Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    Tales of Phantom ตอนที่ 3 เข้าเฝ้าท่านพ่อ

    ตอนที่ 1  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5777540/W5777540.html

    ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5782663/W5782663.html



    ตอนที่ 3

    เข้าเฝ้าท่านพ่อ



    เมื่อหมิงหลุนเดินมาถึงสวนดอกไม้ที่เขาได้พบกับเฉิงกวง ก็เห็นคนแต่งกายเช่นขุนนางผู้หนึ่งตรงเข้ามาถวายบังคมพร้อมกับเอ่ยว่า

    “ท่านชายหมิงหลุน ท่านอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วพระเจ้าค่ะ องค์ราชากำลังต้องการพบท่านอยู่พอดี !”

    “ต้องการพบข้า ?” หมิงหลุนตกใจ ตอนนี้เขายังจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด ขืนไปพบท่านพ่อทั้งแบบนี้เขามิถูกด่าตายหรอกหรือ ? ว่าแล้วก็รีบหาทางเอาตัวรอดด้วยการปฏิเสธเอาดื้อๆ “เจ้าจำคนผิดแล้วกระมัง ? ข้าไม่ใช่อู๋หมิงหลุน”

    “นอกจากท่านชายอู๋หมิงหลุนแล้ว ข้านึกไม่ออกเลยพระเจ้าค่ะว่าจะมีมนุษย์คนใดรูปงามได้ถึงเพียงนี้” ขุนนางตรงหน้ากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับทราบวิธีรับมือการเลี่ยงของหมิงหลุนเป็นอย่างดี และได้ผล...หมิงหลุนผู้ถูกป้อนลูกยอหัวเราะร่าทันที

    “ฮ่าๆๆ จริงหรือเปล่า ?”

    “ท่านชายหมิงหลุน เชิญทางนี้พระเจ้าค่ะ” ขุนนางตรงหน้ารวบรัดหน้าตาย ทำให้หมิงหลุนได้สติตื่นจากอำนาจลูกยออย่างรวดเร็ว และปฏิเสธเสียงแข็ง

    “ข้ายังไม่รับปากเสียหน่อยว่าจะไป ! ข้าขอตัวกลับไปที่วังก่อนสักครู่” ...แย่แล้ว ! ดันเผลอไปหลงกลเจ้าหมอนี่เข้าซะได้ ขืนไปหาท่านพ่อตอนนี้มีแต่จะหาเรื่องให้ตัวเองถูกด่าน่ะสิ ! แล้วยังจะเป็นอันตรายกับชีวิตของทุกคนในวังเวหาด้วย !... ชายหนุ่มคิดจะขอตัวกลับไปขนกองหนุนมาช่วยกันก่อน

    “ท่านชาย หากท่านชายไม่ยอมไปละก็ ข้าจะขอคุกเข่าอยู่อย่างนี้โดยไม่ลุก” จบคำขุนนางตรงหน้าก็ใช้ไม้ตายคุกเข่าลงกับพื้นทันทีจนหมิงหลุนถึงกับสะดุ้ง สุดท้ายก็จำต้องกล่าวอย่างหมดทางเลี่ยง

    “เฮ้อ ! ข้าไปก็ได้” ...ทำยังไงดีล่ะทีนี้ ? เฮ้อ...ช่วยไม่ได้ คงต้องแข็งใจบุกตะลุยอย่างเดียวเสียแล้ว !...


    <>::<>::<>


    หมิงหลุนมองเห็นชายในชุดคลุมราชาสองคนกำลังนั่งสนทนาอย่างผ่อนคลายอยู่ในศาลาพักร้อนห่างออกไปหนึ่งร้อยศอกได้แต่ไกล ข้างกายคนทั้งสองมีนางกำนัลและขุนนางรับใช้ยืนอยู่อย่างนอบน้อม อู๋เฉิงกวงเองก็นั่งอยู่ข้างๆ คนทั้งสองเช่นกัน แต่กำลังนั่งทำปากยื่นด้วยสีหน้าแสนจะไม่เต็มใจ

    “หือ ? หมิงหลุนมาแล้ว” ชายผมเงิน นัยน์ตาสีทองซึ่งนั่งหันหน้ามาทางทิศที่หมิงหลุนปรากฏตัวเอ่ยขึ้นทันทีที่มองเห็นหมิงหลุน

    ...ผมสีเงินอีกแล้ว ทำไมถึงมีสีผมเหมือนกับชายหนุ่มในความฝันของข้าอีกแล้วล่ะนี่ ? ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องนี้ อู๋เฉิงกวงเป็นพี่น้องต่างมารดาของข้า ในเมื่ออู๋เฉิงกวงผมสีเงิน อย่างนั้นก็แปลว่า...

    “ท่านพ่อ !” หมิงหลุนถลาเข้าไปหาชายผมสีเงินทันที เตรียมจะกอดอีกฝ่ายเต็มที่

    เสียง “ตึง !” ดังสนั่น อู๋เฉิงกวงร่วงลงไปกองอยู่กับพื้นในพริบตา

    “โอ๋ ?” ความเคลื่อนไหวของหมิงหลุนชะงักค้างกลางคัน แล้วหันไปมองเหล่านางกำนัลผู้รับใช้รายรอบ ปรากฏว่าทุกคนต่างมองมาทางเขาด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด ราวกับไม่รู้จักเขาอย่างไรอย่างนั้น หนำซ้ำชายในชุดคลุมราชาทั้งสองเองก็พลอยมองมาที่เขาด้วยสายตาตื่นตะลึงด้วยเช่นกัน

    “เฮ้” หมิงหลุนลงไปนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ เฉิงกวงอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระซิบถาม “พวกเขาเป็นอะไรไปน่ะ ?”

    “ไอ้ปัญญานิ่ม ! กระทั่งพ่อตัวเองก็จำไม่ได้แล้วเรอะ ?” เฉิงกวงอยากจะบ้า

    “โอ๋ ? ไม่ใช่คนผมเงินหรอกหรือ ?”

    เฉิงกวงล้มตึงลงไปอีกรอบ “นี่เจ้าป่วยหนักจนสมองผุไปแล้วรึ ? นั่นมันมกรราชาต่างหาก !” ...แต่จะว่าไปแล้วก็ประหลาดแท้ เพราะดูเหมือนอู๋หมิงหลุนจะจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ นั่นล่ะ !...

    “แหะ...แหะๆ...” ...แย่ล่ะสิ แผนแตกจนได้ !... หมิงหลุนยืนยิ้มเจื่อนสนิทอยู่ที่เดิมพลางพยายามคิดว่าต้องทำอย่างไรดีถึงจะกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้ “แหม...ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ทำไมทุกคนถึงทำหน้าอย่างนี้ล่ะ ?”

    “หมิงหลุน ข้าได้ยินมาว่าพักก่อนเจ้าล้มป่วย ตอนนี้อาการดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง ?” ชายในชุดคลุมราชาอีกผู้หนึ่งซึ่งมีผมสีดำสนิทและมีท่วงทีสุขุมเยือกเย็นเพิ่งจะเอ่ยคำขึ้นในตอนนี้เอง ดูจากรูปลักษณ์แล้วชายผมดำผู้นี้ดูสูงวัยกว่ามกรราชามาก

    “อืมม์ เป็นพระกรุณาที่ท่านพ่อทรงห่วงใย อาการป่วยของข้าดีขึ้นมากแล้วพระเจ้าค่ะ” ...ตกใจหมด นึกว่าแผนแตกแล้วเสียอีก...

    “ว่าแต่เรื่องนั้นเจ้าเตรียมตัวไปถึงไหนแล้วหรือ ? นี่อวี้เอ๋อร์(1)ก็ใกล้จะกลับมาแล้วด้วย”

    “อวี๋เอ๋อร์(ปลา) ?” ...อวี๋เอ๋อร์(ปลา)หรือ ? เจ้าปลานี่คือใครกัน ?... หมิงหลุนมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตางุนงง

    “อวี้เอ๋อร์ต้องใช้เวลาอีกสองวันจึงจะกลับมาถึง แล้วหมิงหลุนเพิ่งจะหายป่วย ข้าว่าเราปล่อยให้หมิงหลุนไปพักผ่อนก่อนเถิด !” ราชาผมสีเงินช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้หมิงหลุน

    “อืมม์ ก็ดีเหมือนกัน เฉิงกวง เจ้ากับหมิงหลุนจงกลับไปก่อน อีกสักครู่ข้าค่อยส่งคนนำของไปให้พวกเจ้า”

    “พระเจ้าค่ะ” แม้ปากจะพูด “พระเจ้าค่ะ” ทว่าเฉิงกวงกลับไม่มีท่าทีรู้สึกขอบคุณเลยสักนิด เขาตวัดสายตามาจ้องหมิงหลุนแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินล่วงหน้าออกไปจากศาลา

    “อย่างนั้นข้าเองเห็นจะต้องขอตัวเช่นกันพระเจ้าค่ะ” หมิงหลุนลนลานเผ่นหนีออกไปจากศาลาด้วยอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลัวจะถูกราชาทั้งสองรั้งตัวเอาไว้ถามโน่นถามนี่ แล้ววิ่งตามหลังเฉิงกวงไป “น้องเฉิงกวง น้องเฉิงกวง...”

    เฉิงกวงหันกลับไปช้าๆ  ทำท่าระวังตัวเต็มที่

    “หึ ! น่าแปลกเสียจริง นึกไม่ถึงเลยว่าคำเรียกนี้จะหลุดออกมาจากปากของเจ้าได้ด้วย ?”

    “ทำไมเล่า ? ปกติข้าไม่ได้เรียกเจ้าว่าอย่างนี้หรอกหรือ ?” หมิงหลุนประหลาดใจ

    “เจ้า...” เฉิงกวงมองมาด้วยสายตาตกตะลึง “ช่างเถอะ ! จงรีบไสหัวไปซะในระหว่างที่ข้ายังไม่นึกอยากจะฆ่าเจ้า !”

    หมิงหลุนตบศีรษะอีกฝ่ายดัง “ผัวะ !” ทันที

    “เกินไปแล้วนะ ! พูดกับพี่ชายตัวเองแบบนี้ได้ยังไงกันหา ?”

    เฉิงกวงจ้องหมิงหลุนขึ้นๆ ลงๆ เหมือนเคยไม่รู้จักมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น แล้วก่อนที่จะทันอ้าปากพูด หมิงหลุนก็ใช้ไหล่กระแทกเข้าใส่พลางชิงพูดขึ้นก่อนว่า

    “เฮ้ แล้ว ‘เรื่องนั้น’ ที่ท่านพ่อพูดถึงน่ะ มันเรื่องอะไรกันหรือ ?”

    “นี่เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ น่ะหรือ ?”

    “อืมม์ หลับไปตื่นเดียว พอฟื้นขึ้นมาก็ลืมทุกอย่างหมดเลย ฮ่าๆ แต่เจ้าอย่าเอาไปบอกใครเชียวนะ ไม่อย่างนั้นคนในวังเวหาได้ถูกประหารกันหมดแน่ !” หมิงหลุนกล่าวเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง

    “หึ ! ข้าไม่ปากโป้งแบบนั้นหรอกน่า” เฉิงกวงหันหน้ากลับไป ...มิน่าเล่า ที่แท้ก็จำอะไรไม่ได้เลยนี่เอง หึ ! คงจะไปเล่นมนตร์มารอะไรเข้าให้อีกล่ะสิท่า ทำตัวเองแท้ๆ !...

    “แล้วก็อีกอย่างนะ อวี๋เอ๋อร์นั่นมันใครกันหรือ ?”

    “ชิ !” สีหน้าเฉิงกวงเปลี่ยนเป็นรังเกียจสุดขีดทันที ตอบเสียงแข็ง “ไม่รู้ !” แล้วหันกายผละจากไป ทำเอาหมิงหลุนได้แต่ยืนตะลึงงงอยู่ที่เดิม


    <>::<>::<>


    ณ วังเวหา ครั้นหมอหลวงป๋ายได้ฟังหมิงหลุนบอกว่าไปเข้าเฝ้าองค์ราชามาแล้ว ก็ตกใจจนหน้าเขียวทันที

    “อะไรนะ ?! องค์ราชา...คงไม่ได้พบอะไรผิดปกติหรอกนะพระเจ้าค่ะ ?”

    “ไม่มีหรอก นี่เป็นเพราะข้าชาญฉลาดปราดเปรื่องแท้ๆ ความถึงได้ไม่แตกน่ะ แต่จะว่าไปแล้ว ทำไมถึงได้มีราชาสองคนล่ะ ? แล้วคนผมเงินนั่นคือใครกันหรือ ?”

    “ท่านที่ผมสีเงินคือมกรราชา เป็นราชาปิศาจของอาณาจักรเรา รับผิดชอบปกครองเหล่าปิศาจโดยเฉพาะพระเจ้าค่ะ ส่วนอีกท่านคือหริราชา ท่านพ่อของท่านชาย รับผิดชอบปกครองมนุษย์ ทั้งสองท่านเข้ากันได้ดีมาก แต่ดันให้กำเนิดบุตรเช่นพวกท่านที่เหมือนเป็นศัตรูกันมาแต่กำเนิดเสียได้” ครั้นนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างท่านชายทั้งสาม หมอหลวงป่ายก็ต้องส่ายหน้า “ระยะนี้องค์ราชาทั้งสองทรงประสงค์จะให้พวกท่านได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น จึงทรงคิดวิธีหนึ่งขึ้นมา นั่นคือให้พวกท่านไปปฏิบัติภารกิจหนึ่ง”

    “โอ๋ ? ภารกิจอะไรหรือ ?” ...มิน่าเล่า...

    “ยังไม่ทราบพระเจ้าค่ะ” หมอหลวงป๋ายตอบพลางส่ายหน้า

    “ถ้าอย่างนั้นมีแต่คนที่ทำภารกิจสำเร็จเท่านั้นที่จะได้ขึ้นครองราชย์ใช่หรือเปล่า ?”

    “ไม่ใช่แน่นอนพระเจ้าค่ะ เพราะไม่ว่าอย่างไร ว่าที่มกรราชาก็ต้องเป็นท่านชายอวี้เท่านั้น ส่วนว่าที่หริราชา ก็ต้องเป็นท่านเท่านั้นเช่นกัน เพราะผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งมกรราชา จะต้องเป็นผู้มีสายเลือดปิศาจบริสุทธิ์ ส่วนผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งหริราชา ก็ต้องมีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์เช่นกัน ลูกครึ่งปิศาจอย่างท่านชายเฉิงกวงนั้นไม่มีสิทธิ์สืบบัลลังก์หรอกพระเจ้าค่ะ”

    “อย่างนี้นี่เอง” ...เรื่องแค้นข้าน่ะไม่ต้องพูดถึงหรอก แต่ทำไมดูเหมือนเฉิงกวงเองก็แค้นเจ้า “ปลา” คนนั้นมากเหมือนกันด้วยเล่า ?...

    “อีกอย่าง เวลาพบกับท่านชายอวี้ ท่านต้องระวังให้มากๆ  อย่าไปยั่วโมโหท่านชายอวี้เป็นอันขาดนะพระเจ้าค่ะ” หมอหลวงป่ายกำชับ

    “หา ? ทำไมล่ะ ?”

    “อย่างเช่นครั้งก่อนที่ท่านชายเฉิงกวงพาท่านที่หมดสติมาส่งนั่น เรื่องแบบนี้ไม่มีวันเกิดขึ้นกับท่านชายอวี้เด็ดขาด ท่านชายอวี้จะฆ่าท่านทันทีโดยไม่มีการลังเล เหมือนกับการเหยียบมดตายสักตัวนั่นแหละพระเจ้าค่ะ เพราะท่านชายอวี้ไร้ซึ่งเมตตาจิตเช่นที่มนุษย์มีกัน ท่านไม่มีแม้แต่ความรู้สึกรักใครเสียด้วยซ้ำ กระทั่งองค์มกรราชาเอง ท่านชายอวี้ก็ยังเคียดแค้นเป็นอย่างมากเลยพระเจ้าค่ะ” แค่นึกถึงท่านชายที่ทั้งรูปงามและเย็นชาถึงที่สุดผู้นั้น หมอหลวงป๋ายก็อดหนาวเยือกไม่ได้

    “เลือดปิศาจบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ ?” หมิงหลุนประสานมือรองท้ายทอยแล้วทิ้งตัวลงนอน ทำไมในใจถึงรู้สึกเคียดแค้นท่านชายปลาที่ว่านั่นชอบกลกันนะ ? ...แปลกจริงๆ ทั้งที่หน้าก็ยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ หรือจะเป็นเพราะเมื่อก่อนเขาเคยทำเรื่องโหดร้ายอย่างมากกับข้าเอาไว้ ? เหมือนกับที่ข้าเคยทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้จนทำให้ตอนนี้เฉิงกวงคิดจะฆ่าข้า...




    <>::<>::<>::<>::<>::<>


    เชิงอรรถ

    1.  อวี้เอ๋อร์ คำว่า เอ๋อร์ (er) เป็นคำเรียกด้วยความเอ็นดู เป็นคำที่ผู้สูงวัยกว่าใช้เรียกผู้ที่อายุน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็น พี่เรียกน้อง , พ่อแม่เรียกลูก , ปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอาเรียกหลาน , สามีเรียกภรรยา , ชายหนุ่มเรียกแฟนสาว ฯลฯ สามารถแปลได้หลายอย่างแล้วแต่บริบท เช่น หนู , น้อง , ลูก


    <>::<>::<>::<>::<>::<>

    จากคุณ : ซีเรีย - [ 6 ก.ย. 50 03:49:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom