ทางนี้สิ
. มาหาฉันสิ ฉันพร่ำภาวนาอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่ามกลางตุ๊กตาตัวอื่นๆในชั้นวางที่เรียงรายอยู่เต็มไปหมด
สำเร็จ
เธอกำลังเดินตรงมาหาฉันแล้ว
ฉันยังจำได้ดีเสมอ ถึงสัมผัสอุ่นๆจากมือน้อยๆของเธอในครั้งนั้น
เธออุ้มฉัน แล้วยกขึ้นเหนือหัว ส่งยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร ก่อนที่จะเอามากอดไว้ในอ้อมอกอุ่นๆของเธอ
หนูเอาตัวนี้ค่ะพ่อ
และแล้ว
. การรอคอยอันยาวนานแสนนานของฉันก็สิ้นสุดลง ณ บัดนั้น
นับจากวันนี้ ฉันเป็นของ เธอแล้วนะ ฉันคิด
.
.
นับแต่วันนั้นมา ฉันก็อยู่เคียงข้างกายเธอตลอดเวลา
..เธอเรียกฉันว่า เจ้าหมีพิงค์กี้ ซึ่งฉันก็ชอบชื่อนี้เป็นที่สุด
มันแสดงให้ฉันรับรู้ว่า การดำรงอยู่ของฉันนั้นมีค่าเพียงใดสำหรับ
เธอ
ทุกๆครั้งยามที่นอน เธอก็จะกอดฉันไว้ภายใต้ผ้าห่มนุ่มๆอุ่นๆ
และทุกครั้งที่เธอไปเที่ยวไหนต่อไหน เธอก็จะพาฉันเคียงข้างไปด้วยเสมอ
.วันดีคืนดีเธอก็พาฉันไปนั่งที่ชุดเก้าอี้รับแขกเล็กๆ มีโต๊ะกลมวางอยู่ตรงกลาง
และเธอก็จะนั่งอีกฝั่ง แล้วพูดคุยกับฉันอยู่อย่างนั้นตั้งครึ่งค่อนวัน
เธอขอให้แม่ตัดชุดให้ฉันใส่ตั้งหลายชุด และเธอก็จะเล่นสนุกกับการเปลี่ยนชุดให้ฉันทุกวัน
เพื่อนๆของเธอที่มาเยี่ยมบ้าน ต่างก็ชอบที่จะมาอุ้มฉัน กอดฉัน
ชมฉันว่าน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้
ซึ่งทุกครั้งที่เธอได้ยิน ก็จะดีใจจนยิ้มแก้มปริ
และตัวฉันเองก็จะมีความสุขเหลือเกิน
ครั้งหนึ่งเธอพาฉันติดรถพ่อ ไปทำบุญที่วัด
ขณะที่เธอลงไปใส่บาตร ปล่อยให้ฉันอยู่ในรถตามลำพัง
ฉันแอบมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เห็นตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งอยู่บนพื้นในบ้านไม้เล็กๆซอมซ่อ ผุๆพังๆ
ตุ๊กตาตัวนั้นตัวดำขมุกขมอม มีรอยปะเย็บตามแขนขาอยู่เต็มไปหมด
ฉันเห็นแล้วนึกสงสารจับใจ พลางนึกไปว่า เขาจะมีความสุขหรือเปล่านะ
แต่ฉันก็แทบจะลืมไปเรื่องนี้ไปโดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อกลับถึงบ้าน พ่อของเธอก็ต่อที่นอนอันเล็กๆน่ารักให้ฉันอันหนึ่ง
วางไว้ข้างๆกับเตียงนอนของเธอ แล้วเธอก็หาผ้าขนหนูผืนเล็กๆมาทำเป็นผ้าห่มให้ฉัน
จะว่าไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้ชอบนอนบนที่นอนอันน้อย ซักเท่าไหร่หรอก ฉันชอบที่จะนอนอยู่ในอ้อมกอดของเธอมากกว่า
และเธอก็เหมือนจะรู้ใจฉันซะด้วย
เธอจะให้ฉันนอนบนที่นอนนั้นเฉพาะตอนกลางวัน ยามที่เธอต้องไปโรงเรียน
และจะเอาฉันไปนอนกอดในตอนกลางคืน
.วันเวลาแห่งความสุขเหล่านี้อยู่กับฉันเกือบ 2 ปี จนกระทั่งวันหนึ่ง บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้น
เธอไม่ได้กลับมานอนที่ห้องเหมือนอย่างทุกวัน ทีแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไร
จนวันที่ 3 เข้าไปแล้ว ฉันก็ยังไม่เห็นวี่แววของเธอ
แล้ววันหนึ่ง ฉันก็แอบได้ยินสาวใช้คุยกันว่า คุณหนูถูกย้ายไปผ่าตัดด่วนที่อเมริกา
ฉันไม่เข้าใจความที่สาวใช้พูดเท่าไหร่นัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอเมริกามันอยู่ที่ไหน
แต่ฉันกลับมีความรู้สึกว่ามันคงจะไกลเหลือเกิน
ห้องของเธอถูกทิ้งร้างไว้ในสภาพที่เงียบเหงา
มีเพียงฉัน
.ที่ยังคงเฝ้ารอคอยการกลับมาของเธออยู่บนที่นอนเล็กๆอันนี้ทุกวัน
ฉันได้แต่เฝ้ามองดูพระอาทิตย์ขึ้นลง ขึ้นลง อย่างไม่รู้คืนรู้วัน
วันดีคืนดี ก็จะมีสาวใช้มาปัดฝุ่นทำความสะอาดห้องกันซักครั้ง
แล้ววันหนึ่ง ม่านหน้าต่างก็ถูกปิดลง คนมากมายช่วยกันขนย้ายข้าวของในห้องกันอย่างอุตลุด
ในที่สุดห้องทั้งห้องก็ว่างเปล่า
ฉันถูกย้ายไปอยู่ในห้องมืดๆแคบๆ แออัดไปด้วยกล่องและลังมากมายวางซ้อนกันอย่างไม่เป็นระเบียบ
กลิ่นอับๆของฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว
ฉันไม่รู้ว่าอยู่ในนั้นนานเท่าไหร่
จำไม่ได้ว่า นานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นแสงเดือน แสงตะวัน
แต่ก็นานพอที่จะทำให้ฉันลืมไปแล้วว่า ความสุขมันคืออะไร
หยากไย่เริ่มพันตามหัวและหูของฉัน ขาของฉันมีรอยแหว่งจนนุ่นแลบออกมาเล็กน้อย
เนื่องจากหนูแทะ
สภาพฉันตอนนี้ คงดูไม่ได้เลยสินะ
แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนหลายคนเดินใกล้เข้ามา
ใจของฉันเต้นตึกตัก ประตูถูกเปิดออก แสงอาทิตย์ที่ฉันไม่ได้เห็นมานานแสนนานเหลือเกินก็ทะลักล้นเข้ามา จุดให้
ห้องทั้งห้องสว่างไสวขึ้นมาในพริบตา
คิดว่าน่าจะอยู่ในนี้นะ
..เสียงของชายคนหนึ่งดังมาพร้อมกับเสียงแอ๊ดของประตูที่เปิดออก
ตอนนั้นก็รีบๆ จำไม่ได้หรอกว่าอะไรเก็บไว้ไหน
พอชายคนนั้นพูดจบ ก็มีเสียงๆหนึ่งตามขึ้นมา
เป็นไง หาเจอมั้ยคะ คุณลุง
..เสียงๆนั้น
. ฉันไม่มีทางจำผิดไปได้แน่ๆ
มันเป็นเสียงที่ฉันอยากจะได้ยินมานานเหลือเกิน
ใช่แน่ๆ มันเป็นเสียงของ เธอนั่นเอง
ฉันอยากจะโกนบอกไปว่า ฉันอยู่ตรงนี้ ซะจริงๆ
.แต่ฉันก็พูดไม่ได้
ชายที่เธอเรียกว่า คุณลุงนั้นค้นอะไรกุกกักๆอยู่พักใหญ่ ยกลังนู้นลังนี้ออก จนในที่สุดก็เจอฉันที่นั่งอยู่ในซอกหลืบแคบๆซอกนี้
นี่ไง เจอแล้ว!!
จริงเหรอคะ คุณลุง เสียงของเธอตื่นเต้นดีใจ
คุณลุงตะโกนเสียงดัง แล้วประคองฉันขึ้นไปด้วยมือทั้งสองข้าง แกไอแค้กๆ สองสามที
โอ้โห ฝุ่นจับซะขนาดนี้ แถมถลอกปอกเปิกไปหมดเลย แกพูดพลางยื่นฉันให้เธอดู
ดูซิลูก ว่าใช่มะ
ฉันมองเธออย่างตื่นเต้นด้วยความคิดถึงเหลือล้น เธอดูโตขึ้นเยอะทีเดียว แขนขายาวขึ้น ตัวก็สูงขึ้น
.แต่ดวงตาดวงนั้นยังคงเหมือนเดิม
เหมือนกับวันแรกที่ฉันได้พบเธอ
..ทว่าสายตาของเธอกลับเปลี่ยนไปเมื่อมองเห็นฉัน
นี่มัน
เธอพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
ไม่ใช่เจ้าหมีพิงค์กี้นี่คะ
..หมีของหนูเป็นสีชมพู ไม่ใช่สีเทาแบบนี้ เธอพูดต่อ
ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากของเธอ ฉันยังเป็นฉันเหมือนเดิม ทำไมเธอถึงจำฉันไม่ได้นะ
หรือว่า ฉันสกปรกเลอะเทอะเสียเหลือเกิน เธอจึงจำฉันไม่ได้แล้ว
.หากฉันพูดได้ ฉันอยากจะบอกเธอเหลือเกินว่าฉันนี่แหละคือ พิงค์กี้ที่เธอเคยกอดนอนทุกวันเมื่อสมัยก่อน
เธอทำหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้ คุณลุงจึงบอกเธอว่า
โอ๋ ไม่เป็นไรนะลูก
..ไว้ลุงจะซื้อตัวใหม่ให้ คุณลุงปล่อยฉันทิ้งลงพื้น แล้วลูบหัวเธอเบาๆ
ฉันถูกเอามาโยนทิ้งไว้ที่กองขยะ หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา ท่ามกลางขยะเศษซากปรักหักพังอื่นๆ ที่เหลือใช้แล้ว
โครงไม้ที่เมื่อก่อนเคยเป็น ที่นอนอันน้อยของฉันถูกหักป่นปี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยวางกองระเนระนาดอยู่เบื้องหน้าฉัน
เศษกระจกชิ้นหนึ่งท่ามกลางกองขยะสะท้อนให้ฉันเห็นภาพของตุ๊กตาหมีเก่าๆขาดวิ่น ขนสีเทาขมุกขะมอมไปทั้งตัว
.. นี่หรือฉัน??
.ฉันที่เคยมีขนสีชมพูสะอาดทั่วตัว ใครเห็นก็ต้องชมว่าน่ารัก
.. ฉันที่เคยนอนอยู่เคียงข้างเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆใต้ผ้าห่มอุ่นๆ
ฉัน
ที่เคยมีความสุขอยู่ทุกๆวัน
ฉันนอนตรงนั้นอยู่นานแค่ไหนก็ไม่รู้ ฉันแทบจะไม่มีความรู้สึกใดๆหลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว
ความผิดหวังทั้งหลายมันท่วมท้นจนฉันไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม
ผู้คนเดินผ่านไปมาขวักไขว่ แต่ไม่มีใครซักคนที่จะหันมาสนใจหรือแม้แต่ปรายตามองฉันเลยสักนิด
ฉันในตอนนี้
อาจเป็นแค่กองขยะไร้ค่ากองหนึ่งในสายตาของพวกเขา
บางที คุณค่าของชีวิตฉันคงหมดไปแล้วสินะ
ฝนลงเม็ดแล้วซาไป แล้วแดดก็ส่องลงมาแทนที่ แล้วก็ตกลงมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น
เป็นอย่างนี้หมุนเวียนเรื่อยไปไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว
วันนี้
พระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าไปหมาดๆ
น้ำค้างหยดหนึ่งหล่นแหมะลงมาจากยอดไม้ลงมาที่ตาของฉัน คล้ายกับว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่
บางทีนี่อาจจะเป็นหยดน้ำตาที่สวรรค์ประทานมาให้แก่ความเศร้าโศกของฉันล่ะมั้ง ฉันคิด
แล้วจู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงกุกๆกักๆดังมาจากซากตู้เย็นข้างๆฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักเพราะนึกว่าเป็นหนูหรือหมามาคุ้ยหาเศษอาหาร ซักพักหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนเด็กผู้หญิงดังมาใกล้ๆ
พ่อๆ หนูเจอตุ๊กตาหมี เด็กผู้หญิงคนนั้นตะโกนเรียกพ่ออย่างดีใจ
ฉันมองดูเด็กคนนั้น ..เค้าช่างดูซูบผอมเหลือเกินต่างจาก เธอ คนนั้นที่ฉันรู้จักลิบลับ เสื้อผ้าเนื้อตัวก็ดำมอมแมมสกปรกไปหมด ฉันเห็นเธอถือถุงพลาสติกสีดำใบใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้ใส่ขยะที่เก็บมาจากกองขยะกองนั้น
หนูเอากลับบ้านนะพ่อ เด็กคนนั้นพูด..
แล้วฉันก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากอุ้งมือน้อยๆของเค้า มันเป็นไออุ่นที่ฉันไม่ได้สัมผัสมานานเหลือเกิน
เด็กผู้หญิงคนนั้นค่อยๆประคองฉันไปกอดไว้ในอ้อมอกอย่างทะนุถนอมราวกับว่าฉันเป็นของมีค่ายิ่ง
แล้วเค้าก็ยกฉันขึ้นมาดูอีกครั้ง พลางส่งยิ้มหวานให้ฉันแล้วพูดว่า
ต่อไปนี้แกชื่อ เจ้าสีเทานะ
ฉันรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาอย่างประหลาด มันคล้ายกลับว่าฉันได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ฉับพลันนั้นฉันก็นึกถือตุ๊กตาหมีมอมแมมตัวนั้นที่ฉันเห็นตอนอยู่ในรถพ่อของเธอเมื่อนานมาแล้ว
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วล่ะ
บางที คุณค่าของการมีชีวิต อาจไม่ได้อยู่ที่การใช้ชีวิตให้มีความสุขหรอก
..
. คุณค่าของการมีชีวิต อยู่ที่การมีชีวิตอยู่ เพื่อคนที่รู้จักคุณค่าของมันต่างหากล่ะ
เธอ อุ้มฉันแนบอกแล้ววิ่งไปหาพ่อ
.
หยดน้ำค้างร่วงจากตาฉันลงสู่พื้น
..นี่ไม่ใช่หยดน้ำตาจากความเศร้าโศกหรอก หากแต่มันเป็นหยดน้ำตาแห่งความยินดีมากกว่า
.
นับจากวันนี้ ฉันเป็นของ เธอแล้วนะ
จากคุณ :
ซงย้ง
- [
22 ก.ค. 50 18:45:00
]