นานมาแล้วดวงดาวบนพิภพนี้ต่างจะมีวันหยุดงานไม่ต้องกระพริบแสงแพรวพราวในยามที่มีงานรื่นเริงสังสรรค์ของฟากฟ้า มีเจ้าหญิงน้อยแห่งอาณาจักรดวงดาวองค์หนึ่งมีนามว่ามอนซูน เจ้าหญิงสถิตอยู่ในประสาทฟากฟ้าฝั่งดาวเหนือ เจ้าหญิงน้อยชอบงานรื่นเริงสังสรรค์ของหมู่ดาวมาก แต่ไม่เคยได้ร่วมงานกับเขาเลยสักที
เจ้าหญิงน้อยมอนซูนถูกคำสาปของแม่มดใจร้ายไม่ให้มีโอกาสเข้าร่วมงานดังกล่าว งานรื่นเริงสังสรรค์ของหมู่ดาวจะถูกจัดขึ้นในวันที่ท้องฟ้ามืดสนิท ดวงดาวจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ในงานจะมีดาวเล็กดาวน้อยทั้งหลายมาร่วมกันเสกสรรทางช้างเผือกของแต่ละรอบจักรราศี เจ้าหญิงองค์น้อยทรงปรารถนาจะเข้าร่วมแต่งแต้มสีสันและตระเตรียมทางช้างเผือกกับหมู่ดาวมาก แต่ก็ถูกเหล่าดาวเหนือที่ดูแลห้ามอยู่เสมอ
คำสาปของแม่มดจะทำให้เจ้าหญิงพบภัยพิบัติอันน่าเกรงขามหากไปร่วมงานดังกล่าว จะถูกผู้คนและสัตว์ทั้งหลายเกลียดชัง จึงทำให้เหล่าเสนาอำมาตย์ทั้งหลายจึงกันไม่ให้เจ้าหญิงได้ไปร่วมงานสังสรรค์ของหมู่ดาวที่เธอโปรดปราน
วันหนึ่งในกาละครั้งนั้น เป็นวันที่ดวงดาวได้ปฏิบัติหน้าที่กันเป็นปกติ เจ้าหญิงแห่งดวงดาวผู้ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการหมุนของกงล้อแห่งสายลมผู้จะพัดพาดวงดาวให้ไปส่องแสงตามจุดต่างๆ ก็ได้ทำงานของพระองค์อยู่เช่นกัน
หญิงน้อย หญิงน้อย ไปเที่ยวกันเถอะ วันนี้ให้ดวงดาวได้หยุดงานสักวันนะ เจ้าชายวายุ เพื่อนสนิทของเจ้าหญิงดวงดาวแวะมาชวนกันไปเที่ยวตามประสาเด็ก
ไม่ได้หรอกจ้า ถ้าฉันไปใครล่ะจะเป็นคนดูกงล้อแห่งสายลม เจ้าหญิงน้อยปฏิเสธเจ้าชายวายุเพื่อนสนิท
ไม่ไปก็ไม่ไป เจ้าจะทำงานตลอดชั่วอายุไขของเจ้าหรือยังไง หญิงน้อย เจ้าชายวายุถามเจ้าหญิงแห่งดวงดาว
ลิขิตสวรรค์กำหนดไว้แล้ววายุ ถ้าฉันไปมนุษย์จะเห็นแสงดาวจากไหน ผู้คนที่กำลังเดินทางจะเดินทางต่อได้อย่างไร กลางวันกลางคืนจะไม่มีใครทัดทาน แล้วกาลเวลาก็จะหมุนตาลปัตรทำให้ผู้คนสาปแช่งฉันเธอก็รู้ เจ้าหญิงน้อยตอบพร้อมทั้งยิ้มเศร้าๆ ให้แก่เจ้าชายวายุ
เอาเป็นว่ารัตติกาลในยามต่อไปที่เหล่าดวงดาวจะได้หยุดทำงาน เธอไปเที่ยวกับฉันนะหญิงน้อย เจ้าชายวายุบอกเพื่อนรักด้วยความสังเวชในชะตาของเจ้าหญิงแห่งดวงดาว
ได้สิจ๊ะวายุ เอาไว้ราตรีกาฬ ในคราวหน้าเราจะไปท่องเที่ยวในจักรวาลกับเจ้า เจ้าหญิงน้อยพูดออกมาปนความปราโมทย์ที่จะได้เที่ยวเล่นตามประสาเด็ก
หลังจากเจ้าชายวายุลากลับเจ้าหญิงน้อยก็ครุ่นคิดถึงชะตากรรมของตัวเอง ตั้งแต่เจ้าหญิงน้อยถือกำเนิดมาจากกลุ่มเมฆหมอกในจักรวาลเธอก็ไม่เคยได้เที่ยวเล่นสนุกสนานเช่นเด็กวัยเดียวกัน เจ้าหญิงน้อยต้องทำงานทุกวันแม้ในใจปรารถนาออกไปเที่ยวเล่นก็ทำไม่ได้
ครั้นเธอจะไปร่วมสังสรรค์ในวันกาฬฤกษ์ซึ่งหมู่ดาวหยุดทำงาน ก็มีคำสาปแต่โบราณกาลที่เจ้าหญิงไม่อาจฝืนชะตาของตนได้ จะมีก็เพียงแต่เจ้าชายวายุเพื่อนรักแค่นั้นที่เป็นสิ่งบันเทิงใจในยามที่เจ้าหญิงรู้สึกเหงา
และแล้วในยามรัตติกาลที่นัดหมายของเจ้าชายวายุและเจ้าหญิงมอนซูนก็มาถึง เจ้าชายและเจ้าหญิงพากันท่องไปในจักรวาลในขณะที่หมู่ดาวปิดเครื่องปั่นแสง จัดงานรื่นเริงสังสรรค์กันนั่นเอง
เจ้าชายวายุและเจ้าหญิงแห่งดวงดาวเดินทางท่องไปเรื่อยๆ ในราตรีนั่นมีเพียงแสงนวลของพระจันทร์เท่านั้นที่ส่องสว่างให้แก่นักเดินทางยามค่ำคืน
ในขณะที่เจ้าหญิงกำลังรื่นเริงอภิรมย์ชมชื่นอยู่กับความงามของพื้นพิภพที่ทอดสายตามองดูก็เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝันขึ้น เจ้าราหูตัวร้ายกำลังมาระรานพระจันทร์ แต่ ณ บัดนั้น เจ้าหญิงไม่อาจกลับไปควบคุมกงล้อแห่งสายลมได้ หากราหูกินจันทร์หมดทั้งดวงเมื่อไร หมู่ดวงดาวจะไม่มีโอกาสได้หยุดพักผ่อนเป็นแน่แท้ มวลหมู่ดาวทั้งหลายจะต้องทำงานจนเครื่องปั่นแสงทนไม่ไหวแล้วจะก่อให้เกิดการดับสลายไปทีละดวงในไม่ช้าจะไม่เหลือแสงสว่างในยามค่ำคืนเลย
เจ้าหญิงน้อยและเจ้าชายวายุตื่นตระหนกยิ่งนัก เจ้าชายวายุตัดสินใจใช้พลังและฤทธีของลมที่มีอยู่พัดโบกราหูที่กำลังจะกลืนกินจันทร์ แต่ด้วยแรงอันน้อยนิดที่ไม่มีกงล้อแห่งสายคอยควบคุมทำให้กระแสลมพัดกระจายไปทั่วท้องนภาไม่มีผลต่อราหูที่กำลังกลืนจันทร์ไปแล้วครึ่งดวง
เจ้าหญิงน้อยเห็นกาลพิบัติของจักรวาลมาถึงในจินตนาการของเธออย่างแจ่มชัด หมู่ดาวที่กำลังรื่นเริงสังสรรค์ก็ไม่รับรู้เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เจ้าชายวายุก็ได้แต่คอยขวางราหูไว้ไม่ให้กลืนกินจันทร์ได้อย่างสะดวกแค่นั้น เจ้าหญิงน้อยจะทำประการใดจึงจะช่วยผืนพิภพไว้ได้
ในที่สุดเจ้าหญิงน้อยก็ตัดสินใจ เธอรีบเร่งไปยังทางช้างเผือกที่จัดงานเลี้ยงของหมู่ดาว อย่างน้อยระยะทางจากจุดเกิดเหตุไปทางช้างเผือกก็พอจะช่วยพระจันทร์ไว้ได้ แล้วพระองค์จะรีบไปหมุนกงล้อแห่งสายลมเพื่อช่วยพระจันทร์อีกแรง คิดได้ดังนั้นเจ้าหญิงน้อยก็ไม่รอช้า รีบไปขอความช่วยเหลือจากหมู่ดาว
ลิขิตไม่อาจหนี เมื่อเจ้าหญิงน้อยเข้าไปในงานสังสรรค์ขอความช่วยเหลือจากหมู่ดาวคำสาปของนางแม่มดใจร้ายก็เป็นจริงขึ้นมาในบัดดล ร่างของเจ้าหญิงน้อยค่อยๆ สลายไปทีละน้อย เหล่าดวงดาวต่างตกใจ เพราะรู้ดีว่าเจ้าหญิงน้อยที่พวกเขา ทะนุถนอมกำลังจะเจริญเติบโตในบัดนี้ เพื่อรับกรรมตามคำสาปของแม่มด เสียงนางแม่มดหัวเราะเยาะมากับสายลมที่หมุนวนรอบร่างของเจ้าหญิงน้อย
มอนซูนเอ่ย เจ้ารู้ไหมทำไมเจ้าถึงได้ชื่อว่ามอนซูน ก็เพราะเจ้ามีเนื้อร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้า เมื่อใดก็ตามที่เจ้าถูกแสงดาวทั้งหลายอาบล้างความดีที่คลุมเจ้าเนื้อร้ายนั่นไว้ เจ้าก็จะเติบโตเป็นมอนซูนที่สมบูรณ์แบบ แสงดาวช่วยเร่งให้เจ้าออกจากรังดักแด้โดยที่เจ้าไม่รู้ตัว นางแม่มดพร่ำกับเจ้าหญิงน้อย ซึ่งบัดนั้นนางกำลังก่อกายร่างขึ้นมาใหม่ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ฝังในจิตใจ
เจ้าหญิงแห่งดวงดาวผู้กุมกงล้อแห่งสายลมเริ่มใช้อำนาจบังคับสารพัดสิ่งที่อยู่ในจักรวาลให้ปั่นป่วนเพื่อช่วยพระจันทร์ที่กำลังจะถูกกลืนกิน เมื่อเจ้าหญิงแห่งดวงดาวเติบโตขึ้นแล้วเธอก็มีอำนาจสั่งลมได้ทุกที่ เจ้าหญิงถอดร่างในวัยเด็กทิ้งในไม่ช้า ณ ตอนนี้เธอเป็นมอนซูนอย่างเต็มตัวแล้ว
เจ้าหญิงใช้ฤทธีของเธอในการขับไล่ราหูให้ไปจากพระจันทร์ ด้วยความแรงแห่งฤทธิ์เดชของเจ้าแห่งดวงดาวทำให้ผืนพิภพเกิดความปั่นป่วนกลายเป็นลมมรสุมอันบ้าคลั่งไปทุกหัวระแหง ผู้คนต่างบาดเจ็บล้มตายและได้รับภัยพิบัติกันถ้วนหน้า ทำให้ผู้คนพากันสาปแช่งลมมรสุมที่คร่าชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขา โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทำให้เกิดยุคสมัยที่แตกต่างขึ้นมา
หลังจากราหูล่าถอยจากพระจันทร์ไปแล้ว เหล่าดวงดาวและเจ้าชายวายุต่างพากันตกตะลึง ในสิ่งที่ผู้หมุนกงล้อแห่งสายลมได้ดลให้เกิดขึ้นในพริบตา เจ้าหญิงแห่งดวงดาวเองก็ได้แต่ร่ำไห้ปานสายใจจะขาด แต่พระองค์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะรักษาจักรวาลไว้ นอกจากการทำเช่นนั้น
หลังจากเหตุการณ์คราวนั้นเป็นต้นมาเหล่ามวลมนุษย์ต่างรู้จักมอนซูน หรือมรสุม ว่าเป็นลมที่แสนจะน่ากลัว ผู้คนต่างรังเกียจและสาปแช่งลมมรสุมที่พัดมาแต่ละครั้ง เจ้าหญิงเสียใจมากที่การช่วยให้จักรวาลพ้นภัยทำให้คำสาปเป็นจริงขึ้นมา ทุกวันเจ้าหญิงได้แต่เสียใจแต่ไม่อาจบอกกล่าวกับผู้ใดได้ และเจ้าหญิงยังมีหน้าที่ต้องทำต่อไป
เธอยังมีหน้าที่หมุนกงล้อแห่งสายลมซึ่งไม่อาจจะละทิ้งได้ และภารกิจในการขับไล่ราหูเธอก็ยังต้องทำ ไม่มีใครเข้าใจ นอกจากเหล่าดวงดาวและเจ้าชายวายุเพื่อนรักของเธอ เจ้าหญิงแห่งดวงดาวซึ่งผู้คนเรียกว่ามรสุม ได้แต่นั่งมองมายังโลกด้วยความเหน็บหนาวและเงียบเหงา เฝ้ารอไว้ว่าสักวันผู้คนจะเข้าใจสิ่งที่เธอทำ และให้อภัยเธอ เธอจะได้พ้นจากคำสาปอันชั่วร้ายของนางแม่มด
เธอได้เพียงแค่เฝ้ารอ วันที่มนุษยชาติจะเข้าใจธรรมชาติ ไม่โทษฟ้าโทษดิน
-----------------------------------------------
แวะมาอ่านนิทานที่เพื่อนๆลงไว้ เลยนึกอยากจะเขียนบ้าง
เก็บไอเดียคนนู้นนิดคนนี้หน่อยมาเขียน
เป็นเรื่องค้ลายๆ คำสาป พระอาทิตย์ ที่เคยลงไว้อีกเหมือนเดิม
(แบบนี้เรียกนิทานใจร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้แฮะ)
ฝากด้วยนะค่ะ
แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 50 18:31:39
จากคุณ :
sugarhut
- [
5 ส.ค. 50 18:30:42
]