อายุเฉลี่ยของประชากรโลกอยู่ที่เจ็ดสิบกว่าปี อีกไม่กี่ปี ฉันคงเดินทางไปถึงครึ่งหนึ่งของชีวิต หากฉันได้มีโอกาสมีอายุยืนยาวเท่าอายุเฉลี่ยของเพื่อนร่วมโลก เวลาเกือบสามทศวรรษที่ผ่านมาเป็นเวลาที่สั้นจนน่าใจหาย ฉันเริ่มรู้สึกขนลุก เมื่อระลึกได้ว่า อาจมีเวลาเหลืออีกเพียงสี่ทศวรรษที่จะได้ชื่นชมโลกใบนี้ หรือ.... อีกสี่ปี หรือ... อีก สี่เดือน .... เป็นคำถามที่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้
ในค่ำคืนสงบที่มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเป็นฉากหลัง ฉันนั่งนิ่ง ปล่อยให้เรื่องราวต่างๆที่เคยผ่านมาในชีวิตได้ตกผลึก และฉายผ่านฉากขาวในห้วงคำนึงอย่างช้าๆ
ภาพความสดใสไร้เดียงสาในวัยเด็ก โลดแล่นไปบนฉากนั้น
แต่เพียงไม่นานนัก ภาพตัวฉันในวัยรุ่นก็เข้าแทนที่ adrenaline พุ่งพล่านไปกับภาพแห่งความฝัน ภูเขาที่ว่าสูงใหญ่ยังเทียบไม่ได้กับegoในใจฉันตอนนั้น เพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อคเสียงดังโหวกเหวกขึ้นพร้อมกับ เรื่องราวการโดดเรียน หนีเที่ยว ความเปรี้ยวหลากหลายแบบ แต่ภาพเหล่านั้นก็ผ่านไปเร็วราวกับมีใครกดปุ่มfast forward และเพลงร็อคครึกครื้นที่ดังประกอบฉากแห่งชีวิตก็ต้องหยุดลงอย่างฉับพลัน เมื่อถึงวันที่แม่ได้ส่งเสียงสะอื้นมาตามสายโทรศัพท์บอกฉันว่า "ป๊าไปแล้วนะ" ในปีที่ฉันเข้าสู่วัยเบญจเพศ
การสูญเสียพ่อทำให้ฉันได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงในชีวิตหลายอย่าง
แต่บทเรียนข้อแรกและข้อสำคัญที่สุดที่ฉันได้เรียนรู้คือ เราไม่มีวันรู้ได้ ว่าวันใดที่จะลืมตาขึ้นมาแล้วค้นพบความจริงว่า คนที่เรารัก ได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนแล้ว ดังนั้น จงปฏิบัติต่อคนรักที่ยังอยุ่ ราวกับเป็นวันสุดท้ายที่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เพราะเมื่อถึงวันที่เขาจากไป แม้จะคิดถึงหรือโหยหาอ้อมกอด ไออุ่น หรือแววตาคู่นั้นเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะได้สัมผัสอีก แม้ในความฝัน ภาพนั้นก็ยังลางเลือน
ฉันดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังขึ้นมาก หลังจากโศกนาฏกรรมในชีวิตครั้งสำคัญ ท่วงทำนองเพลงbossa nova ถูกขับกล่อมประกอบฉากแทนที่ จังหวะชีวิตถูกบรรเลงผ่านเมโลดี้ที่ลื่นหู ความทรงจำหลังจากนั้นทอดผ่านอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับเรือลำน้อยที่ไหลไปตามสายน้ำบนCharles river
ฉันได้แต่ชื่นชมทิวทัศน์ริมฝั่งน้ำที่สวยแต่เศร้าไม่ต่างกับภาพสีน้ำที่ถูกวาดขึ้นโดยจิตรกรขี้เหงาอย่างเพลินตา จนถึงวันนี้ที่ฉันลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าได้ลอยมาไกล ไกล ไกลจากฝั่งที่เคยจากมาจนน่าตกใจ ฉันจึงได้ลุกขึ้นย้อนมองพิกัดในชีวิตอีกครั้ง
ไวน์แดงอึกสุดท้ายถูกลำเลียงผ่านลำคอ ภาพเบื้องหน้าของฉันในวันนี้ คือผู้ชายที่สี่ปีก่อนยังเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับฉัน แต่เขาก็ได้ก้าวผ่านกำแพงอิฐที่ล้อมกรอบใจฉัน นับแต่วันนั้น วันที่ฉันได้เสียน้ำตาด้วยความคิดถึงพ่อบนไหล่ของเขา แล้วพบว่าเขาก็ร้องไห้เฉกเช่นกัน เพราะเข้าใจว่าฉันรู้สึกอย่างไร
ค่ำคืนนี้ ฉันนั่งเรียบเรียงเรื่องราวอยู่ในบ้านหลังเก่า หากแต่สวยงามด้วยความทรงจำระหว่างฉันกับเขาที่แต่งแต้มอยู่ เขาคนนั้นนั่งทำงานอยู่เงียบๆอีกมุมหนึ่ง ในความสงบชวนให้เหงาของค่ำคืนที่มีเพียงเสียงจิ้งหรีดคลอเบาๆเป็นฉากหลัง ไม่มีคำพูดระหว่างเรา แต่ฉันกลับสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่พร้อมจะปกป้องฉันจากพายุหิมะที่จะพัดผ่านเข้ามาในชีวิตที่เหลืออยู่
ในวันนี้ที่เรือลำน้อยได้ลอยผ่านนาวาแห่งชีวิตมาเกือบสามสิบปี ภาพในวันนี้หากมองด้วยตา ยังจืดชืดนักเมื่อเทียบกับภาพฝันที่วาดไว้อย่างวิจิตรในวัยเยาว์ แต่หากพินิจด้วยใจถึงรายละเอียดของภาพวาดที่เรียบง่ายนี้ ฉันกลับค้นพบความสวยงามที่ซ่อนอยู่มากมาย
ปล. ทั้งหมดเป็นเพียงคำเพ้อเจ้อของหญิงวัยบ่าย ที่อาจหาญใช้เพลง "สามสิบยังแจ๋ว" เป็นริงโทน
จากคุณ :
Cafe_noir
- [
6 ส.ค. 50 22:14:06
]