Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    " หินสักลาย ".....แสงเดือน ( บทที่ 12)

    บทที่ 12

                 ขณะขับรถลิลลี่นึกสังหรณ์ใจบางอย่าง...คืนนั้นเมื่อเดือนกว่าๆที่ผ่านมา หลังจากได้รู้ข่าวว่าหินขับรถชนต้นไม้ ลิลลี่รีบไปนครสวรรค์ทันที เมื่อเธอไปถึงพบหินนอนอยู่คนเดียว ไข้ขึ้นสูงเพราะแผลเก่าที่ถูกแทงอักเสบติดเชื้อฉับพลัน เธอจึงขออนุญาตทางโรงพยาบาลนำตัวหินไปรักษาที่กรุงเทพฯ โรงพยาบาลยินยอมเพราะเห็นว่าลิลลี่เคยเป็นเจ้าของไข้เมื่อหินป่วยคราวที่แล้ว อีกอย่างเป็นการดีสำหรับตัวคนไข้เองด้วยเพราะอาการที่เกิดขึ้นรุนแรงและรวดเร็วมากควรจะได้รับการรักษาด้วยเครื่องมือและวิชาการที่ทันสมัย...ลิลลี่ลืมนึกถึงความรู้สึกของศักดิ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อพบว่าหินหายตัวไป อาการที่หนักมากของหินทำให้ลิลลี่ไม่ได้คิดในข้อนี้ หลังจากพาหินมอบสู่มือหมอผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้วลิลลี่พยายามติดต่อศักดิ์ทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นจึงติดต่อได้แต่ก็ไม่ได้ใจความอะไรเพราะสัญญาณขาดหายไปดื้อๆจนทุกวันนี้...

    “คุณลิลลี่ครับ ขอผมไปนั่งเบาะหลังได้ไหมผมง่วงนอนครับ”

    ลิลลี่เลี้ยวรถเข้าปั้มข้างทาง เปลี่ยนให้คนรับใช้นั่งด้านหน้าแล้วให้หินไปนอนเบาะหลัง  หินนอนรักษาตัวอยู่นานจนร่างกายเคยชิน เดี๋ยวนี้พอนั่งนานหน่อยจะรู้สึกเวียนหัวต้องลงนอน คุณหมอบอกว่าอาการนี้จะค่อยๆหายเป็นปกติเอง

    รถวิ่งนิ่มชวนให้นอนหลับสบาย...หินนอนอมยิ้มนึกถึงครั้งหนึ่งนานมาแล้วเมื่อเขาไปแสมสารกับศักดิ์ เขาแผลงฤทธิ์อ้วกใส่รถจนศักดิ์หัวเสีย หินยังจำภาพคนหัวยุ่งตัวโตคนนั้นได้ดี...หินนึกถึงรอยบุ๋มบนริมฝีปากที่เต็มไปด้วยคราบเลือด...นึกถึงอาการเก็กกลบเกลื่อนความเขินอายเมื่อเดินเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำ...และเมื่อครั้งนั่งตากฝนเบียดกันบนขั้นบันไดที่บ้านพักริมทะเล...

    หินหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้...เขาฝัน...ฝันว่าเขาเป็นเด็กน้อยที่คอยงอแงกับพ่อ ออดอ้อนและดื้อดึงในบางครั้ง เรื่องที่ฝันติดพันกันเหมือนเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง...พ่อที่คอยปกป้องและรักลูกเหลือเกินคนนั้นเหมือนศักดิ์มาก ในฝันหินมีความสุขที่ได้กอดพ่อศักดิ์ รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ หินอยากเป็นเด็กคนนั้นจะได้อยู่กับพ่อศักดิ์ตลอดเวลาให้พ่อศักดิ์ได้กอดนอนทุกค่ำคืน...

    หินตื่นจากฝันเพราะรู้สึกเหมือนมีคนนั่งอยู่ข้างๆ เขาลืมตาขึ้นมาพบศักดิ์นั่งยิ้มอยู่  ศักดิ์รั้งหินขึ้นนั่งแล้วเลยปล่อยแขนให้ประคองหินไว้อย่างนั้น หินไม่รู้จะขยับตัวหนีหรือปล่อยเลยตามเลย พอดีแว่วได้ยินเสียงคุณลิลลี่...

    “หิน หินตื่นได้แล้วเราใกล้จะถึงบ้านแล้วนะ” ที่แท้หินยังคงฝันอยู่นั่นเอง

    “ครับผมตื่นแล้ว นอนไปนานฝันสนุกเชียวครับ” หินอารมณ์ดี...

    ก่อนจะถึงบ้านต้องผ่านโรงเรียน เด็กนักเรียนกำลังเลิกเรียนต่างกรูกันออกมาที่ถนนบางคนโบกมือให้รถที่วิ่งผ่าน  ถัดจากโรงเรียนเป็นวัดที่กำลังมีงานอะไรสักอย่างผู้คนเดินขวักไขว่...ที่จริงวิถีชีวิตของคนชนบทก็มีชีวิตชีวาและมีความสุขที่เรียบง่ายดีเหมือนกัน...ลิลลี่ฮัมเพลงเบาๆ....


    ลิลลี่เลี้ยวรถเข้าบ้าน วันนี้อากาศเย็นกว่าปกติลมพัดใบไม้ร่วงพรูลงบนถนน ไม่มีใครอยู่บ้านบรรยากาศเงียบวังเวง

    “ป้ายวน ป้ายวนจ๊ะฉันมาจ้ะ” ลิลลี่หยุดรถตะโกนเข้าไปในบ้านท้ายสวน

    “ป้ายวน ป้ายวนนี่ฉันเอง”

    “ยายครับ ยายครับหินกลับมาแล้ว” หินลงจากรถเดินเข้าไปในสวน...กลิ่นดอกไม้ป่าเริ่มขจายกลิ่นเพราะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว... อยู่ๆหินรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา...ลมเย็นวูบปะทะตัวหินและหมุนวนอยู่รอบๆตัวเขาพร้อมกลิ่นหอมแรงของดอกราตรี...

    “ยายครับพ่อศักดิ์ครับหินกลับมาแล้ว หินจะไม่หนีไปไหนแล้วครับ หินจะอยู่ที่นี่กับพ่อศักดิ์ตลอดไปครับผมสัญญา” ความเงียบวังเวงและความรักความคิดถึงที่หินปิดกั้นตัวเองไว้ตลอดมาผลักดันให้หินตะโกนออกไปอย่างนั้น

    สิ้นเสียงของหินมีร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่บนระเบียงบ้าน

    “พ่อศักดิ์ครับพ่อศักดิ์ หินกลับมาหาพ่อศักดิ์แล้ว” หินกระโดดด้วยความดีใจวิ่งไปที่บันไดบ้าน

    “อ้าว! ไม่ใช่พ่อศักดิ์หรอกหรือครับ” หินชะงักยืนค้างอยู่โคนบันได

    “ผมมาเฝ้าบ้านให้แม่ยวน เค้าอยู่ที่วัดกันหมดคุณรีบไปนะเดี๋ยวจะไม่ทัน”แล้วชายคนนั้นก็เข้าเรือนไปปล่อยให้หินยืนงง

    หินเดินกลับออกมาจากสวน เห็นลิลลี่ยืนคุยกับคนแปลกหน้าที่ยังคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซด์

    “ไปที่วัดกันเถอะหิน ที่วัดเขาจำรถเราได้จึงขับรถมาบอกให้รีบไปหาพวกเขา”

    “แปลกจริงครับคนที่เฝ้าบ้านยายก็บอกให้ผมรีบไป” หินพูดพึมพำแล้วรีบขึ้นรถซึ่งลิลลี่ก็รู้สึกแปลกใจพอๆกัน


    เมื่อมาถึงวัดมีเสียงเพลงไทยเดิมดังอยู่แผ่วๆ เข้าไปใกล้จึงรู้ว่ากำลังมีงานศพใครสักคน ทั้งลิลลี่และหินรู้สึกเสียววาบสันหลัง จะเป็นใครล่ะที่ลิลลี่และหินรู้จักที่นี่นอกจากป้ายวนและศักดิ์...ขออย่าให้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนทั้งสองเลย...

    คนกลุ่มหนึ่งกำลังชุมนุมทำพิธีเผาศพอยู่ด้านหลังวัด  ลิลลี่และหินเดินไปที่คนเหล่านั้นด้วยใจหวาดหวั่น ชายคนหนึ่งหันมาเห็นจึงพยักหน้าให้เดินไปหา

    หินงงงันเหมือนถูกมนต์สะกด...เขาเดินตัวแข็งทื่อไปที่กองฟืนเบื้องหน้า ท่อนไม้ถูกวางเรียงสลับกันเป็นคอก บนนั้นมีโลงไม้วางอยู่ ข้างๆสุมไว้ด้วยไม้ฟืนและทับอีกทีด้วยยางรถยนต์ มีแท่นไม้ด้านหน้าเป็นที่วางดอกไม้จันทน์...ชายคนหนึ่งราดน้ำมันเบ็นซินบนฝาโลงและราดไปทั่วๆกองฟืน...อีกคนหนึ่งกำลังยื่นคบเพลิงให้หญิงคนหนึ่งเป็นผู้จุด...หญิงคนนั้นคือป้ายวน!...แล้วร่างที่นอนอยู่บนกองฟืนนั้นจะเป็นใครไปได้เล่า!!!...

    “เดี๋ยวครับ!” หินตะโกนออกไปอย่างไม่รู้ตัว เขารีบเดินไปกอดยายยวนพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา

    “หิน!พ่อศักดิ์ตายแล้ว หินหายไปไหนมา พ่อศักดิ์เขากระวนกระวายถึงหินจนสิ้นใจรู้ไหม” ยายยวนร้องไห้พร้อมกับกอดหินแน่น

    “ขอหินดูพ่อศักดิ์หน่อยได้ไหมครับ ขอดูหน้าพ่อศักดิ์เป็นครั้งสุดท้ายนะยาย” หินจูงมือยายยวนไปที่กองฟืน

    “อย่าดูเลยศักดิ์ตายมาเดือนกว่าแล้วศพคงไม่น่าดูเท่าไหร่ หินจะจำติดตาไปเปล่าๆ หินนึกถึงหน้าพ่อศักดิ์เมื่อครั้งอยู่กับหินดีกว่านะ”

    “งั้นขอหินไหว้พ่อศักดิ์เป็นครั้งสุดท้ายครับ” หินเดินไปที่แท่นวางดอกไม้จันท์แล้วคุกเข่าลงพูดเบาๆกระท่อนกระแทนสลับกับเสียงสะอื้น

    “ศักดิ์ครับ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ผมมาวันนี้เพื่อจะมาอยู่กับศักดิ์แต่คุณกลับหนีผมไป...ผมไม่รู้จะทำอะไรได้นอกจากขอให้ศักดิ์อโหสิกรรมกับผมในบางสิ่งที่ผมอาจล่วงเกินคุณ...ศักดิ์ครับผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมรักคุณไม่น้อยไปกว่าที่คุณรักผมเลย...แต่อายุผมยังน้อยเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ และนึกไม่ถึงว่าเวลาของศักดิ์จะมีเพียงแค่นี้...ถ้ารู้...ผมคงยอมตามใจเราทั้งสองคน...ดูสิ...ศักดิ์มอบทุกๆสิ่งให้กับผมแม้แต่ชีวิตของศักดิ์เอง แล้วผมล่ะ...ดอกไม้จันท์สักอันยังไม่มีให้ศักดิ์เลย...คงมีแต่ความรักและความคิดถึงของผมที่ขอมอบให้ศักดิ์ตลอดไป...ชั่วชีวิตของผม...ผมสัญญา”

    “ศักดิ์จ๊ะ...ไม่รู้ว่าการที่ฉันพาหินไปรักษาตัวอย่างกะทันหันเพื่อช่วยชีวิตของเขานั้นจะเป็นการทำร้ายทำลายชีวิตของศักดิ์หรือไม่ ถ้าใช่ฉันขอโทษและขออโหสิกรรมให้ฉันด้วย” ลิลลี่เข้ามายืนขอขมาศักดิ์ข้างๆหิน

    “ลุกขึ้นเถอะหินเราจะได้เผาร่างของศักดิ์กัน” ลิลลี่ฉุดหินขึ้นจากท่าคุกเข่า

    “ขอผมเป็นคนจุดไฟเผาพ่อศักดิ์นะครับ” หินยังคงร่ำไห้

    “จะดีหรือ” ยายยวนลังเล

    “นะครับ ขอผมทำอะไรให้พ่อศักดิ์บ้างเถอะครับ เพราะมันคงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” หินเอื้อมมือไปหยิบคบเพลิงจากมือยายแล้วจ่อไปที่กองฟืน...ใครคนหนึ่งกระชากหินออกมาจากกองฟืนที่ลุกโชนขึ้นฉับพลัน

    “ใครเขาทำกันอย่างนี้ แค่โยนคบลงไปบนโลงก็พอ จะเผาตัวเองหรือไงคุณ” เด็กวัดนั่นเองที่กระชากหินออกมา

    “พวกคุณไปรอที่ศาลาดีกว่าครับตรงนี้อันตราย” เด็กคนเดิมผลักหินออกจากรัศมีเปลวเพลิง รุนหลังให้ออกไปห่างๆจากกองเพลิง

    “อย่างเขาว่า พวกเราไปนั่งคอยที่ศาลาดีกว่า” ยายยวนเดินนำลิลลี่และหินออกจากบริเวณที่เผาศพ

    “เรื่องเป็นอย่างไรหรือป้าช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อย” เมื่อนั่งพักกันเรียบร้อยแล้วลิลลี่จึงซักไซ้ความจริง

    “คืนนั้นศักดิ์มาส่งฉันแล้วกลับไปเฝ้าหินที่โรงพยาบาล พอเขากลับไปถึงโรงพยาบาลพบว่าหินหายตัวไปเขาก็คลุ้มคลั่งจนหมอต้องฉีดยากล่อมประสาทให้เขาหลับ  วันรุ่งขึ้นฉันเอาโทรศัพท์ของคุณไปให้เขาเห็นเขานอนเป็นคนไข้แทนที่หิน ฉันเองตกใจไม่น้อยที่หินหายตัวไป แต่ศักดิ์นั้นทั้งตกใจ กังวลใจ และเสียใจมาก มากเสียจนช็อคแล้วช็อคอีก ตอนที่คุณโทรไปนั้นประสาทของเขากำลังถึงขีดสุดท้าย เขาพร่ำถึงหินวิตกถึงหินจนช็อคเกร็งหมดสติไป หมดลมหายใจทั้งๆยังกังวลถึงลูกหินของเขา...น่าสงสารมัน” ป้ายวนเล่าทั้งน้ำตา

    “นึกไม่ถึงว่าศักดิ์จะผูกพันกับหินมากขนาดนี้ ถ้าจะว่าเป็นความผิดของฉันในกรณีของศักดิ์ก็คงจริงเพราะฉันเป็นคนพาหินไปเอง แต่ถ้าจะมองในแง่ของหิน ถ้าฉันไม่พาหินเข้ากรุงเทพฯในคืนนั้นหินก็อาจตายได้เหมือนกัน ชีวิตหนึ่งเพื่อชีวิตหนึ่งฉันขออโหสิกรรมอีกครั้งนะศักดิ์”

    “หลังจากวันนั้นฉันไม่รู้จะติดต่อกับคุณได้อย่างไรเพราะศักดิ์ทำโทรศัพท์หล่นแตก ก็ได้แต่รอมาเดือนกว่านี่จึงตัดสินใจเผาเขา โชคดีที่วันนี้คุณมาพอดี ไม่งั้นพ่อลูกคงไม่มีโอกาสร่ำลากัน...”

                               หินนั่งฟังยายกับลิลลี่คุยกันตามองไปที่กองฟืนที่กำลังลุกโชน...เมื่อคอกไม้ติดไฟทั่วก็ทานรับน้ำหนักโลงไว้ไม่ไหว โลงยุบลงไปในกองเพลิง ชาวบ้านที่มาช่วยงานช่วยกันเขี่ยท่อนฟืนให้ลุกสม่ำเสมอ หินเห็นท่อนแขนของศักดิ์โผล่ขึ้นมากลางเปลวไฟ เขายกมือขึ้นไหว้ศักดิ์อีกครั้งแล้วร้องไห้ ใครคนหนึ่งใช้ไม้ปัดแขนนั้นให้ล้มลงและกดร่างที่กำลังจะกระดกขึ้น...หินปล่อยโฮออกมาแล้วหันไปกอดยายยวน

    “หินสงสารศักดิ์ สงสารพ่อศักดิ์ครับ...ฮือ ฮือ...” หินสะอึกสะอื้น

    “พ่อเขาไปดีแล้ว หินอย่าร้องไห้ พ่อเขาจะเป็นทุกข์ เชื่อยายนะ” ยายยวนลูบหัวและตบหลังปลอบใจหิน

    จากคุณ : ดาเรน - [ 14 ส.ค. 50 18:46:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom