เรื่องสั้น ความรักของหนู
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงกริ่งดังลั่นและรัวเร็วมาจากรถจักรยานขนาดกลางสีน้ำเงินเข้มที่ขณะนี้มีสภาพที่ดูแล้วเรียกว่าสมบุกสมบันพอตัว เพราะล้อกลมๆ ทั้งคู่นั้นต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินโคลนสกปรกที่แห้งติดล้อเต็มไปหมด และล้อคู่นี้เองที่กำลังทำหน้าที่หมุนวนอย่างรวดเร็วตามอารมณ์อันรุนแรงของผู้ปั่น ผู้ซึ่งระบายความไม่พอใจของตนมากับเสียงกริ่งเมื่อสักครู่นี้
เอี๊ยด ! กึก !
เสียงเบรกดังลั่นขึ้นอย่างกะทันหันเช่นเดียวกับรถจักรยานที่หยุดกึก ส่งผลให้เจ้าหนูน่ารักตัวน้อยกลิ้งลุ่นๆ อยู่หลายตลบในพื้นที่อันจำกัดของกรงตาข่ายสี่เหลี่ยมเล็กๆ มันทำหน้าตาให้ดูเจี๋ยมเจี้ยมน่าสงสาร แต่เด็กน้อยอารมณ์บูดก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
เด็กน้อยอารมณ์ร้อนคนนั้นเดินอย่างทุกลักทุเลมาที่สะพานไม้เล็กๆ ที่เชื่อมระหว่างคลองที่มีขนาดไม่กว้างนักกับป่ารกขนาดใหญ่ซึ่งไม่ทราบว่าใครคือเจ้าของ เขานั่งลงที่สะพานไม้พร้อมกับกรงหนูที่ตนนำติดตัวมาด้วย สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่เขามักจะมาพร้อมกับเพื่อนเป็นประจำเสมอ หากแต่วันนี้มีเรื่องที่ทำให้เด็กน้อยอารมณ์เสียเป็นอย่างมากจึงปั่นจักรยานมาที่นี้เพียงลำพัง ว่าแล้วเด็กชายก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
ณ เวลาบ่ายแกวันนี้
กานต์ เด็กชายตัวน้อยอายุราวเก้าขวบ ผู้มีใบหน้าและผิวพรรณที่ควรสะอาดสะอ้าน หากแต่บัดนี้ผิวพรรณที่สะอาดนั้นกลับเลอะมอมแมมอย่างที่มองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าเหตุใดเนื้อตัวจึงเป็นเช่นนี้ นั่นเพราะนัยน์ตาซุกซนแพรวพราวของเด็กชายฟ้องชัดถึงวีรกรรมที่เขาผจญมาในแต่ละวัน เด็กชายกานต์ก้าวลงจากรถของโรงเรียนคันสีเขียวเข้มด้วยท่าทีเป็นสุข ด้วยเพราะในมือของเขามีของเล่นชิ้นใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับตัวเขามากเสียจนลืมที่จะหาคำอธิบายดีๆ เพื่อแก้ตัวกับแม่ของตน ว่าทำไมวันนี้เขาจึงแต่งกายเช่นนี้
วันนี้เด็กชายกานต์แต่งตัวแปลกไปกว่าทุกวัน ด้วยเพราะแทนที่เขาจะสวมเสื้อและกางเกงนักเรียน แต่เขากลับสวมเสื้อยืดพิมพ์ลายการ์ตูนตัวโปรดสีสันสดใสกับกางเกงนักเรียนตัวเดิม สาเหตุที่เด็กชายกานต์แต่งตัวเช่นนี้เพราะช่วงนี้มีการจัดงานเทศกาลประจำปี ซึ่งมักจะจัด ณ บริเวณลานกว้างตรงข้ามโรงเรียนของเด็กชายเสมอ ซึ่งภายในงานนั้นจะเต็มไปด้วยร้านค้าของเล่น เครื่องเล่นต่างๆ มากมาย ล่อตาล่อใจให้เด็กๆ อยากเข้าไปใช้บริการเครื่องเล่นนั้น แต่การที่จะเข้าไปในเทศกาลนั้นได้ ทางโรงเรียนของกานต์ได้มีข้อห้ามไม่ให้เด็กนักเรียนไปเที่ยวในงานนั้นเพียงลำพังโดยปราศจากผู้ปกครอง
กานต์นั้นอาศัยอยู่กับมารดาเพียงลำพังสองคน แม่ของกานต์นั้นทำงานหนักทุกวัน การที่จะพาเด็กชายมาเที่ยวงานเทศกาลนี้เป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก จนเด็กชายกานต์ผู้ซุกซนต้องคิดหาแผนการเพื่อที่จะไปงานนั้นโดยไม่ให้สารวัตนักเรียนจับได้ ถ้าหากถูกจับได้เขาจะโดนจดชื่อส่งให้ครูและเรียกผู้ปกครองมาพบทันที แผนการเดียวที่เด็กชายกานต์คิดได้นั้นคือ การพรางตัวด้วยการแอบนำเสื้อใส่กระเป๋าไปเปลี่ยนในเวลาหลังเลิกเรียน เพื่อจะได้เข้าไปในงานโดยไม่ถูกจดชื่อ และสิ่งที่กานต์ได้กลับมาจากการแอบไปเที่ยวงานเทศกาลนั้นคือ หนูตัวน้อยน่ารักที่อยู่ในกรงซึ่งมีราคาหนึ่งร้อยบาทถ้วน
และหลังจากการกลับมาถึงบ้านสิ่งที่ทำให้กานต์ไม่พอใจก็เกิดขึ้น เพราะหญิงคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายเด็กชายกานต์ยืนคอยการกลับมาของเขา เพื่อซักถามถึงเรื่องที่หล่อนได้รับจากทางโรงเรียนเมื่อสักครู่นี้เอง
หวัดดีฮะแม่ เสียงใสซุกซนเอ่ยทักผู้เป็นมารดาของตน ในขณะที่มือเล็กๆ สองข้างก็ซุกเอากรงหนูซ่อนไว้ข้างหลัง
คุณแม่ยังสาวฟังคำทักของลูกชายและสังเกตท่าทีกลบเกลื่อนความผิดที่ไม่มิดของตนแล้วยิ้มที่มุมปากอย่างที่ยากจะเดาความคิดได้ กานต์เหลือบมองท่าทีของผู้เป็นแม่แล้วให้นึกตงิดใจเล็กๆ เด็กชายจึงตัดสินใจที่จะรีบเดินจ้ำอ้าวออกไปให้ไกลจากสายตาอันคบกริมและรอยยิ้มเดายากของแม่ แต่แล้ว...
จะรีบไปไหน... แม่ของกานต์เอ่ยอย่างใจเย็น ขณะที่เด็กชายกานต์ชะงักฝีเท้าแล้วหันมายิ้มเจื่อนๆ ให้ แล้วแสร้งตอบกลบเกลื่อน
ทำการบ้านฮะแม่ พูดจบกานต์รีบเร่งที่จะเดินไปให้ถึงห้องนอนสี่เหลี่ยมอันเป็นวิมานเล็กๆ ของตนให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่เขาคิดก็ไม่อาจเป็นเช่นนั้นได้
เดี๋ยวสิจ๊ะ...ลูกไม่คิดจะเล่าเรื่องที่ไปเที่ยวงานเทศกาลที่จัดอยู่แถวโรงเรียนให้แม่ฟังบ้างเลยหรือ? แม่พูดขณะที่กานต์ชะงัก ในใจคิดว่าคราวรี้ถึงคราวแย่ของตนแน่
อะ อะไรกันฮะ แม่พูดอะไร เที่ยวอะไร ผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่เคยเที่ยวที่ไหนฮะแม่ ผู้ร้ายปากแข็งเริ่มแก้ตัวชนิดที่ฟังไม่ขึ้นเลย
แล้วเจ้าหนูในกรงนั่นล่ะ จะว่าไง แม่เริ่มซัก วี่แววใจดีเสมอบนใบหน้าแม่เริ่มจางหาย
แฮมทาโร่ฮะแม่ เด็กชายกานต์ตอบซื่อๆ
ได้มาจากไหน แม่ถามต่อทันทีจนเด็กชายได้แต่อ้ำอึ้ง
เอ่อ...
เงินหนึ่งร้อยบาทไม่ใช่น้อยๆ เลยสำหรับเด็กอย่างลูก ไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นที่เด็กอายุ 9 ขวบต้องใช้เงินมากขนาดนั้น แต่กานต์ ลูกกลับนำเงินจำนวนนี้มาซื้อหนูอะไรนั่น
แม่ แม่รู้ เขาพูดเสียงแผ่ว
ใช่ แม่รู้ รู้ทุกอย่างว่าวันนี้ลูกไปทำอะไรที่เหลวไหลมาบ้าง ผู้เป็นแม่พูดในขณะที่ลูกชายคนเดียวนั่งเงียบไม่พูดจาใดๆ ทั้งสิ้นคล้ายยอมรับผิดแต่โดยดี
เอาหนูไปปล่อยซะ แม่ยื่นคำขาด ส่วนกานต์ตกใจหนักกับคำพูดของมารดาและเด็กชายจะไม่ยอมปล่อยเจ้าหนูน้อยไปง่ายๆ แน่
กานต์กอดกรงหนูของเขาไว้แน่น
ไม่ ไม่ได้ฮะแม่ แฮมทาโร่ของผม ปล่อยไม่ได้ เขาแข็งกร้าวขึ้นทันที เด็กชายพยายามที่จะปกป้องหนูน้อยซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของเขาอยู่
ลูกยังเด็ก ไม่เข้าใจถึงชีวิตความเป็นจริง ไม่เข้าใจแม้กระทั่งคุณค่าของเงิน ลูกไม่สามารถที่จะรับผิดชอบชีวิตสัตว์เลี้ยงสักตัวได้ ฝืนไปก็เป็นการทรมานสัตว์ ปล่อยมันเถอะกานต์
ไม่ ! ไม่มีทางเป็นอย่างที่แม่บอก แฮมทาโร่เป็นสัตว์เลี้ยงของผม ผมจะเลี้ยงมัน กานต์กอดกรงหนูแน่นขึ้นอีก
แม่บอกให้ปล่อย ปล่อยเดี๋ยวนี้ !
ไม่ ! ผมไม่ปล่อย เขาตอบทันควัน เถียงอย่างไม่ลดละ
กานต์ ! คนเป็นแม่ขึ้นเสียงอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ มือเรียวสวยของหล่อนฟาดลงไปที่ก้นของเด็กชายอย่างแรง แต่ทว่ากลับไม่มีเสียงร้องหรือขัดขืนใดๆ ทั้งสิ้น
แฮมทาโร่เป็นหนูของผมไม่ใช่ของแม่ แม่มีสิทธิ์จะตีผมผมไม่ว่าเลย แต่แม่ไม่มีสิทธิ์ตีหนูของผม ไม่มีสิทธิ์ที่จะไล่หนูของผม! เสียงเล็กตะโกนดังลั่น น้ำตาใสคล้ายจะไหล
กานต์ แม่ชะงักเมื่อที่ตีไปด้วยความโกรธเมื่อครู่ หล่อนเงียบนิ่งงัน ทบทวน
ชีวิตของผมเป็นของแม่ แต่หนูตัวนี้ชีวิตของมันเป็นของผม ผมจะดูแลมันให้ดี จะมีเวลาให้มัน ไม่ให้เหมือนแม่ที่ไม่เคยมีเวลาให้ผมเลย ! เด็กชายพูดจบก็ถืเอากรงหนูของตนหายไปพร้อมกับจักรยานทันที ปล่อยให้มารดานิ่งงันกับคำพูดของลูกชายตน
...แม่ไม่เคยมีเวลาให้ผมเลย !
กานต์นั่งคิดถึงเรื่องราวที่ตนนั้นทะเลาะกับมารดาอยู่นานจนเวลาล่วงเลยไปจนพลบค่ำ กว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อแสงอาทิตย์ที่เคยสาดส่องห่างหายไปเรื่อยๆ เหลือเพียงความมืดมิดใต้แสงจันทร์ สิ่งแวดล้อมรอบข้างที่ดูวังเวงและน่ากลัวนั้นทำให้เด็กชายอายุเก้าขวบเริ่มกลัวจับใจ เขาตัดสินในจะกลับบ้าน เด็กชายเหลือบมองไปที่กรงหนูข้างกาย แต่ทว่าสิ่งที่เขาพบคือ กรงที่ว่างเปล่า หนูหายไป...!
แฮมทาโร่ ! แฮมทาโร่หายไปไหน ! น้ำเสียงของกานต์มีแววตื่นตระหนก เจามองฝ่าความมืดเพื่อมองหาเจ้าหนูของเขาและเห็นเพียงหลังไวๆ ของเจ้าหนูตัวน้อยเท่านั้น มันกำลังจะลอดรั้วเข้าไปในเขตป่าฝั่งโน้น...
ไม่นะ ! แฮมทาโร่ อย่าไปกลับมา กลับมา ! กานต์ตะโกนก้อง เสียงของเขาเป็นเหมือนแรงกระตุ้นที่ทำให้เจ้าหนูตกใจ มันวิ่งหนีหายไปในชั้นแคบๆ อย่างรวดเร็วและกานต์ตัดสินใจตามไปโดยไม่รีรอ
...ขณะสิ่งมีชีวิตเล็กๆ สองชีวิตกำลังผจญภัยอยู่ในป่าอันกว้างใหญ่ !
หลังจากที่กานต์ได้มุดรั้วตามเจ้าหนูตัวน้อยเข้ามาในป่ากว้างแล้ว ตอนนี้เด็กชายกานต์แทบมองไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้นับสิบรับร้อยที่มีขนาดสูงใหญ่ อีกทั้งยังมีหญ้าอันแหลมคมที่สูงเกือบจะเท่าตัวของเขา กานต์สำรวจไปเรื่อยๆ อย่างหวาดกลัว
เขาอาศัยแสงจันทร์ส่องนำทางดุจไฟฉายกระบอกใหญ่แต่ยิ่งเดินมากเท่าไหร่รอยแผลที่ได้จากการบาดของหญ้าและกิ่งไม้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เดินได้สักพักกานต์ก็ได้ยินเสียงเล็กของเจ้าหนูแฮมทาโร่ร้อง เขาตื่นเต้นดีใจรีบวิ่งไปที่ต้นเสียง
ดูเหมือนว่าเจ้าหนูยังคงตกใจอยู่มาก เมื่อได้ยินเสียงของเขาหนูน้อยก็รีบวิ่งหนีออกไปให้ห่าง คล้ายิ่งห้ามยิ่งตาม มันยิ่งจะหนีออกไปห่างใกล้สักที ทำไมมันไม่เข้าใจถึงความเป็นห่วงของเขาบ้าง เด็กชายคิดในใจ พลางวิ่งตามเจ้าหนูอีกครั้ง
เขาจะต้องจับเจ้าหนูแฮมทาโร่มาให้ได้
แต่คราวนี้เขารู้แล้ว เขาไม่ควรจะจับมันขังใส่กรงอีก...
จากคุณ :
พลอยฉัตร
- [
วันแม่แห่งชาติ 16:27:47
]