ขนมเค้ก
กาแฟ และ สองเรา(อีกหน)
ไม่มากครั้งนักจะได้เลี้ยงขนมเค้กใครสักคน ไม่ได้ขี้เหนียวและไม่ได้ขาดแคลน แต่ไม่ชอบกินเค้ก ยิ่งนั่งดูคนกินเค้กจะนึกในใจเสมอว่ากินเข้าไปได้อย่างไร
ความสุขทางใจที่ได้รับเข้าไปทางปาก เพื่อนร่วมโต๊ะที่กำลังฟาดฟันกับเค้กเนยชิ้นที่สองว่าอย่างนั้น ราวกับมองเห็นความคิดของผมผ่านแววตา
พฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิดของใครสักคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตจนแทบกลายเป็นส่วนใหญ่ เราล้วนล่วงรู้กันดีโดยมต้องอาศัย ไม่ใช่หรือ
แต่ทั้งรู้ ว่าเธอชอบกินขนมเค้ก ผมก็ไม่เคยพาเธอไปกินเค้กหรือติดไม้ติดมือไปฝากสักชิ้น บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้เราคงไว้เพียงสถานะแฟนเก่าที่มีดีกรีบ่มไว้สองปี
เราต่างคนต่างเข้าใจและไม่ได้โกรธเคือง เป็นเพียงเรื่องของคนที่ไม่ใช่และไม่อาจลากจูงให้ไปถึงฝั่งฝัน เสียสถานะคนรักแต่อย่าเสียสถานะเพื่อนสนิท เราสองคนเคยหยอกกันเล่นแบบนั้น จนวันหนึ่งมันกลายเป็นหลักการดำเนินชีวิตคู่ของเราสองคน
ชีวิตคู่มิใช่เพียงคู่รัก คู่ชีวิต หรือคู่สมรส หากมองเพียงแค่นั้นออกจะคับแคบไปสักนิด ควรผนวกความสัมพันธ์ของคนสองคนในรูปแบบอื่นเข้าไปด้วย
เลขสองเป็นเลขที่ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์ที่แสดงว่าจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่ควรจำกัดไว้ใช้กับความรักเพียงสถานเดียว
เลขสองเป็นเลขที่ยิ่งใหญ่ เธอกำลังจัดการเค้กชิ้นที่สอง ผมหวังว่าเธอจะพอแค่นี้ หยุดปากสักพักแล้วคุยกับผมก่อนคงไม่ใช่เรื่องหนักหนา ส่วนจะต้องการชิ้นทีสามตามมาค่อยว่ากันอีกที
ผมแปลกใจที่จู่เธอโทรมาขอให้ผมเลี้ยงเค้ก แน่ล่ะว่า ผมปฏิเสธทันควัน ขอร้องให้ไปกินอย่างอื่นแทน บอกว่าจะเลี้ยงไม่อั้น แต่เธอยืนกรานขอให้เลี้ยงเค้กเท่านั้น อย่างอื่นไม่ยินยอม
คนเราผูกพันกับบางสิ่งจนเป็นแบบแผนในการดำเนินชีวิตที่ตนเอง ไม่เคยสังเกตว่าบางครั้งเราก็เสพติดสิ่งที่รักชอบจนถอนตัวไม่ขึ้น ขาดไปสักวันจะกระวนกระวาย ขาดไปหลายวันเริ่มมีอาการลงแดง นักเขียนหนังสือประเภท How to คนหนึ่ง เคยเขียนไว้ว่า ยิ่งเราเสพติดหรือยึกเกาะสิ่งใดมากเกินไปเราจะทำให้สิ่งนั้นพังพินาศและตนเองมีเภทภัยในทางใดทางหนึ่ง ในกรณีของเธอ ผมคิดว่าคงตรวจสอบได้จากเส้นรอบวง บางส่วนของเธอดูจ้ำม่ำเกินที่บันทึกไว้ในความทรงจำของผมมากนัก
เมื่อไหร่จะเลิกกินกาแฟ เธอหยุดปากหลังจากเช็ดคราบเนยบนช้อนส้อมด้วยลิ้น แล้วถามผม ด้วยคำถามที่คุ้นเคยและได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะในฐานะคนรักหรือในฐานะเพื่อน
ไม่รู้สิ .. ผมตอบแบบนั้น ถึงเวลาที่ต้องหยุดเสพสิ่งที่รักก็คงต้องหยุด เพียงแต่เวลานั้นยังมาไม่ถึง ผมเคยคิดว่าที่เราจบกันเพราะผมไม่ยอมเลิกกินกาแฟ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพ่อของเธอกินกาแฟจนความดันโลหิตสูง
น่าสนุกที่คนเราแสดงความรักต่อคนที่เรารัก ด้วยการให้ใครคนนั้นเลิกในสิ่งที่รักเป็นชีวิตจิตใจ
ทำไมถึงโทรมาขอให้เลี้ยงขนมเค้ก ? ผมถามกลับ
เธอตอบเพียงว่าอยากกินเค้กกับผมสักครั้ง แล้วก็เล่าย้อนถึงครั้งที่ผมจูงมือเธอเดินผ่านร้านเบเกอรี่ ตบท้ายด้วยคำถามว่า
ทำไมเธอไม่ยอมเลี้ยงเค้กฉันเลย ?
ไม่ชอบกินเค้ก ผมตอบอย่างรวบรัด
น่าแปลกคนเรามักคิดว่าคนรักจะไม่ชอบในสิ่งที่เราไม่ชอบ และไม่ต้องการเห็นเขาพัวพันกับสิ่งนั้น
อีกอย่าง กลัวว่าจะเป็นเบาหวาน ผมเสริมอีกนิด
ฉันเพิ่งยี่สิบสาม ไม่ต้องกังวลหรอก
แต่น้ำหนักห้าสิบห้า
เกินไป แค่ห้าสิบสองเอง
การแซวน้ำหนักของผู้หญิงเป็นเรื่องต้องห้ามพอๆกับขื่อคานของบ้านเรือน กรณีของคนใกล้ชิดไม่ต้องคิดถึงเรื่องแบบนั้นมากนัก แค่คุยในภาษาที่เป็นเรา ผมรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนปากเสียตามธรรมชาติ สามารถจับสาระทุกประเภทพลิกแพลงเป็นถ้อยความเชิงเชือดเฉือนความรู้สึก
ผมเคยคิดอีกนั่นแหละว่า เธอจบกับผมเพราะฝีปาก
แฟนเธอเป็นไงบ้างล่ะ สบายดีไหม ? ..
อดีตคนรักถามถึงคนรักในปัจจุบัน อย่าไปตีความคำถาม ถามแค่นั้นและจบลงแค่นั้น ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง อย่าคิดว่าเป็นคำถามหยั่งเชิงเพื่อขอรื้อฟื้นความสัมพันธ์เพราะจะเสียความรู้สึกหากไม่เป็นไปตามนั้น ยิ่งอดีตคนรักที่เป็นเพื่อนสนิท บางทีก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง
ก็ดี ผมตอบสั้นๆตามประสาคนพูดน้อยเพราะถ้าพูดมากอาจทำให้ปากแตก สมัยก่อนผมเคยถูกเธอตบบ่อยๆ แค่หัวไหล่ไม่ใช่ใบหน้าอย่าคิดมาก
ทำไมวันนี้ยอมเลี้ยงเค้กฉันล่ะ ? ดูสิ เมฆครึ้มมาแต่ไกล
เพราะรู้ว่าคุณจะเป็นคนจ่ายค่ากาแฟน่ะสิ
นี่ถามจริงๆนะ อย่าทำเป็นเล่นสิ
กลัวเธอจะมีปมด้อย แล้วกลายเป็นบาดแผลฝังใจใต้จิตสำนึก แล้วกลายเป็นโจรปล้นร้านเบเกอรี่
สมควรแล้วทีเราเลิกกัน พูดจบ เธอก็ถอนหายใจ เป็นเสียงถอนลมหายใจที่เครียดที่สุดเท่าที่เคยได้ยิน
ผมหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมานับเงินแล้วบอกเธอว่า
สั่งเพิ่มก็ได้นะ ผมเลี้ยงเต็มที่
พอแล้ว ฉันอิ่ม เธอตอบสั้นห้วน สีหน้าท่าทีหงุดหงิดในอารมณ์ คล้ายรำคาญคู่สนทนาที่เป็นเจ้ามือขนมมื้อนี้ เธอจะสั่งกาแฟเพิ่มก็ได้นะ ฉันเลี้ยงค่ากาแฟเอง
ผมโบกมือเรียกพนักงาน สั่งคาปูชิโน่ร้อนและขอชาเขียวไว้ล้างปากหนึ่งถ้วย
นี่ฉันพูดเล่นนะ เอาจริงเหรอ
ผมเพียงไม่เคยขัดใจใคร ดังนั้นตอนเธอขอเลิกกันจึงไม่มีการใช้ความรุนแรงเพื่อฉุดยื้อ นอกจากใช้แรงใจเพื่ออดทนในวันที่ใครบางคนไม่อยู่และถึงอยู่ก็ไม่เหมือนเดิม ใช่ เธออ้วนขึ้น
ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมจ่ายเองก็แล้วกัน
เอาน่า ฉันล้อเล่น เธอก็รู้ว่าฉันก็ทีเล่นทีจริงไม่แพ้กันหรอก ถามอีกทีนะ ทำไมเธอถึงยอมเลี้ยงเค้กฉัน
ผมเอามือประสานกันวางบนโต๊ะ โน้มตัวมาข้างหน้า รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
ผมคิดถึงวันเวลาเก่าๆของเรา ..
วันเวลาเก่าของอดีตคนรักของเธอ ไม่มีเวลาไหนได้กินเค้กกับคนรัก ..
ผมรู้ว่าเราไม่มี และผมก็เอาแต่กินกาแฟ พอคิดถึงช่วงที่เราอยู่ด้วยกันแล้วมันอบอุ่น และเวลาที่เราพบกันทุกครั้ง ผมก็ไม่อยากให้มันหมดไปเลย ผมเพียงอยากเราอยู่ด้วยกันนานขึ้น ถ้าขนมเค้กทำให้ผมได้อยู่กับคุณนานขึ้นอีก คุณจะกินกี่ชิ้นก็ได้ มันฟังดูตลกแต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
ฉันเอง ก็เหมือนกัน ดังนั้นฉันถึงไม่เคยห้ามคุณกินกาแฟจริงๆจังเสียที ..อีกอย่างพ่อฉันเพิ่งเผาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ถึงกาแฟจะไม่ใช่สาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง แต่เธอลดปริมาณลงบ้างก็ดีนะ ฉันขอร้อง
ในฐานะไหน เพื่อนสนิท หรือ คนรัก .. ผมถาม
หลังจากเป็นคนรักเก่า เราพบกันแบบเพื่อน หลายครั้งในชีวิตคนเรา ความรักมักก่อตัวมาจากความเป็นเพื่อนมิใช่หรือ
เราต่างคนต่างมีแฟนแล้ว ดังนั้น คงต้องบอกว่า ฐานะคนเคยรัก...ใช่ ... ยังรักอยู่ ถ้าในช่วงสองปีที่เราคบกันเรามีช่วงเวลาดีแบบวันนี้ คุณกินกาแฟ ฉันกินเค้ก บางทีเราอาจไม่ต้องเลิกกันก็ได้
หมายความว่า เราเลิกกันเพราะเรื่องกิน มันฟังแล้วไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไหร่ ..
ไม่ใช่หรอก เราเพียงไม่มีเวลาดีๆด้วยกันจริงๆเสียที เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน รักมักจะมีความสุขอยู่แค่คนเดียว ในขณะที่อีกคนทำได้แค่เฝ้ามองโดยไม่ขัดขืน ฉันรู้ว่าเรื่องของเรามันดูดีในสายตาของใครหลายๆคน แต่ความรักที่มีความสุขอยู่ฝ่ายเดียว มันไปไม่รอดหรอก
แต่...คุณน่าจะบอกผม ผมปรับปรุงตัวได้
สองปีกว่า คุณน่าจะรู้จักฉันดีแล้วนะ หรือไม่ก็น่าจะสังเกตท่าทางฉันออกบ้าง
พฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิดของใครสักคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตจนแทบกลายเป็นส่วนใหญ่ เราล้วนล่วงรู้กันดีโดยมต้องอาศัย ไม่ใช่หรือ จู่ๆผมก็คิดแบบนั้นอีก และยอมจำนนต่อเหตุผลของเธอ
เรายังรักกันใช่ไหม ? ผมถาม
ในทางความรู้สึกนั้น ใช่แน่นอน
เธอตอบผมเท่านั้น แล้วสั่งเค้กชิ้นที่สาม ผมจิบกาแฟถ้วยที่สอง ระหว่าเราปราศจากคำพูดใดๆอีก มีเพียงสบตาแล้วยิ้มให้กันในบางครั้ง เธออ่านนิตยสารและกินเค้ก ผมจิบกาแฟพลางมองดูผู้คนผ่านไปมา มีบางช่วงขณะที่ผมรู้สึกว่าในความทรงจำของเราไม่เคยมีบรรยากาศเช่นนี้เลย
เราเคยเป็นเลขสอง แต่ตอนนั้นเราเป็นสองที่เพียงเอาขีดสองขีดมาวางคู่กันแบบตัวเลขโรมัน ตอนนี้เราเป็นเลขสองที่ใช้สัญลักษณ์เลขอารบิก
เพราะถึงจะบอกว่าเป็นสอง แต่ตัวเลขสองแบบอารบิกก็มีเพียงตัวเดียวเท่านั้น
จากคุณ :
กาแฟสอง
- [
24 ส.ค. 50 02:32:00
]