เสียงปี่ชวา โหนโหยหวล สำนวนถ้อย
ดังเรียงร้อย ความในใจ กระไรว่า
ต้อยตะหริด ติ๊ดตี่ พี่คอยมา
แม่ขวัญตา จากไป ไกลเกินจริง
ปี่ที่เป่า เร้าเสียง สำเนียงรัก
กฤติกา ตระหนัก ฤทัยยิ่ง
คิดถึงก่อน ที่เคยเนาว์ เฝ้าแอบอิง
แต่ทุกสิ่ง ผ่านไปแล้ว นะแก้วตา
จึงเข้มแข็ง สำแดง อิทธิฤทธิ์
จึงทอดกร ฟ้อนกฤช งามสง่า
แลดนตรี มีสำเนียง เสียงพรรณนา
ปี่ชวา ที่รัก ตระหนักหัวใจ
เมื่อนิ้วปี่ ทอดเสียง สำเนียงลา
กฤช สังคามาระตา วับวาวใส
ครั้นปี่จบ ครบท่ารำ อันอำไพ
รำกฤชไซร้ ก็จบท่า อย่างสง่างาม
กฤติกา ส่งสายตา มายังอนรรจ
แล้วยิ้มให้ อย่าง ชัด ชัด ไม่เกรงขาม
อนรรจสบ ตาเพื่อน เสมือนเมื่อยาม
เมื่อครั้งความ รักเบ่งบาน แต่รานฤดี
จึงต้องเจียม ตนรู้ อยู่อย่างนิ่ง
คิดเสียว่า ทุกทุกสิ่ง คือหน้าที่
ไม่สบตา ไม่อาลัย แม้ไมตรี
ของเขามี เจ้าของ ต้องหักใจ
รักก็รัก ทั้งรู้ อยู่ว่ารัก
สุดจักหัก ห้ามได้ ฤๅไฉน
จึงศักดิ์ศรี ลูกผู้ชาย ทั้งกายใจ
ขอเก็บไว้. . . ชื่นชมอยู่. . . . เพียงผู้เดียว.
แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 50 05:06:37
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
9 ก.ค. 50 04:03:49
]