อ่าลองเอาเรื่องมาลงเป็นเรื่องที่สองนะครับ
มีอะไรก็ติชมได้เลยนะครับป๋ม!!
BLUE BIRD
26/02/2007
ฉันเคยอ่านหนังสือภาพเล่มหนึ่ง
ในหนังสือเล่มนั้นเขียนไว้ว่า ทุกคนล้วนมีนกสีน้ำเงินด้วยกันทุกคน
นกของทุกคนต่างกระพือปีกบินไปบนท้องฟ้า
BLUE BIRD นกสีน้ำเงิน เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข
หนังสือเล่มนั้นเขียนความหมายไว้แบบนี้
ถ้าหากทุกคนมีนกสีน้ำเงินของตัวเองจริง
ฉันคิดว่า นกสีน้ำเงินของฉันคงเป็นนกที่ปีกหัก
ชีวิตฉันเหมือนคนที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วไม่ได้ ฉันวิ่งไม่ได้ ด้วยโรคภูมิแพ้เรื้อรังขนาดหนัก
มันเป็นตั้งแต่ฉันยังเด็ก จนตอนนี้ฉันอายุ 14 แล้ว แต่อาการมันก็ไม่ได้ดีขึ้น ทุกอาทิตย์ฉันต้องไปฉีดยาที่เจ็บมาก ๆ ที่โรงพยาบาลในเกาะนี้ ฉันอาศัยอยู่ในเกาะภูเก็ต มันเป็นเกาะที่เจริญมาก
บางครั้งฉันรู้สึกว่ามันช่างขัดแย้งกับฉัน ชีวิตของคนที่ไร้ความสุขอย่างฉัน น่าจะอยู่ในที่เงียบ ๆ สมถะ น่าจะเข้ากับชีวิตฉันได้ ฉันจึงได้หาที่ที่เหมาะกับฉัน ทุกวันตอนเย็นฉันจะค่อย ๆ เดินจากบ้านมาอยู่ที่หาดทรายเรียบ ๆ ที่ไร้ผู้คน
หาดเงียบ ๆ นี้ ที่มันไม่ค่อยมีคนฉันก็คงเข้าใจ หาดทรายที่หยาบ และสีที่หม่นกว่าหาดทรายรอบ ๆ ภูเก็ต ที่ฉันชอบมานั่งแถวนี้ เพราะฉันชอบเอาหนังสือภาพเล่มนั้นมาอ่าน หนังสือภาพเรื่อง นกสีน้ำเงิน เป็นเรื่องราวกล่าวถึงนกสีน้ำเงิน โดยมีรูปวาดทะเลสีฟ้า หาดทราย โดยเริ่มตั้งเเต่พระอาทิตย์ขึ้น จนพระอาทิตย์เริ่มตก กล่าวพรรณนาไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าสุดท้าย คงเป็นวิธีที่จะเห็นนกสีน้ำเงินของตัวเอง แต่โชคช่างไม่เข้าข้างฉัน หน้าสุดท้ายของหนังสือได้ขาดหายไป ฉันพยายามตามหาหนังสือภาพเล่มนี้จากร้านหนังสือต่าง ๆ ทั่วเกาะภูเก็ต
แต่ก็ไม่มีวี่แววทั้งตัวหนังสือ และคนเขียน เพราะฉันบังเอิญเจอมันที่ซอกร่องเตียงเมื่อปีที่แล้ว
ก่อนที่ฉันจะตาย ฉันอยากจะขอเห็นนกสีน้ำเงิน นกแห่งความสุขของฉันนั้นสักครั้ง
ทุกครั้งที่ฉันนั่งอยู่ที่นี่ ฉันจะคิดถึงพ่อทุกครั้ง ฉันจำความไม่ได้ ว่าพ่อของฉันหน้าตาเป็นยังไง จำได้แค่แม่เล่าให้ฟังว่า พ่อตายด้วยอุบัติเหตุที่ทางโค้งตรงแถวทะเลสีหม่น และฉันก็ไม่รู้เรื่องราวอื่น ๆ ของพ่ออีกเลย
ฉันรู้สึกอิจฉาคนรอบข้างฉันเสมอ
วลิต เพื่อนชายที่มีครอบครัวอบอุ่น พ่อแม่ร่ำรวย ชีวิตของเขาดูช่างสุขสบาย ฉันอยากมีพ่อเหมือนเขา
อารดา เพื่อนสาว เธอเป็นคนเรียนเก่ง ทั้งๆที่เธอดูเป็นคนเล่นๆ ไม่ใส่ใจอะไร แต่คะแนนออกมาเธอมักจะได้ที่ 1 เสมอ ฉันอยากเรียนเก่งโดยไม่ต้องพยายามอะไรแบบเธอจัง ทินกร เพื่อนชายอีกคน ที่ดูเหมือนจะร่าเริงตลอดเวลา
มักจะเรียกเสียงฮาให้เพื่อนๆทุกครั้ง ฉันอยากจะเฮฮาเหมือนเขา
เช่นเดียวกับวันนี้ ฉันนั่งคิดถึงนกสีน้ำเงิน และนึกอิจฉาถึงเพื่อนทั้งสามคน ก่อนที่จะมีบางอย่างที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
เธออิจฉาพวกเขาจริงเหรอ เสียงผู้หญิงจากที่ไหนไม่รู้ดังขึ้น
ฉันหันไปข้าง ๆ พลางตกใจกับคำถาม เธอรู้ได้อย่างไรกัน และอีกอย่างฉันไม่ทันได้สังเกตขนาดที่มีผู้หญิงมานั่งข้าง ๆ โดยที่ฉันไม่รู้ตัวก่อนเลยเหรอ เป็นไปได้ยังไง เธอใส่เสื้อสีขาว กางเกงสีดำ ใส่หมวกเหมือนคาวบอยสีขาว และที่สำคัญ เธอสวยมาก
ว่าไง เธอจ้องหน้าฉันอยู่นานแล้วนะ ตอบคำถามของฉันก่อน
ฉันตอบกลับไปว่า เธอรู้ได้ยังไงว่า ฉันกำลังอิจฉา
เธอยิ้มและหัวเราะ เพราะฉันเห็นเธอมาที่นี่ทุกวันยังไงล่ะ เธอยิ้มอีกครั้ง
ฉันแปลกใจ ผู้หญิงคนนี้เห็นเราทุกวัน แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากถาม เธอก็พูดอะไรบางอย่างออกมาซะก่อน อยากเจอนกสีน้ำเงินของเธอมั้ย
ฉันตกใจกับคำถามแปลก ๆ ของเธออีกครั้ง แต่เพราะอะไรไม่อาจรู้ได้ มันทำให้ปากของฉัน พูดออกไปว่า ใช่ ฉันอยากเจอนกสีน้ำเงิน
เธอยิ้ม และบอกว่าลุกขึ้นมาสิ เธอยืนขึ้น ฉันค่อยๆลุกขึ้นตาม เธอมองมาที่ฉันแล้วบอกอะไรบางอย่าง
มองที่ตาของฉันนะ จ้องที่ตาฉัน
ฉันทำตามที่เธอพูด ฉันจ้องตาของเธอ ทันใดนั้น ทุกอย่างก็เหมือนจะขาวโพลน สว่างจ้าไปหมด
ฉันลืมตาอีกที มองไปรอบ ๆ ฉันกำลังนอนอยู่บนผืนทรายสีหม่นในยามเช้า ฉันตกใจ พลางพยายามลุกขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันแค่จ้องตาตามที่ผู้หญิงคนนั้นบอก แต่ทันใดที่ฉันยืนขึ้น สิ่งที่ฉันเห็นทันที -- ตู้ไปรษณีย์สีแดง ตั้งอยู่ตรงหน้าฉันกลางหาดทรายสีหม่น มันดูตัดกับทรายข้างล่างเหลือเกิน
ฉันตกใจ มันมาจากไหนกัน ฉันมาที่นี่ทุกวัน แต่ฉันไม่เคยพบมัน ฉันมองไปข้างๆเหลือบไปเห็นตู้แบบเดียวกันอยู่ไกล ๆ อยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตร มันคือตู้อะไร มันคือตู้อะไร ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉัน
ฉันอมนิ้วตัวเองพลางคิด
หนู ๆ หนูมาทำอะไรที่ชายหาดตั้งแต่เช้า ๆ แบบนี้นี่ มีเสียงผู้ชายมาจากด้านหลัง
ฉันหันหลังไปตามเสียงนั้น พลางตกใจถึงขีดสุด
รูปภาพ มีรูปภาพจำนวนมากเรียงทับซ้อนกันเต็มไปหมด ปกคลุมเป็นร่างเหมือนคน เหมือนคนที่ถูกเอารูปภาพมาติดเต็มตัวจนมองไม่เห็นอะไร นอกจากรูปภาพสุมๆกัน
หนูมาทำอะไร เสียงนั้นถามอีกครั้ง
หนูมาเดินเล่นค่ะ ฉันตอบกลับไปอย่างหวาด ๆ
อ้อ! งั้นก็เดินดี ๆ นะ แถวนี้เคยมีข่าวว่าเคยมีคนเห็นคนแปลกหน้าแปลกๆแถวนี้ระวังด้วยล่ะ เขาพูดเสร็จก็เดินกลับไป แต่ที่น่าตกใจอีกครั้งก็คือเมื่อเขาเดินไป รูปต่างๆก็ตกลงมาตามทางที่เขาเดิน รูปที่เขาคุยกับฉัน มันตกและถูกดูดลงไปในตู้ไปรษณีย์สีแดง มันค่อย ๆ ดูดจนชายคนนั้นออกจากระยะ 200 เมตร รูปก็จะถูกส่งไปยังตู้ถัดไปแทน
ฉันค่อย ๆ เดินไปที่ตู้ไปรษณีย์สีแดงนั้น พลางลองแตะลงไป แล้วพลันมีสีแดงจ้าเกิดขึ้น หลังจากสีแดงจ้าหายไป ฉันอยู่ในห้องสีแดงที่กลางห้องมีโซฟาสีขาวบริสุทธิ์ และข้างหน้าที่เต็มไปด้วยหน้าจอทีวีสีขาวมากมาย
ฉันนั่งลงที่โซฟา มองไปข้างหน้ามันคืออะไรกัน มันคืออะไร
สงสัยเหรอมันคืออะไร ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว เธอนั่งอยู่ทางขวาของฉัน พลางยิ้มให้ฉันข้าง ๆ
ฉันจะอธิบายให้ฟังนะ ที่เธอเห็นอยู่ข้างนอกมันคือ ตู้สอดแนมของสวรรค์ มันเป็นตู้ที่คอยบันทึกหลักฐาน การกระทำของคนทุกคน มันมีอยู่ทั่วโลก ระยะห่างกันไม่เกิน 250 เมตร ปักอยู่ทั่วไปทั่วทั้งโลก ทั้งบนบก ในน้ำ และเหนืออากาศ มันจะคอยดูดรูปภาพจากผู้คนเหล่านั้นเข้าไป หากคนเดินเข้ามาที่อาณาเขตของมัน แต่มันจะบันทึกลงในส่วนกลางของทั้งหมด และหมายถึงห้องนี้ด้วย เธอก็เห็นแล้วใช่มั้ยคนเราประกอบด้วยรูปภาพต่างๆของความทรงจำทับซ้อนในร่างกายของเรา ภาพที่ซ้อนๆกันเหล่านั้นรวมๆกันกลายเป็นภาพที่เธอเห็นภาพหนึ่ง ภาพหนึ่ง ๆ ที่เธอเห็นจะมารวมๆกันในตู้นี้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว ในห้อง ๆ หนึ่ง เช่นห้องนี้คือห้องตรวจการ ห้องหนึ่ง สวรรค์ใช้รูปภาพเหล่านี้ล่ะ เก็บไว้เป็นหลักฐาน ยามที่คนตาย และเมื่อตายคนเราจะต้องผ่านศาลก่อนขึ้นสวรรค์ไงล่ะ เธอพูดจบพลางยิ้มให้ฉันอีกครั้ง
แล้วเธอพาฉันมาที่นี่ทำไม
เพื่อให้เธอได้เจอคำตอบที่เธออยากจะเจอยังไงล่ะ ทันใดนั้นเธอก็จับมือฉันขึ้นมาพลางแบมือฉันก่อนจะนำของสิ่งหนึ่งให้ ฉันเหลือบไปมอง มันคือ กุญแจสีน้ำเงิน
หากเธออยากเห็นรูปภาพ เห็นความทรงจำของใครให้นำมันไปไขที่ตัวของคนคนนั้น ไม่ต้องกลัวนะว่าคนคนนั้นจะรู้ ทุกคนยกเว้นเธอในตอนนี้ไม่มีใครมองเห็นตู้สอดแนมสวรรค์ และรูปภาพที่ออกมาจากตัวของพวกเขาหรอก เธอแค่นำกุญแจนี้แตะลงไปที่ตัวของคนๆนั้น เท่านั้นล่ะ เธอจะได้พบรูปภาพที่ก่อตัวเป็นความทรงจำของเขา ในห้องแห่งความทรงจำประจำตัวของเขา คนทุกคนจะมีห้องแยก ๆ เป็นประจำตัวด้วยนะ ฉันลืมบอกไป
อีกอย่าง เวลาที่เธอเดินเข้าไปในห้องแห่งความทรงจำเวลาข้างนอกจะถูกหยุดลง และสุดท้าย เธอมีเวลาจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน กุญแจเรือนนี้จะหายไป พร้อมกับการที่เธอมองเห็นตู้สอดแนมสวรรค์ด้วย เธอยิ้มให้ฉันอีกครั้ง
แต่ก่อนที่ฉันจะถามอะไรออกไป เธอก็ได้หายตัวไปแล้ว ฉันกำกุญแจแน่น พลางคิดถึงคนที่ฉันจะดูรูปภาพ คนที่ฉันอิจฉาทั้งสามคน
ฉันค่อย ๆ เ ดินกลับจนถึงบ้าน รีบใส่ชุดไปโรงเรียน ก่อนที่แม่จะถามฉันว่า เมื่อคืนลูกไปไหนมา ฉันก็ชิงเดินออกมาเสียก่อน พลางขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียน ฉันมองจากรถเมล์คนที่เดินผ่านไปมาบนถนนถูกดูดรูปภาพต่าง ๆ เข้าไปในตู้สอดแนมเป็นสายพันกันไปกันมา เป็นสีต่าง ๆ มากมายสลับละเลงไปมา ดูสดใส และน่าประหลาดตัดกับท้องฟ้าที่สดใสอยู่เบื้องบน มันเหมือนเป็นวัตถุที่สัมผัสไม่ได้ ได้แค่เห็นจากดวงตาของฉันเท่านั้น
มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดว่าในชีวิตนี้จะได้พบเจอ มันช่างน่าตื่นเต้นสำหรับฉันจริง ๆ
เมื่อฉันไปถึงโรงเรียน และเจอเพื่อนทั้งสามคนนั่งด้วยกัน ในที่เดิมที่พวกเขามักจะนั่งคุยกันทุกวัน
ฉันเริ่มนำกุญแจที่เธอคนนั้นให้มานำมันมาแตะ และไขที่ตัวพวกเขา โดยเริ่มจาก วลิต
ทันทีที่ฉันแตะกุญแจลงไปแสงสีแดงวูบก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และฉันก็ได้เข้ามาที่ห้องสีแดง และโซฟาสีขาวบริสุทธิ์อีกครั้ง แต่ภาพของวลิตมากมายติดทับๆสุมๆกันบังทีวีเหล่านั้นอยู่ ฉันคิด แล้วจะดูทีวี ดูภาพเคลื่อนไหว ได้ยังไงกันล่ะแบบนี้ ฉันพยายามไปละเลงรูปออก รูปภาพต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่รอบนอก
จากคุณ :
shikak
- [
13 ก.ค. 50 00:33:24
]