกับบ้านเกิดเพื่อไปเติมเชื้อไฟให้ชีวิต พลังแห่งรักและศรัทธา เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผมเคยได้ยินมาว่าอย่างนั้น และผมก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ผมขับเคลื่อนรถสปอร์ตคันสวย ( ปัจจัย 5 ที่ผมและใครหลายคนทึกทักเอาเองว่ามันมีความจำเป็นมากเทียมเท่ากับปัจจัยข้ออื่น ๆ ) ความสวยของมันโฉบเฉี่ยวไปตามถนนเส้นคุ้นเคย หัวใจของผมเป็นผู้บังคับพวงมาลัย และหัวใจของผมอีกเช่นกันที่เป็นตัวผลักจุดหมายปลายทางของผม ผมเลือกที่จะปิดแอร์แล้วเปิดกระจกรถรับลมเย็น ๆ ผมสูดลมเข้าเต็มปอดหวังจะขับไล่ความอ่อนหล้าในตัว ผมไม่เคยทราบผลว่ามันช่วยได้จริงหรือเปล่า หากนั้นคือสิ่งที่ผมทำในทุกครั้งที่ผมหาทางออกไม่เจอ ดีเจจากคลื่นวิทยุในตัวรถที่ผมเปิดทิ้งเอาไว้ ส่งเสียงสดใสอวยพรส่งท้ายปีเก่า ผมไม่ได้อยากฟังเพลงหรือคำอวยพรใดในเวลานี้หากสิ่งที่ผมต้องการคือ เพียงบางเสียงมาแทนที่ความเงียบงันที่ปกคลุมอยู่รอบตัว ผมเหยียบคันเร่งเกินกว่าครั้งใดที่เคยเหยียบ เหมือนผมกำลังพึ่งพาความเร็ว ผลักผมออกจากบางสิ่งบางอย่าง ความรู้สึกโดดเดียวเป่าลมหายใจรดต้นคอผมอยู่ทุกวินาที ผมไม่อยากมีมัน ผมไม่เคยต้องการมัน เสียงเรียกเข้าจากมือถือทำให้ผมลดความเร็วลง ผมกรอกเสียงตามสายอย่างไม่ใยดีนัก แม้เสียงที่ตอบรับผมจะฟังดูร้อนรนก็ตามที
เฮ้ย ! ไอ้เดย์ นี่แกอยู่ไหนว่ะ นี่เจ้าของร้านจะหันพวกกูทำยำอยู่แล้ว
กูบอกแล้วไงว่าไม่ให้พวกเองรับงาน
เฮ้ย! ช่วยหน่อยเหอะ กูจะตายอยู่แล้ว
เดี๋ยวกูโทรบอกพี่เอกให้ แกเล่นแทนกูได้ พวกเองอยู่ร้านไหน
ผมจัดการปัญหาที่เพื่อนผมก่อจนเสร็จสิ้น แม้นเพื่อนผมจะดูไม่ดีนักในสายตายของคนอื่น แต่พวกมันก็มีน้ำใจกับผมเสมอมา ผมเร่งความเร็วของรถอีกครั้ง ความว่างเปล่าเกาะกุมผมจนได้ สองข้างทางมืดสนิทผมออกจากเขตกรุงเทพผ่านเลยเขตปริมณฑลมามากแล้ว ผมอยากมีเพื่อนหรือเปล่านะ แล้วทำไมผมถึงไม่อยู่รวมฉลองวันปีใหม่ในกรุงเทพ ผมมาทำอะไรที่นี้ ผมแตะเบรคทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงล้อยางเสียดสีกับพื้นทราย ผมมาที่นี้จนได้ หาดสีขาวสะอาดที่ผมคุ้นเคย ผมถอดรองเท้าเปิดประตูรถแล้วเหยียบย่ำไปยังเม็ดทรายละเอียดนุ่มเท้า ผมกลับมาสู่ความทรงจำเก่า ๆ ที่มันผุพังแต่ไม่เคยจางหาย มันกลายเป็นผังผืดในเนื้อหัวใจของผมไปเสียแล้ว ภาพของใครคนหนึ่งฉายชัดขึ้น ณ ที่ตรงนี้ ผมรักเธอและยังคงรักเธอเสมอ ผมเป็นสุขและเจ็บปวดในทุก ๆ ครั้งที่นึกถึงเธอ แม้กระนั้นผมก็ยังบังอาจแลกความเจ็บปวดอันแสนสาหัสกับความสุขอันน้อยนิด ถ้าเพียงเธอยังอยู่ แม้จะไม่ใช่ที่ตรงนี่ด้วยกัน ถ้าเพียงผมไม่ขี้ขลาดจนเกินไปในวันนั้น ชายหาดแห่งนี้ในวันนี้คงไม่มีเพียงคลื่นลมกับผมเพียงเดียวดาย ผมเจ็บปวดซ้ำ ๆ กับเรื่องเดิม ๆ ผมไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมผมจึงไม่มีภูมิต้านทานความเจ็บปวดนี้เสียที ในเมื่อครั้งหนึ่งผมเหงาอยู่ตรงนี้เพียงลำพัง ในที่ตรงนี้
ผมเหงา และผมอยากคุยกับใครสักคนใครก็ได้ในตอนนี้ ผมจิ้มปลายนิ้วลงบนแป้นมือถือ ผมไม่รู้จักหมายเลขที่ตัวเองกดด้วยซ้ำ
สวัสดีค่ะ เสียงผู้หญิงสดใสที่ตอบกลับมานั้นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยที่ตรงนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเดียวดายมากนัก
สวัสดี ทำไมไม่พูดล่ะ สวัสดีค่ะ ถ้าคุณไม่พูดฉันจะวางล่ะนะ เสียงของเธอเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย
คือ ผม ผมเพียงแต่เหงา
คุณต่อผิดหรือเปล่าค่ะ ฉันชื่อมุก คุณตั้งใจจะโทรเบอร์นี้หรือเปล่า
ครับ ผมไม่รู้จักคุณหรอก ผมเพียงแต่สุ่มกดเบอร์ ขอโทษที บางทีคุณคงกำลังจะฉลองปีใหม่กับครอบครัว
ค่ะ คือฉันกำลังจะออกไปแต่ยังไม่ได้ออกไป ที่ร้านหมายถึงร้านของเราก็มีงาน งานเล็ก ๆ
งั้น ผมวางสายดีกว่าคุณจะได้ไปร่วมงาน
ทำไมคุณไม่ไปฉลองปีใหม่กับ เพื่อน ๆ ครอบครัว หรือ แฟน
ผม ผมตัวคนเดียวนะฮะ ฟังดูอาจจะไม่เชื่อตอนนี้ผมอยู่คนเดียว ผมบอกออกไปปนเสียงหัวเราะขื่น ๆ
เชื่อค่ะ เพราะตอนนี้ฉันก็กำลังยืนอยู่คนเดียว
เสียงนับถอยหลังจากดีเจในวิทยุที่ผมเปิดทิ้งไว้ลดเลขต่ำลงทุกที ทั้งผมและเธอนิ่งเงียบ ดูเหมือนว่าเราสองคนกำลังรอการสิ้นสุดในการนับนั้น
สวัสดีปีใหม่ ทั้งผมและเธอเอ่ยขึ้นพร้อม ๆ กัน ตามด้วยเสียงหัวเราะต่อท้ายจากทั้งสองฝ่าย
มีความสุขมาก ๆ นะครับ
ขอบคุณค่ะ ขอให้คุณหายเหงาสักทีนะ ผมยิ้มให้กับคำอวยพรเล็ก ๆ จากเธอ คำอวยพรของเธอเป็นจริง อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่เหงาจนเกินไป
ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณอีกที ที่คุณคุยกับผม
ผมคุยอะไรกับเธออีกนิดหน่อยประโยคสุดท้ายของเธอยาวเหยียดหากผมอบอุ่นใจแปลก ๆ
อย่าอยู่กับความเหงามากนักนะค่ะ เพราะถ้านานวันเข้าคุณยังอยู่กับมัน ผู้ที่นำความเดียวดายมาให้ อาจไม่ใช่ความเหงา แต่จะเป็นคุณเองต่างหากที่สร้างความรู้สึกนั้นขึ้นมาเอง
ผมเอ่ยคำขอบคุณกับเธออีกครั้ง เป็นครั้งที่สาม ก่อนจะวางสายจากเธอ แล้วผมก็มานั่งตีความจากประโยคนั้นของเธอ เธอเองก็คงเคยเหงา ผมล้มตัวนอนลงบนผืนทราย ดูเหมือนว่าแสงดาวบนท้องฟ้ากำลังเต้นระบำจากจังหวะคลื่นลม ผมอมยิ้มให้ทุกประโยคของมุก ใช่สินะเธอชื่อมุก เธอวางสายจากผมทั้งที่ยังไม่ทันได้รู้จักชื่อผมด้วยซ้ำ เสียงจากทะเลขับกล่อมจนผมผล็อยหลับไป
จากคุณ :
Malisod
- [
2 ก.ค. 50 13:39:10
]