บันทึกของคนเดินเท้า
รำลึกถึงแม่
เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๗ ผมได้รับหนังสือเล่มหนาปึก เรื่อง กรมรถไฟกับกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส ของ พันเอก แสง จุละจาริตต์ อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย
เป็น ส.ค.ส.จากท่านผู้เขียนเอง ในฐานะที่ผมเป็นผู้ที่เคารพนับถือท่านอย่างยิ่งคนหนึ่ง
ซึ่งผมก็ได้ใช้เป็นข้อมูลในการเขียน บันทึกของคนเดินเท้า เกี่ยวกับสงครามอินโดจีนไปหลายตอน
แต่ในคราวนี้ผมพบว่าท่านได้เขียนเรื่องราวที่เกี่ยวกับ แม่ ของท่าน ซึ่งคิดว่าน่าสนใจ จึงนำมาเสนอในวาระที่จะถึงวันแม่ พ.ศ.๒๕๕๐ ในไม่ช้านี้
ท่าน พันเอก แสง จุละจาริตต์ เกิดเมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๑ รับราชการครั้งแรกเป็นนายดาบ ตำแหน่งผู้บังคับหมวด กองพันทหารสื่อสารที่ ๑ รักษาพระองค์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๓
ต่อมาได้เลื่อนยศเป็น ร้อยเอก และโอนไปรับราชการทางกรมรถไฟ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑
ตำแหน่งสุดท้ายเป็น ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้รับพระราชทานยศเป็น พันเอก นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารช่างที่ ๑ รักษาพระองค์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐
และครบเกษียณอายุราชการเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๒ แต่ได้ต่ออายุราชการออกไปอีกสองปี จึงออกจากราชการเมื่อ ๒๕ กุมภาพันธุ์ ๒๕๑๔
ขณะเมื่อรับราชการในกรมรถไฟ ได้ไปดูงานที่ประเทศจีน ท่านได้เล่าว่า
ในระหว่างรับประทานอาหาร ก็คุยกันไปในเรื่องขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมของเมืองไทยและเมืองจีน ในตอนหนึ่งเพื่อนชาวจีนได้พูดถึงงานวันเกิดว่า
สำหรับเขา วันเกิดนี้มิใช่ภูมิใจว่าตัวเองได้เกิดขึ้นมา และขณะนี้ได้เป็นคนสำคัญของหมู่บ้าน ของท้องถิ่น ขององค์การค้า ของประเทศชาติ แต่เป็นคนจีนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง ที่กำลังคิดถึงแม่ผู้ให้กำเนิดแก่ตัวเขา
เขาพูดเรื่อย ๆ ไปในภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษากลางในการสนทนา ด้วยคำและประโยคที่ไม่ลึกซึ้งนัก ถึงความหมายของหัวใจ แต่รู้สึกทันทีว่าเขาเองกำลังพูดถึงแม่ของเขา เนื่องจากคำพูดที่ไหลออกมาช้า ๆ เนิบ ๆ นั้น มันไหลออกมาจากลูกที่คิดถึงแม่จริง ๆ และไหลออกมาโดยไม่รู้สึกตัว
เขาพูดว่า พูดถึงแม่แล้วก็ต้องนึกถึงวันเกิด อันเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะเป็นวันที่เขาปฏิสนธิมาในโลกโดยมีแม่เป็นผู้ให้กำเนิด ในวันนั้นแม่ของเขาเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย เพื่อให้กำเนิดแก่เขา ฉะนั้นในวันเกิดของเขา เขาจะนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลกินเจ ไม่เสพประเวณี ทำใจเป็นสมาธิสงบตลอดวัน ระลึกถึงแม่ แม่ และ แม่
ท่านเล่าว่า ความรู้สึกของทุกคนที่มีต่อแม่ เป็นจุดที่มีความอ่อนไหว และมีอยู่แนบแน่นในดวงกมล เพียงคำที่มาเตือนจิตในสำนึกว่า แม่ และแม่เจ็บปวดมากเท่าไร เมื่อให้กำเนิดแก่ลูก เท่านั้นก็พอแล้ว ผมขนลุกและน้ำตาซึมออกมาคลอหน่วยทันที ไม่เห็นเขาผู้ที่นั่งอยู่ ซึ่งกำลังนั่งพูดอยู่ตรงหน้า ความคิดได้ข้ามน้ำข้ามทะเล ข้ามขุนเขาและที่ราบ ป่า เรือกสวน ไร่นา ตรงไปที่บ้านแม่ ในห้องที่แม่ผมอยู่ ตรงเสื่อที่ท่านนั่ง และถึงตัวท่านที่นั่งอยู่
ท่านเล่าว่า ผมสารภาพอย่างจริงใจ เมื่อก่อน พ.ศ.๒๔๘๑ ในรอบวันเกิดของผม ผมไม่เคยนึกถึงแม่ผู้เจ็บปวดเหลือประมาณ ในการกำเนิดตัวผมเลย
เพื่อนผู้อาวุโสชาวจีนผู้นี้ให้ความคิดใหม่แก่ผม และตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๑ เป็นต้นมา ผมก็แทรกบทเรียนนั้นเข้าในรายการที่ผมจะต้องปฏิบัติในรอบวันเกิดของผมเรื่อยมา
ในวันเกิดของผม ผมตื่นแต่เช้ามืด ออกไปยืนอยู่ในที่กลางแจ้ง ท่ามกลางความเงียบของเช้าตรู่ และเริ่มคิดถึงแม่ เมื่อ ๓๐ ปีมาแล้ว เวลานี้ ชั่วโมงนี้ แม่กำลังเจ็บปวดทุรนทุราย เพื่อให้กำเนิดแก่ตัวผม (ผมเกิดเวลาเที่ยงครึ่ง)
แล้วน้ำตาแห่งความสงสารแม่ ก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
โธ่เอ๋ย...............แม่เราเจ้าประคุณ
ท่าน พันเอก แสง จุละจาริตต์ ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๐ อายุ ๘๙ ปี พระราชทานเพลิงศพ ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๐
ผู้เรียบเรียงขอฝากไว้เป็นที่ระลึก ในวาระวันแม่แห่งชาติ ๒๕๕๐
และวาระปีเกิดของท่านผู้เขียนบทความเรื่อง แม่เรา...เจ้าประคุณ ครบ ๙๙ ปี ณ โอกาสนี้.
##############
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
9 ส.ค. 50 08:37:42
]