ความคิดเห็นที่ 21
หลังจากหายหัวไปอีกพักใหญ่ๆ พุทราก็กลับมาค่ะ ... แฮะ..แฮะ...แอบลืมไปชั่วขณะ..ขอโทษนะคะบัดดี้และเทคเกอร์ของพุทรา ^ ^
วันนี้มีของมาฝาก บัดดี้ เทคเกอร์ คนส่งสาร และ คนที่ร่วมเล่นเกมส์นี้ทุกคนเลยนะคะ ^ ^
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
พระราชบัญญัติเงินตรา 2550 ระวัง! พฤติกรรมปล้นเงินคลังหลวง
รัฐบาลชุดนี้กำลังเตรียมนำเสนอ พ.ร.บ.เงินตรา เข้าพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติในวันที่ 12 กันยายน 2550 เป็นเรื่องที่คนไทยควรติดตามเป็นพิเศษ เพราะพ.ร.บ.ฉบับนี้จะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถเข้าไปแตะต้อง “คลังหลวง” ที่หลวงตามหาบัวและลูกศิษย์เคยต่อต้านคัดค้านมาแล้ว เช่น มาตรา 16 ให้อำนาจ ธปท.โอนสินทรัพย์จากบัญชีสำรองพิเศษไปเป็นสินทรัพย์ในบัญชีทุนสำรองเงินตรา และมาตรา 17 ให้ ธปท.มีอำนาจบริหารจัดการสินทรัพย์ในบัญชีสำรองเงินตรา บัญชีผลประโยชน์ประจำปี รวมทั้งบัญชีสำรองพิเศษเพื่อนำไปหาผลประโยชน์ได้
ธนาคารแห่งประเทศไทยมีหน้าที่และอำนาจตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2486 และ พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.2501 ทำหน้าที่เกี่ยวกับการดูแลเงินไหลเข้า-ออก(Cash in-out flow) จากประเทศ ดูแลอัตราแลกเปลี่ยน บริหารจัดการเรื่องเงินทุนสำรอง หรือการกำกับดูแลสถานะทางการเงินของประเทศให้เหมาะสม น่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ
สินทรัพย์หรือเงินในบัญชีที่ ธปท.ต้องจัดการควบคุมอยู่ 2 ส่วนคือ ฝ่ายการธนาคาร ทำการบริหารจัดการด้านการเงิน มีรายได้จากกำไรจากการซื้อขายเงินตรา(แทรกแซงค่าเงิน)และค่าธรรมเนียมต่างๆ และฝ่ายออกบัตรธนาคารบริหารจัดการด้านการเงินและสินทรัพย์เพื่อวัตถุประสงค์การพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้จ่ายในระบบการเงิน ปัจจุบันมีด้วยกัน 3 บัญชีคือ บัญชีทุนสำรองเงินตราจะต้องรักษาไว้ให้มีจำนวนเท่ากับเงินที่ต้องจัดพิมพ์ตามข้อกำหนดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ บัญชีที่สองคือบัญชีจากดอกผลของผลประโยชน์ที่เกิดจากกองทรัพย์สินใน “คลังหลวง”ซึ่งนำไปใช้จ่ายเพื่อการพิมพ์ธนบัตร และบัญชีสำรองพิเศษ จากการขอรับบริจาคของหลวงตามหาบัว
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีทุนสำรองเงินตราประมาณ 8.6 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย บัญชีฝ่ายการธนาคารประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญฯหรือ 1.04 ล้านล้านบาท (อัตราฯ 34.80 บาทต่อดอลลาร์) และเงิน“คลังหลวง” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ของประเทศที่เก็บสะสมกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีดอกผลสะสมเพิ่มพูนจนปัจจุบันประมาณ 5.6 หมื่นล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 1.95 ล้านล้านบาท สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มีความพยายามจะรวมบัญชีฝ่ายการธนาคารและบัญชีคลังหลวงจากฝ่ายออกบัตรธนาคารเข้าด้วยกันเพื่อหวังนำเงินจากคลังหลวงเข้ามาใช้จ่ายแก้ปัญหาผลพวงจาก “วิกฤติต้มยำกุ้ง” แต่ถูกหลวงตามหาบัวและลูกศิษย์ต่อต้านจนล่าถอยในที่สุด
ฉะนั้น การที่กระทรวงการคลังและธปท.ในรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ผลักดัน พ.ร.บ.เงินตราให้ออกมา ใช้อีกครั้งหนึ่งก็ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินคลังหลวงมาใช้จ่ายหาผลประโยชน์เพื่อแก้วิกฤติเศรษฐกิจที่คณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ได้ก่อกรรมไว้นั่นเอง
เป็นที่ทราบดีว่า ธปท.ได้ใช้เงินทุนสำรองเงินตราเพื่อเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทไปแล้วกว่า 1.73 แสนล้านบาท ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับว่าจะใช่ตัวเลขนี้จริงหรือไม่ แหล่งข่าวบางแหล่งถึงขั้นระบุว่าน่าจะสูงเกือบ 1.2 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว และถ้า พ.ร.บ.นี้ผ่านสนช.จะทำให้ธปท.มีงบบัญชีงวดสิ้นปี 2550 เป็นกำไรขึ้นมาในพริบตา ล้างหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ อีกกว่า 5 แสนล้านบาท ปกปิดผลการแทรกแซงค่าเงินบาทได้เงียบสนิท และนำไปเป็นข้ออ้างปฏิบัติการจิตวิทยากับประชาชนในประเทศได้อีกด้วยว่าเก่งกาจสามารถในการบริหารการเงินการคลังของประเทศอย่างยิ่ง
นี่หรือรัฐบาลที่อ้างนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงทุกลมหายใจเข้าออก อ้างความมีคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นเกราะกำบังตนตลอดเวลา แต่กำลังหาหนทางนำเงิน “คลังหลวง” ไปใช้เพื่อค้ำจุนบัลลังก์ของพวกตน มันคือความพยายามปล้นเอาทรัพย์สินของชาติไปใช้ประโยชน์เพื่อพวกตน เป็นการปล้นชาติปล้นสมบัติของประชาชนนั่นเอง
รัฐมนตรีคลัง ชี้ การแก้ไข พ.ร.บ.เงินตรา ช่วยลดภาระหนี้กองทุนฟื้นฟูฯได้ระดับหนึ่ง และสามารถนำทุนสำรองฯ ไปลงทุนได้คล่องตัวมากขึ้น
นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่าการแก้ไขพระราชบัญญัติเงินตรา มีส่วนช่วยในการลดภาระหนี้กองทุน เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ เอฟไอดีเอส ระดับ 1 แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เนื่องจากไม่ใช่มูลค่าหนี้เงินต้นและภาระดอกเบี้ยที่มีอยู่ในปัจจุบันมีจำนวนมาก ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณถึงปีละ 50,000 - 60,000 ล้านบาท และหากไม่มีการแก้ไขเลยอาจจะต้องให้เวลาถึง 100 ปี ในการใช้หนี้แต่คงไม่มีรัฐบาลไหนที่ปล่อยไว้เป็นแบบนั้น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การแก้ไขพระราชบัญญัติเงินตรา อาจมีส่วนช่วยในการเปิดช่องให้สามารถนำทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุนได้มากขึ้นในแง่ของความคล่องตัว อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย
http://www.innnews.co.th/Biz.php?nid=57724
คลังเตรียมแจกคู่มือแจงพรบ.การเงินแก่สนช.
โดยทีมข่าว INN News 28 สิงหาคม 2550 18:10:18 น.
รัฐมนตรีคลัง เผย สนช. พอใจการสัมมนา พ.ร.บ.เงินตรา เตรียมแจกคู่มือชี้แจง ขณะยังไม่เลื่อนกำหนด ชงสภาฯ วันที่ 12 กันยายน
นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการสัมมนาเรื่อง เสริมความเข้าใจในร่างพระราชบัญญัติเงินตรา ว่ายินดีรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งจะได้มีการหารือร่วมกันต่อไปทั้งนี้ผลการตอบรับจากการสัมมนาในวันนี้ สมาชิกสนช.เห็นว่าคู่มือที่แจกมีรายละเอียดชัดเจนเพื่อช่วยให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น จึงเตรียมนำไปแจกให้กับสมาชิกสนช. ที่รัฐสภา ก่อนวันที่ 12 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นกำหนดการเดิมในการนำกฎหมายเงินตราเข้าสู่การพิจารณาของสภาต่อไป
อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าหากสมาชิกสนช. ต้องการให้มีการปรับปรุงหรือยืดระยะเวลาในการนำกฎหมายเข้าพิจารณาก็ไม่มีปัญหา ทั้งนี้จะมีการจัดสัมมนาเพื่อเสริมความเข้าใจในพระราชบัญญัติสถาบันการเงินและพระราชบัญญัติคุ้มครองเงินฝากต่อไป
คลังยันยังไม่นำทุนสำรองเงินตราตปท.ไปลงทุน
โดยทีมข่าว INN News 28 สิงหาคม 2550 19:11:55 น.
http://www.innnews.co.th/Biz.php?nid=57716
รัฐมนตรีคลัง ยืนยัน ยังไม่มีแผนนำทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุน ชี้ ยังมีจำนวนน้อย และต้องใช้ดูแลหนี้ต่างประเทศ
นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าจำนวนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของไทยขณะนี้ยังมีน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในขณะที่เมื่อพิจารณาภาระที่ต้องใช้เงินทุนสำรองในการดูแลซึ่งได้แก่การนำเข้าสินค้า การดูแลหนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะหนี้ระยะสั้นและการหนุนหลังกรณีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าออกของชาวต่างชาติโดยยังไม่มีแผนการนำเงินทุนสำรองไปลงทุนในโครงการใดในขณะนี้
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงร่างแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยและร่างแก้ไขพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เตรียมผลักดันให้แล้วเสร็จแม้รัฐบาลชุดนี้เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติเงินตราว่า ได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานจัดทำคู่มือและสัมมนาเพื่อทำความเข้าใจแล้วเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติหนี้สาธารณะของกระทรวงการคลังที่ต้องจัดทำคู่มือและทำความเข้าใจเช่นเดียวกัน
http://www.innnews.co.th/biz.php?nid=57723
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
http://www.thaigov.go.th ข่าวที่ 01/2 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 15. เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร บี้ยเลี้ยงผู้ต้องขังหรือผู้ถูกควบคุมตัวและค่าอาหาร ผู้เจ็บป่วย คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ซึ่งมีรองนายก รัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เป็นประธาน ที่เห็นชอบการปรับปรุงอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขัง หรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารผู้เจ็บป่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2550 กระทรวงกลาโหมรายงานว่า 1. กองบัญชาการทหารสูงสุดเสนอขอปรับปรุงแก้ไขอัตราเบี้ยเลี้ยงทหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ของอัตราที่ ได้รับเดิม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการทหารเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 และวันที่ 1 ตุลาคม 2548 โดยต้องใช้เงินงบประมาณเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,557,436,685 บาท ดังนี้ 1.1 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จำนวน 8,139,033 บาท 1.2 กองบัญชาการทหารสูงสุด จำนวน 39,552,297 บาท 1.3 กองทัพบก จำนวน 1,056,597,490 บาท 1.4 กองทัพเรือ จำนวน 323,682,000 บาท 1.5 กองทัพอากาศ จำนวน 129,465,865 บาท
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
พุทราลอกมาจาก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=drunkcat ขอขอบคุณ คุณ drunkcat ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
จากคุณ :
แค่ก้อนหินที่อยากบินได้
- [
29 ส.ค. 50 22:18:33
]
|
|
|