Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ** บางแห่งของไทยเคยถูกน้ำท่วมและอีกสิบปีน้ำท่วมจะโลก**

    **  บางแห่งของไทยเคยถูกน้ำท่วมและอีกสิบปีน้ำจะท่วมโลก**

    การชุมนุมประท้วง ณ ท้องสนามหลวงยังคงดำเนินไปเหมือนทุกวันราวกับว่าเป็นเสียงหัวใจเต้นของประเทศไทย  และในขณะเดียวกันแถบภาคใต้ก็เสมือนบาดแผลเรื้อรังที่รักษาไม่หาย ยิ่งพยายามอัดยาฆ่าเชื้อชื่อว่าสมานฉันท์ลงไปทีละเล็กละน้อยกลับทำให้เชื้อดื้อยาและบาดแผลค่อยๆลุกลาม  ผมเกรงว่าสุดท้ายประเทศไทยจะเป็นโรคหัวใจและต้องตัดอวัยวะบางส่วนทิ้งเพื่อรักษาชีวิต   กล้องตัวเก่าที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาทุกเหตุบ้านการเมือง จู่ๆกลับหยุดทำงาน  ขณะนั้น ผมกำลังจับภาพแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมกล่าวปราศัยบนเวที   ผมเก็บกล้องลงกระเป๋าทันที ไม่ได้ดูสักนิดว่าเสียหายตรงไหน  เดาเอาว่าคงจะเหนื่อย เพราะต้องคอยจับตาสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีข้อยุติซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีโอกาสปริปากบ่น    เหมือนกับตากล้องต่างสำนักพิมพ์ที่ดูสีหน้าเบื่อหน่ายเหลือเกินยามกดชัตเตอร์แต่ละครั้ง  

    “ ไปพักกินน้ำก่อนไหม ? ..” ผมถาม

    “ นายไปก่อนเถอะ  ยังได้รูปดีๆไม่มากนัก  สำนักพิมพ์บอกว่าขอภาพที่ดูปลุกเร้าเยอะๆหน่อยจะคัดไปขึ้นหน้าหนึ่ง แล้วก็ใส่หน้ากลางอีกหลายภาพ ”  เขาปฏิเสธแล้วย้ำชัตเตอร์อีกหลายครั้ง  ทั้งๆที่สายตาดูไม่ค่อยใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า

    ผละจากท้องสนามหลวง ผมพาตัวเดินเข้าวัดพระแก้วไหว้พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต  อธิษฐานให้เสียค่าซ่อมอุปกรณ์หาเลี้ยงชีพชิ้นเดียวที่มีอยู่ถูกๆหน่อย  และขอให้บ้านเมืองกลับสู่สภาวะสงบสุข  ผมเชื่อว่าหลายชีวิตรอบตัวคงอธิษฐานไม่ต่างกัน  ไม่ว่าจะด้วยความปรารถนาดี หรือ ความเบื่อหน่าย  พวกเราล้วนอยากให้ประเทศชาติสงบร่มเย็น คุณยายคนหนึ่งนั่งคุกเข่าข้างๆ บ่นพึมพำขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญและสุขภาพแข็งแรง   ผมคุกเข่าลงอีกหนแล้วอธิษฐานแบบเดียวกับคุณยายคนนั้น

    เป็นอันว่า วันนี้ว่างจากภาระกิจ ขอพักสักนิด ค่อยเอากล้องไปซ่อม เอาฟิล์มไปล้าง  ถ่ายได้ทั้งหมดยี่สิบภาพ  แต่ละภาพผมใส่ความตั้งใจเต็มที่เชื่อว่าต้องได้ภาพที่สวยงามและมีพลัง  เพื่อนหลายคนชอบแซวผมว่าเป็นตากล้องยุคโบราณ สมัยนี้ต้องใช้ดิจิตอลเก็บภาพให้เยอะๆแล้วค่อยไปคัดเอาบนคอมพิวเตอร์ทีหลัง  ผมไม่เถียงแนวความคิดนั้น  เราก้าวเข้าสู่ยุคสมัยดิจิตอล  ผมชอบดูภาพยนตร์สามมิติที่สร้างจากคอมพิวเตอร์  มันทำให้จินตนาการปรากฏเป็นภาพความจริงขึ้นมาได้หลายอย่าง  แต่ไม่ควรเอาไปทำให้ภาพความจริงกลายเป็นความจริงที่เราอยากเห็น  

    ร้านอาหารใกล้ๆวัดพระแก้วแห่งหนึ่งมีโปรแกรมจัดชั้นสองเป็นแกลลอรี่แสดงภาพถ่าย  แวะชมฆ่าเวลาและศึกษางานของคนอื่นประดับความรู้  ยามที่ได้เห็นภาพถ่ายดีๆจะรู้สึกขนลุกเกรียวราว   แกลลอรี่นี้จัดแสดงภาพถ่ายขาวดำในหลากหลายมุมมอง  จัดแสดงไว้ในกรอบรูปวงรี  ซึ่งดูเข้ากันกับภาพถ่ายท้องฟ้ายามค่ำคืนที่จัดไว้บริเวณทางเข้าร้านใกล้ป้ายเชิญชวนเยี่ยมชม  ผมเคยอ่านเจอว่าดวงดาวมีวงโคจรเป็นรูปวงรี  

    ภาพแรกสุดใกล้ราวบันไดเป็นภาพใบหน้าพระพุทธรูปครึ่งหน้า ถ่ายในระยะใกล้จนมองเห็นรอยกร่อนของแผ่นทองที่ฉาบเอาไว้  สะเก็ดทองปริเป็นทางยาวต่ำกว่าบริเวณขอบตาเห็นเป็นรอยร้าวคล้ายหยาดน้ำตา  แต่มองโดยรวมใบหน้าพระพุทธรูปยังฉายแววเมตตาปราณีต่อสัตว์โลก   ไม่มีรายละเอียดของภาพ ไม่มีข้อมูลสถานที่ ความไวแสง ความเร็วชัตเตอร์หรือแม้แต่ชื่อภาพ  นอกจากคำบรรยายสั้นๆที่เขียนว่า จะแห่งหนไหนในเมืองไทย ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
    ถัดจากนั้น เป็นภาพของชุดสูท ถอดแยกเป็นชิ้นๆ  เสื้อนอกแขวนไว้บนผนัง  กางเกงพับไว้ในตู้ไม้  รองเท้าขัดมันเก็บบนชั้นวาง  ภาพนี้คงจะดูเป็นภาพธรรมดา  หากบนกำแพงไม่มีตราสัญลักษณ์ของพรรคการเมืองติดเต็มพรืด  ผมนิ่งมองอย่างพินิจพิจารณาจนผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าเจ้าของผลงานต้องการสื่อแนวคิดสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน  ภาพนี้อาจต้องการบ่งบอกว่า เมื่อนักการเมืองถอดเสื้อนอกก็เป็นเพียงประชาชนเหตุใดเราจึงต้องยอมหันซ้ายหันขวาตามคนเหล่านี้ ทั้งๆที่พวกเราเป็นคนเลือกเขาเข้าไปเอง  แต่ผมอาจคิดไม่เหมือนเจ้าของผลงานก็ได้  

    ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ยืนน้ำตาไหลหน้าภาพถัดไป  ภาพนั้นเป็นภาพศาลหลักเมืองถ่ายออกมาในมุมมองเรียบง่าย พยายามให้เห็นทุกเหลี่ยมมุม ไม่มีพลังแผ่ออกมาเป็นพิเศษ ในความเห็นของผู้ประกอบอาชีพช่างภาพ ภาพนี้ไม่ใช่ภาพที่ดีจนถึงขั้นเสียน้ำตา

    “ ขอโทษนะครับ รู้จักสถานที่ในภาพหรือครับ ”

    ชายหนุ่มนักศึกษาปาดน้ำตา หันมาทางผมค่อยตอบ

    “ ครับเป็นศาลหลักเมืองปัตตานี  เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งมาจากปัตตานี มันมาเรียนที่กรุงเทพตั้งแต่มัธยมต้น เราสนิทกันมาก  ผมไปเที่ยวบ้านมันหลายครั้ง พ่อกับแม่ของมันเอ็นดูผมเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง   ปีที่แล้วมันกลับบ้านตอนปิดเทอมใหญ่ แล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก  พ่อกับแม่ของมันเขียนจดหมายมาแจ้งข่าวการตายของมัน  ในบรรทัดสุดท้ายเขียนเตือนผมว่า  อย่าลงมาข้างล่างนะ ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว…..”

    “ เมื่อก่อนเป็นยังไงหรือครับ ” ผมถามแล้วหันไปมองภาพนั้น

    “ สนุกสนานดี และ ผมคิดถึงช่วงเวลานั้นมากๆเลย ..”  

    “ ขอโทษนะ เพื่อนคุณเป็นไทยพุทธ หรือ ไทยอิสลาม ? ” ผมถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น เผื่อว่าจะใช้เป็นข้อมูลบรรยายภาพถ่ายเมื่อมีโอกาส

    “ เรื่องแบบนั้น มันสำคัญมากหรือครับ ”  

    เขาตอบด้วยแววตาโกรธเคือง  ภายในดวงตายังฉ่ำน้ำ  แล้วเดินหนีไป บางทีเขาอาจจะถูกถามด้วยคำถามนี้หลายต่อหลายครั้งจนรำคาญใจ   สำหรับเขาและเพื่อนผู้จากไปคงไม่มีคำถามอย่างนั้นระหว่างกัน   นอกจากไมตรีดีๆ ที่พร้อมจะกอดคอไปเที่ยวบ้านของกันและกันได้ทุกเวลา  ชวนให้นึกถึงสมัยเด็กๆที่ขออนุญาติครอบครัวไปกินข้าวเย็นบ้านเพื่อนบ่อยๆ  

    ผมนิ่งมองภาพศาลหลักเมืองเล็กๆ  แม้พยายามเพ่งละเอียดถี่ยิบแทบทุกจุดบอดของภาพก็ยังไม่ประทับใจอยู่ดี   แต่พอหลับตาลงแล้วใคร่ครวญหยาดน้ำตาของชายหนุ่มที่เพิ่งจากไป  แล้วใส่ตัวเองลงไปแทนที่ของเขา  ผมรู้สึกราวกับว่าปริ่มน้ำเอ่อล้นดวงตาจนเต็ม

    “ ชอบภาพนี้หรือคะ ? ”  เจ้าของคำถามที่เรียกผมกลับจากโลกส่วนตัวเป็น  หญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมง  ไว้ผมยาวรวบเป็นหางม้า  ใส่แว่นสีชา

    “ เปล่าหรอกครับ ” ผมตอบตามความรู้สึกของตนเอง

    “ เหรอ แต่ดูท่าทางพี่กำลังจะประทับใจจนน้ำตาไหลนี่นา ? ” เธอถามย้ำ

    “ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ในมุมมองของช่างภาพมันไม่ใช่ภาพที่มีพลังขนาดนั้น แต่ในมุมมองของความทรงจำของคนบางคนก็อาจทำให้มีอาการอย่างที่คุณว่า ”
    ผมพยายามอธิบายให้เป็นทฤษฎีมากทีสุด เพราะหญิงสาวคนนี้ดูจะไม่ค่อยมีความรู้ด้านภาพ  ที่สำคัญเธอแขวนป้ายนักศึกษาฝึกงาน

    “ มิน่าล่ะ เพื่อนหนูคนหนึ่งถึงร้องไห้เป็นประจำเมื่อเห็นภาพนี้ เขาว่า มันทำให้คิดถึงเพื่อนสนิทค่ะ ”

    เธออาจพูดถึงชายหนุ่มที่จากไปแล้ว บางทีอาจรู้จักกัน  ผมไม่ได้เล่าถึงเรื่องที่เราสนทนากัน  เธออาจว่าผมเป็นคนใจร้าย  การชมแกลลอรี่คนเดียวมีข้อดีคือได้ใคร่ครวญเทคนิกต่างๆด้วยความคิดของตนเอง  แต่การมีเพื่อนเดินชมอีกสักคนมีข้อดีคือได้เก็บเกี่ยวมุมมองที่แตกต่าง  ตอนนี้ ผมต้องการอย่างหลัง

    “ เป็นนักศึกษามาฝึกงานหรือครับ ? .”

    “ ก็ไม่เชิงค่ะ เรียกว่ามาช่วยรุ่นพี่จัดงานแล้วก็เรียนรู้ผู้คนมากกว่า ”

    “ ถ้าอย่างนั้น ช่วยนำพี่ดูงานสักหน่อยได้ไหมครับ ”

    “ จะดีหรือคะ นำมืออาชีพดูงานน่ะ ”

    “ รู้ได้ยังไงครับว่าพี่เป็นมืออาชีพ ”

    เธอยิ้มแล้ว  ชี้มาที่กระเป๋ากล้องและบัตรนักข่าวบนปกเสื้อ  ผมเกาหัวแก้เขิน แล้วบอกว่า

    “ นำไปเลยครับ ”

    เธอเดินนำผมแล้วหยุดบรรยายภาพทีละภาพ  คำบรรยายเหมือนเขียนบทล่วงหน้าด้วยภาษาสวยงามและถ่ายทอดแนวคิดของผู้ที่ถ่ายภาพเหล่านั้น  เป็นจริงดังที่ผมคาดไว้ว่า  แต่ละภาพพยายามสื่อถึงแนวคิดที่มีต่อสถานการณ์ของประเทศไทย  บางภาพค่อนข้างเข้าใจยาก  หากไม่มีคำอธิบายช่วยเสริม อาจเข้าใจไม่ตรงกับเจตนาเจ้าของผลงาน   บางคนอาจเบื่อเอาง่ายๆ หากไม่มีเสียงบรรยายหวานๆจากนักศึกษาหน้าตาน่ารักอย่างนี้   บางครั้งผมเอาแต่มองหน้าเธอ มากกว่าภาพที่เธอกำลังบรรยาย

    “ไม่รู้ว่าเราจะถกเถียงทะเลาะกันไปทำไมนะ ทั้งๆที่อีกสิบปีน้ำก็จะท่วมโลกแล้ว ”
    เธอบ่นให้ผมฟัง หลังจากชมภาพกลุ่มผู้ชุมนุมทุกยุคสมัย

    “ เชื่อด้วยหรือว่าอีกสิบปีน้ำจะท่วมโลก ? ” ผมถาม

    “ โรคร้อนขึ้นทุกวัน น้ำแข็งขั้วโลกกำลังจะละลาย พี่ไม่เคยดูสารคดีหรือไง ไปถามเด็กอนุบาลยังตอบได้เลยว่าอีกสิบปีน้ำจะท่วมโลก ”

    “ ปีหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า นอสตราดามุสทำนายไว้ว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามยังไม่เกิดเลย แล้วเราก็ยังอยู่กันมาจนถึงเดี่ยวนี้ ” ผมเถียงกลับ

    แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 50 16:36:06

    จากคุณ : กาแฟสอง - [ 3 ก.ค. 50 21:38:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom