ดาวบนหลังคาบ้าน
........แสงเดือน...
คุณยังจำผมได้ไหม ผมคือเด็กชายที่ขายกระดาษเช็ดหน้าและนำเงินไปซื้อร่มให้แม่ไงครับ
เดี๋ยวนี้ผมไม่ได้ขายกระดาษแล้ว เพราะคุณครูบอกว่าการเรียนของผมแย่มาก แม่จึงไม่ยอมให้ผมไปขายอีก แต่ผมออกจะคุ้นเคยกับการค้าขายและการมีรายได้เล็กๆน้อยๆเสียแล้ว เมื่อต้องหยุดทำผมก็อดอึดอัดใจไม่ได้ ในที่สุดผมจึงรบเร้าจนแม่ยอมให้ผมไปรับพวงมาลัยจากตลาดไปขายตามหมู่บ้านจัดสรรในเวลาเย็นหลังจากเลิกเรียน
ผมโตขึ้นพอที่จะแบกกระด้งใบเล็กๆได้แล้ว บางทีผมก็ยกกระด้งพวงมาลัยทูนไว้บนหัวซึ่งผมก็มักจะทำอย่างนั้นเพราะผมจะได้ไม่ได้กลิ่นของดอกมะลิซึ่งผู้ใหญ่เคยบอกว่าเราไม่ควรดมดอกที่จะใช้ถวายพระ
ถ้าวันไหนขายพวงมาลัยไม่หมดผมจะคล้องไว้ตามไม้ระแนงรั้วบ้าน แล้วผมก็จุดธูปปักไว้ด้วย ก่อนจะปักธูปผมจะพนมมือนึกถึงพระและบอกในใจว่า ผมไหว้พระและขอให้ท่านช่วยให้ผมขายพวงมาลัยได้หมดกระด้งทุกวัน และให้แม่ขายข้าวต้มมัดหมดกระจาดทุกวันเหมือนกัน เมื่อผมโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็ขอให้ผมขายข้าวต้มมัดได้ดีมากๆเช่นเดียวกัน
แม่หัวเราะเมื่อรู้ว่าผมขออะไรจากพระ คุณครูที่โรงเรียนก็หัวเราะเมื่อรู้ว่าโตขึ้นผมจะขายข้าวต้มมัดเหมือนแม่ ผมว่าไม่เห็นตลกตรงไหนเลย ก็ผมทำอะไรไม่เป็นสักอย่างนอกจากช่วยแม่ทำขนมและทำการบ้านที่คุณครูให้
ผมเรียนอยู่ชั้นประถมสี่แต่ยังท่องสูตรคูณไม่ค่อยได้เลยต้องแอบดูที่ไม้บรรทัดอยู่เรื่อยๆ คุณครูคนหนึ่งบ่นออกมาดังๆว่าผมโง่เหมือนควาย ผมเสียใจและอายเพื่อนมาก วันรุ่งขึ้นผมจึงไม่ไปโรงเรียน
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อมาลี เพื่อนๆในห้องล้อว่าเราเป็นแฟนกัน แต่ผมว่าไม่ใช่หรอกเราเพียงแต่ชอบคุยกันและเธอก็แบ่งขนมให้ผมกินบ่อยๆเท่านั้นเอง บ้านของมาลีรวยมาก ผมเคยเห็นเพราะผมเดินขายพวงมาลัยผ่านหน้าบ้านเธอทุกวันและเธอก็ออกมาซื้อทุกวันเหมือนกัน
ผมเคยถามแม่ว่าคนรวยๆเขาทำอะไรกันถึงได้รวย แม่บอกว่าเขาทำงานที่ดีได้เงินมากๆและประกอบกับเขาทำความดีผลดีจึงได้ตอบสนอง และการจะได้ทำงานที่ดีๆก็จะต้องขยันหมั่นเพียรเรียนหนังสือให้เก่งๆอีกด้วย...อันหลังนี่ผมรู้ว่าแม่ตักเตือนผม
ตั้งแต่วันนั้นผมก็พยายามท่องสูตรคูณทุกคืนก่อนจะนอน แต่ไม่รู้เป็นอย่างไรพอท่องได้แค่แม่ห้าผมก็หลับไปพร้อมกับไม้บรรทัดทุกที อาจจะเป็นเพราะผมเมื่อยขามากก็ได้ แต่ถึงผมจะเรียนไม่เก่งผมก็พยายามทำความดีอย่างอื่น เช่นตื่นแต่เช้าช่วยแม่ทำขนมและขายพวงมาลัยตอนเย็น อีกหน่อยผมก็คงร่ำรวยกับเขาบ้างหรอกน่า
วันหนึ่งมาลีชวนผมให้ไปดูดาวที่บ้านเธอ คุณพ่อของเธอซื้อกล้องดูดาวมาอันหนึ่งเพราะพี่ๆของมาลีเขาอยากจะได้ เขาตั้งกล้องไว้บนชั้นดาดฟ้า เย็นนั้นผมจึงอ้อยอิ่งขายพวงมาลัยอยู่จนค่ำรอให้ดาวขึ้นเสียก่อนจึงแวะไปที่บ้านของมาลี มาลีทำท่ากระมิดกระเมี้ยนออกมาบอกผมว่าพี่ๆเขาไม่ให้เด็กเล็กๆดู เขาว่าดูแล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไร ผมจึงเดินคอตกกลับบ้านพร้อมกับสงสัยว่าทำไมเขาจึงหวงจังกะอีแค่ให้ผมได้ดูสักนิดเดียวเท่านั้น หรือเขาเห็นผมสกปรกมอมแมมผิดกับพวกเขากระมัง แล้วทำอย่างไรผมจึงจะได้ดูดาวดวงโตๆอย่างเขาบ้างนะนี่...คงไม่มีวันหรอก
เย็นหนึ่งขณะที่มาลีกำลังจะเปิดประตูรั้วเพื่อออกมาซื้อพวงมาลัยจากผมเช่นเคยก็มีหญิงกลางคนๆหนึ่งชิงเปิดเสียก่อน ดูท่าเธอจะเป็นคุณแม่ของมาลี เธอถือตะกร้าใบหนึ่ง ในนั้นมีลูกแมวเล็กๆขนาดยังไม่อดนมเลยสามตัว พอเห็นผมเธอก็ต่อฉอดๆเชียวให้ผมขายพวงมาลัยให้เธอถูกๆ ผมก็ขายให้เธอไป มาลีมองหน้าแม่แล้วทำตาปริบๆ ผมพูดอะไรไม่ออกจึงหันกลับเดินขายพวงมาลัยต่อไป
ผมเดินมาสักครู่จึงได้ยินเสียงผ้าถุงดังผับๆตามมาข้างหลัง เมื่อหันไปจึงเห็นคุณแม่ของมาลีเดินตามมาติดๆ เอ๊ะ! จะเล่นงานอะไรผมอีกละนี่ แต่แล้วผมก็โล่งอกเพราะเธอเดินถือตะกร้าผ่านผมไป เสียงลูกแมวส่งเสียงร้องเงี้ยวๆอยู่ในตะกร้าทำให้ผมนึกเป็นห่วง ธรรมดาผมก็ไม่ใช่คนรักแมวนักหรอก เอ...พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก คือว่าอาจจะเป็นเพราะผมยังไม่เคยเลี้ยงมันมากกว่า
สักครู่เสียงผึบผับของผ้าถุงก็สวนกลับมา ในตะกร้าใบนั้นว่างเปล่า...ใช่แล้ว! คุณแม่ของมาลีเอาลูกแมวเล็กๆเหล่านั้นไปปล่อยแน่ๆ สุดซอยนี้มีหมาใหญ่เยอะด้วยซี นั่นไง! เสียงโฮ่งๆกันให้สนุกสนาน ผมรีบทูนกระด้งพวงมาลัยไว้บนหัว สองมือจับขอบกระด้งแน่นวิ่งอ้าวไปทางเสียงหมาเหล่านั้น ไม่สนใจกับมาลัยพวงเล็กๆที่ร่วงตามหลัง
หมาใหญ่สองตัวกำลังฟัดลูกแมวเล่นอยู่ ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี ถ้าผมเอาก้อนอิฐปามัน มันคงเล่นงานผมแน่ ผมจึงโกยก้อนอิฐใส่กระเป๋าแล้วปีนต้นมะม่วงเล็กๆข้างทางขึ้นไปปาก้อนอิฐอยู่บนนั้น ปากก็ส่งเสียงไล่ให้ดังที่สุด สักครู่หมาสองตัวนั้นจึงหนีไป
ปรากฏว่าลูกแมวถูกกัดเหวอะหวะตายเสียสองตัว อีกตัวหนึ่งยังไม่ตายแต่ถูกกัดที่พุงจนมีอะไรไม่รู้สีแดงๆจุกออกมา ผมตัดสินใจจะเอามันไปรักษา อีกสองตัวที่ตายผมไม่รู้จะทำอย่างไรจึงใช้เศษกระดาษหนังสือพิมพ์จับมันใส่กระป๋องขยะหน้าบ้านใครไม่รู้แถวนั้น ดีกว่าปล่อยให้เหม็นเน่าอืดอยู่ข้างถนน
มีลูกค้าเจ้าประจำที่ซื้อพวงมาลัยจากผมอยู่บ่อยๆเป็นหมอรักษาหมา เขาคงรักษาแมวได้หรอกนะ วันนี้ผมจะเป็นลูกค้าเขาบ้าง
คุณหมอเอาสำลีชุบยาอะไรไม่รู้ทาที่ปุ่มแดงๆของอีเหมียวแล้วจึงจับยัดเข้าไปในท้องแล้วใช้เข็มเย็บที่พุงของอีเหมียวเหมือนกับที่แม่เย็บเสื้อนักเรียนให้ผมเลย คุณหมอฉีดยาให้เหมียวหนึ่งเข็มแล้วบอกให้ผมพากลับบ้าน ผมนึกว่าคุณหมอจะคิดค่ารักษาแพงๆแต่คุณหมอไม่คิดค่ารักษาเลย ผมจึงเอาพวงมาลัยที่มีอยู่ในกระด้งให้คุณหมอหมด คุณหมอไม่ยอมรับ บอกว่าไม่รู้จะเอาไปทำอะไรมากมาย ผมก็บอกว่าผมจะได้ให้เหมียวนอนสบายบนกระด้งจนถึงบ้าน คุณหมอจึงยอมรับพวงมาลัยไว้
เมื่อแม่รู้ แม่ไม่เอ็ดหรือชมผมได้แต่บอกว่าดีแล้วที่ผมทำอย่างนี้ วันหนึ่งข้างหน้าถ้าเราประสบเคราะห์กรรมบ้างก็คงมีคนเมตตาสงสาร ป้าม้วนที่ขายขนมหวานปากซอยชมเชยผมเสียยกใหญ่ เอาขนมเม็ดขนุนมาให้ผมกินด้วย ผมกินขนมไปพร้อมกับนั่งมองอีเหมียวที่นอนนิ่งอยู่บนกองผ้าขี้ริ้ว ตัวมันเหลืองๆป้อมๆเหมือนขนมเม็ดขนุนที่ผมกินอยู่...รู้แล้วละ ผมจะเรียกมันว่าเจ้าเม็ดขนุน
วันรุ่งขึ้นผมถูกครูตีอีกเรื่องท่องสูตรคูณไม่ได้ ผมไม่อยากมองหน้ามาลีเลย ไม่ใช่เพราะอายที่ถูกตี แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ มาลีเองก็ใจดีแต่ทำไมพ่อแม่พี่น้องของเธอจึงไม่ใจดีสักคน และก็ไม่เห็นจริงเลยที่แม่ว่าบ้านมาลีเขาทำดีเขาจึงได้ดีมีเงินทอง ทำไมลูกแมวเล็กๆสามตัวเขาจึงเลี้ยงไม่ได้ แล้วยังเซ้าซี้ให้ผมขายพวงมาลัยให้ถูกๆอีกด้วย ผมไม่เข้าใจจริงๆ
ผมกลับจากโรงเรียนเม็ดขนุนก็ยังไม่ฟื้น มีมดแดงขึ้นสองสามตัว ทีแรกผมใจหายวาบนึกว่ามันตายเสียแล้ว ตอนกลางคืนขากลับจากขายพวงมาลัยผมแวะถามคุณหมอ คุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไร พอผมกลับถึงบ้านเห็นเม็ดขนุนโงหัวขึ้นได้นิดหน่อย แม่จึงบอกให้ผมเอาสำลีชุบน้ำอุ่นให้มันดูด มันดูดเอาๆผมดีใจมาก แล้วผมก็ชงนมชุบสำลีให้มันดูดกินอีกด้วย
เม็ดขนุนหายวันหายคืน พอแผลที่พุงหายมันก็เป็นลูกแมวที่จ้ำม้ำทีเดียว ผมให้เม็ดขนุนกินปลาทูเยอะๆ บางทีกินมากกว่าผมอีก เวลาผมไปขายพวงมาลัยผมก็เอาเม็ดขนุนไปด้วย ผมใช้เชือกผูกขามันข้างหนึ่ง และผูกเชือกนั้นกับข้อมือของผม ผมอุ้มมันไปบ้าง ใส่กระเป๋ากางเกงให้มันโผล่ออกมาแต่หัวบ้าง แต่ถ้าขากลับผมจะให้มันนั่งในกระด้งบนหัวผม เม็ดขนุนมันร้องเงี้ยวๆชอบใจใหญ่
ผมไม่เข้าใจจิตใจของผู้ใหญ่อย่างคุณแม่ของมาลีเลย เดี๋ยวนี้เธอพูดดีกับผมและพูดเป็นทำนองจะขอเจ้าเม็ดขนุนของผมไปเลี้ยง เรื่องอะไรผมจะให้ เธอคงจำไม่ได้กระมังว่าเธอเป็นคนไปปล่อยกับมือเอง ช่างน่าแปลกจริงผู้ใหญ่นี่ มาลีก็อีกคนคอยคะยั้นคะยอให้ผมขึ้นไปดูดาวข้างบนตึก เธอว่าพวกพี่ๆเขาอยากอุ้มเม็ดขนุนและจะให้ผมดูดาวจากกล้องยาวๆนั้น มาลีเล่าว่าพอเห็นดาวดวงโตๆแล้วใจมันสุกใสผ่องแผ้วเหมือนที่คุณครูวิชาศีลธรรมเคยสอน เฮ้อ! ผมชักอยากจะผลักมาลีให้กระเด็นหงายหลังเสียแล้วซี...ผมไม่อยากดูแล้วละ ดาวเล็กดาวใหญ่อะไรนั้นน่ะ
คืนหนึ่งขณะที่ผมกำลังนั่งท่องสูตรคูณอยู่เม็ดขนุนมันกระโดดขึ้นมาบนตัก พอผมบอกซองหนึ่งซอง มันก็ย่ำลงไปบนตักผมทีหนึ่ง ผมบอกซองซองสี่ มันก็ใช้อีกตีนหนึ่งเหยียบ พอบอกซองซามหก มันก็ใช้ตีนอีกข้างหนึ่งเหยียบอีก ผมท่องสูตรคูณไปเรื่อยๆ มันก็เหยียบสลับไปมาเรื่อยๆ แม่หัวเราะชอบใจใหญ่บอกว่าเม็ดขนุนมันนวดเป็นด้วย เพราะฉะนั้นทุกคืนก่อนนอนผมจึงมีเพื่อนช่วยท่องสูตรคูณ คือเจ้าเม็ดขนุนนั่นเอง
เดี๋ยวนี้เม็ดขนุนชักนิสัยเสียแล้วละครับ ตกเย็นเป็นต้องให้ผมอุ้มไปขายพวงมาลัยทุกวัน เออ! ตัวเท่าเม็ดขนุนอย่างเก่าผมก็จะไม่เกี่ยงอะไรหรอก แต่นี่ตัวโตเกือบเท่าขนุนลูกย่อมๆแล้วผมก็เมื่อยแย่ ดีไปอย่างที่มันอยู่ช่วยท่องสูตรคูณกับผมจนดึกจึงนอนตื่นสายกว่าผม ไม่งั้นคงร้องตามผมไปโรงเรียนด้วยแน่ๆ
แล้ววันหนึ่งก็มาถึง...
วันนั้นดอกมะลิราคาตกมาก พวงมาลัยจึงพวงโตกว่าทุกทีผมจึงต้องแบกหนักกว่าทุกวัน ผมตั้งใจว่าจะไม่อุ้มเข้าเม็ดขนุนไปด้วย แต่มันก็มาเสนอหน้าคอยอยู่ที่เสารั้วบ้าน ผมบอกว่าไม่มีมือจะอุ้มพาไปด้วยไม่ได้ มันก็ไม่ยอมฟัง ร้องเสียงเหงี่ยวๆหว่าวๆจนแม่ต้องลากเอามันไปขังไว้ในเพิงบ้าน ผมจึงออกไปขายพวงมาลัยได้
วันนี้ขายหมดเร็วกว่าทุกวัน พอกลับถึงบ้านผมก็ร้องเหมียวๆหาเจ้าเม็ดขนุน แต่ไม่มีเสียงขานรับ ผมเอะใจร้องหาทั่วบ้านก็ไม่มีวี่แวว...แม่บอกว่ามันตามผมออกไป แม่ตะครุบไว้ไม่ทัน ผมจึงเริ่มออกเดินหาตามเส้นทางที่ผมเดินขายพวงมาลัย
ผมเดินลากขากลับบ้านอย่างอ่อนเปลี้ย แม่ไม่ถามอะไรผมสักคำปล่อยให้ผมนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ผมก็ไม่อยากพูดอะไรกับแม่ ผมกลัวว่าผมจะต้องร้องไห้ออกมา...ผมมองผ่านไปเรื่อยๆในความมืด มองเห็นรั้วไม้ระแนงที่เต็มไปด้วยพวงมาลัยทั้งแห้งทั้งสดที่ผมคล้องเอาไว้ ก้านธูปที่ระเกะระกะอยู่ก็เหมือนกัน ทำไมพระท่านจึงไม่ช่วยผมบ้างเชียวนะ...แล้วผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง ผมออกไปนั่งที่ระเบียงบ้านแล้วลงมือท่องสูตรคูณจาก ซองหนึ่งซอง ซองซองสี่ ซองซามหก ซองสี่แปด และท่องไปเรื่อยโดยหวังว่าถ้าเจ้าเม็ดขนุนได้ยินมันคงมาตามเสียงที่ผมท่อง.....
จนจบแม่สิบก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าเม็ดขนุน ผมนอนหงายลงกับชานเรือนท่องแม่สิบเอ็ดต่อไป...ปากผมท่องสูตรคูณแต่ตามองไปที่ท้องฟ้าเวิ้งว้างเบื้องบน ใจผมนึกหวนไปถึงเมื่อครั้งผมอยากดูดาวที่บ้านมาลีแล้วได้ไปพบเจ้าเม็ดขนุนที่เกือบจะตายอยู่แล้ว...นึกถึงตอนที่มันช่วยผมท่องสูตรคูณ.....
ตาผมมองเรื่อยเปื่อยบนฟ้า...ถ้าผมเป็นดาวอยู่ข้างบนก็ดีสินะจะได้รู้ว่าตอนนี้เม็ดขนุนมันซุกซ่อนอยู่ตรงไหน หรือกำลังจะถูกหมาเกเรที่ไหนฟัดเอาบ้างหรือเปล่า...คิดอย่างนี้แล้วน้ำตามันพาลเอ่อออกมา ผมกะพริบตาต่ำลงมาหน่อยเพื่อให้น้ำตาหยดออกจากเบ้าตาจึงพบดาวดวงหนึ่งสุกสกาวอยู่บนหลังคาบ้านของผมเอง ความจริงดาวไม่ได้อยู่บนหลังคาจริงๆหรอก ดาวก็อยู่บนฟ้านั่นแหละ แต่เผอิญเมื่อนอนมองอยู่อย่างผมเดี๋ยวนี้จะเห็นอยู่บนหลังคาบ้านพอดี ยิ่งมองดาวก็ยิ่งดวงโตขึ้น สว่างขึ้น และดูเหมือนจะยิ้มกับผมด้วย ไม่รู้ว่าผมลืมนึกถึงเจ้าเม็ดขนุนไปตั้งแต่เมื่อไหร่
อาจจะจริงอย่างที่คุณครูวิชาศีลธรรมเคยสอนกระมัง เธอว่าถ้าเราทำความดีมีเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั่วไป ใจเราก็จะผ่องแผ้ว อบอุ่นสุขสบายตลอดไป คงเหมือนกับผมในขณะนี้...ดาวบนหลังคาบ้านดวงสุกสกาวเมื่อครู่ค่อยๆใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น เหมือนกับจะรับรู้ความในใจของผม...จริงๆนะ ดาวดวงนั้นใหญ่ขึ้นจนเกือบเท่ากระด้งใส่พวงมาลัยของผมแน่ะ และก็อบอุ่นด้วย...
เช้าวันรุ่งขึ้นผมจึงรู้ว่าดาวดวงเท่ากระด้งนั้นน่ะที่แท้เป็นดวงอาทิตย์ต่างหาก ผมนอนคอยเจ้าเม็ดขนุนที่ชานเรือนจนถึงเช้า ผมจึงไปโรงเรียนสายกว่าทุกวัน แต่ผมก็ไม่ต้องกลัวครูตีอีกต่อไปแล้วเพราะผมท่องสูตรคูณได้จนถึงแม่สิบสอง และอึกวันสองวันเม็ดขนุนก็คงจะกลับมาบ้านได้เองหรอก เพราะมันโตมากแล้ว...และมันก็รักผมด้วย.
____________________
จากคุณ :
ดาเรน
- [
4 ส.ค. 50 11:17:41
]