ครูอนรรจ วางปี่ ที่หน้าตัก
ข่มใจหัก ความรักไว้ ไม่ข้องเกี่ยว
แล้วตัดใจ ช่างปะไร ใจดวงเดียว
ถึงโดดเดี่ยว ก็ช่างมัน ฉันไม่ตาย
แล้วลุกขึ้น สั่งลูกศิษย์ ปิดเครื่องเสียง
หน้าที่นี้ เราหมดเพียง จบง่าย ง่าย
พอกลับบ้าน พักผ่อน หย่อนใจกาย
เดี๋ยวก็หาย เศร้าซึมใจ กระไรมี
แต่บัดดล มีเสียงแจ้ว แว่ว แว่วหวาน
หันไปมอง แล้วละลาน นัยน์ตาพี่
เด็กน้อยจูง ใครมา เอ่ยวาที
รอเดี๋ยวซี คุณลุงคับ อย่าเพ่อกลับไป
อนรรจชะงัก เจ็บแปลบ แทบจะทรุด
มหาศิลปายุทธ์ ไม่จบใช่ไหม
แต่ฝืนยิ้ม สวนทาง ความหมางใจ
ด้วยรู้สึก ซ่านฤทัย ไม่รู้ตัว
ยิ่งเห็นเธอ ยกมือไหว้ ใจระทึก
ความรู้สึก สับสน ปะปนทั่ว
แต่ก็ฮึด สูดหายใจ ไม่ต้องกลัว
ใจกายตัว ลูกผู้ชาย ไยหวั่นเกรง
แล้วทักทาย ไม่เจอกัน มานานจัง
ฝีมือยัง คมขำ เธอรำเก่ง
กฤติกา ยิ้มให้ ใจนักเลง
เพราะเสียงเพลง ปี่งาม จึงรำดี
ณ บัดนั้น เด็กน้อย ค่อยกล่าวบ้าง
หนูอยู่ว่าง จึงชวนแม่ มาที่นี่
อยากฝากตัว อยากพากเพียร เรียนดนตรี
กฤติกา ย้ำอีกที ได้ไหมคะ
ครูอนรรจ ชะงักงัน ฤๅฝันไป
ไหนพูดใหม่ ช้า ช้า กระจ่างจะ
กฤติกา ยิ้มสวย พี่ช่วยนะ
หนูฝากลูก ด้วยค่ะ ด้วยดวงใจ
อนรรจอ้าแขน ให้หลานยา เข้ามากอด
นับแต่นี้ จนตลอด จะสอนให้
ไม่มี มหาศิลปายุทธ์ อีกต่อไป
มีแต่ วัฒนธรรมไทย สืบสายกัน.
แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 50 14:18:47
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
15 ก.ค. 50 00:52:33
]