Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    บันทึกลับครูเจ็ดสี ตอน เรื่องของเด็กฮิป

    คนนี้พ่อหนุ่มปากหวาน
    ครู "ฮาร์ทรักใครที่สุดในโลกครับ"
    ฮาร์ท "รักครูเจสซี่"
    ครู "แล้วคุณพ่อคุณแม่ล่ะคะ...รักมั้ย?"
    พยักหน้าตอบ
    ครู "แล้วรักใครมากที่สุดในโลก"
    ฮาร์ท "รักครูเจสซี่...เอิ๊ก เอิ๊ก ปากหวานนน


    เรื่องของน้องฬิว

    ถ้าจะให้ครูนับนิ้วว่าเรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว ครูคงตอบได้ว่า ครึ่งชีวิตของหนูเลยจ๊ะ แหะๆ แบบ
    ว่าน้องฬิวเจอคุณครูครั้งแรกตั้งแต่ 3ขวบปลาย จนตอนนี้ 6 ขวบแล้ว ครึ่งชีวิตหนูเลยใช่ม้า?
    ตอนแรกที่เรารู้จักกัน น้องฬิวขี้อายมากๆขนาดไม่ยอมเข้าห้องเรียนถ้าคุณแม่ไม่เข้าไปด้วย แต่พอเรียน
    ไปเรียนมา คุณแม่ส่ายหน้าว่าเธอเปี๊ยนไป๋ กลายเป็นเด็กที่มั่นใจในตัวเอง(อย่างไม่เกินไป) กล้าคิดกล้าพูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ จนเกิดเรื่องราวไม่ธรรมดาอยู่ตลอดเวลา
    เรื่องแรกเกิดขึ้นขณะที่น้องฬิวไปสอบสัมภาษณ์เข้าประถมหนึ่งที่โรงเรียนหญิงชื่อดัง ผู้สัมภาษณ์เป็นซิสเตอร์ เมื่อน้องฬิวเข้าไปนั่งตรงหน้าซิสเตอร์ ก็ได้ฟังคำถามแรก
    “หนูชื่ออะไร”
    น้องฬิวตอบชัดถ้อยชัดคำว่า
    “หนูชื่อปุณยาพร”
    ซิสเตอร์เลยถามว่า
    “ทำไมพูดกับครูไม่ลงท้ายด้วยค่ะ”
    น้องฬิวทำหน้าตายแล้วตอบว่า
    “ครูก็ไม่พูดค่ะกับหนูเหมือนกัน....”
    ดู๊ดูคารมลูกสาวครูเจสสิคะ แต่จะว่าไปก็เป็นคำตอบซื่อๆตรงๆที่เด็กไม่เข้าใจเหมือนกัน
    เมื่อสอบสัมภาษณ์ใกล้จบ ซิสเตอร์ถามว่า
    “มีอะไรจะถามคุณครูมั้ยคะ”
    น้องฬิวเลยถามซิสเตอร์ว่า
    “ครูรู้มั้ยคะว่าวัดลิงขบอยู่ที่ไหน”
    ซิสเตอร์ตอบงงๆว่า
    “ไม่ทราบซิคะ ทำไมเหรอ”
    เนื่องจากน้องฬิวคะเนว่าตัวเองต้องตกสัมภาษณ์แน่เลยตอบว่า
    “เผื่อหนูสอบที่นี่ไม่ได้ หนูจะได้ไปเรียนที่วัดลิงขบอ่ะค่ะ”
    น้องฬิว ตอบซื่อๆ
    อ่านแล้วอย่าเข้าใจผิดว่าน้องเป็นเด็กแสบอะไร เพราะถ้าเราสอนให้เด็กกล้าคิดกล้าแสดงความคิดเห็น
    ของตนเองแล้ว เราก็ควรยอมรับฟังเหตุผลของเขา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแนวทางสอนให้เด็กก้าวร้าว หรือกล้าแสดงออกจนเกินไป เพราะทุกอย่างย่อมต้องมีความพอดี
    สิ่งใดที่เด็กคิดและเป็นสิ่งที่ถูก ผู้ใหญ่อย่างเราควรสนับสนุน แต่ถ้าเด็กทำด้วยความไม่เข้าใจหรือไม่
    ถูกต้องย่อมเป็นโอกาสให้เราอบรมสั่งสอนด้วยความเมตตา
    ในฐานะครู ครูเจสได้แสดงให้เด็กเห็นและเข้าใจเสมอว่า ครูเป็นทั้งครูเป็นทั้งเพื่อน อยู่กับครูเจสเด็กๆ
    สามารถคิดและแสดงความเห็นได้อย่างอิสระ และนั่นเป็นโอกาสให้เด็กกล้าคิดและได้รับการอบรมที่ถูกต้อง แหมบ่นมาเสียนานขอกลับเข้าเรื่องต่อนะคะ เพราะตอนนี้เป็นตอนของน้องฬิว
    มีวันหนึ่งครูถามเด็กๆว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร...เด็กๆก็มีความฝันที่แตกต่างกัน สำหรับน้องฬิว เธอ
    อยากเป็นหมอฟัน ครูเจสก็เลยถามน้องฬิวว่า
    “ถ้าครูไปรักษากับหมอฬิวก็ไม่เสียตังค์ใช่ม้า”
    น้องฬิวตอบเสียงดังฟังชัดให้ครูชื่นใจว่า
    “ไม่ได้ค่ะ ต้องคิดเงิน”
    แหมหัวการค้าตั้งแต่เด็กเลยนะเนี่ย 

    เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาน้องฬิวอยากมาเรียนกับคุณครู แต่กลัวระเบิดจึงถามครูว่า
    “ที่นี่มีระเบิดรึเปล่าคะ?”
    ครูแสร้งขำ แต่ในใจนึกว่า
    “ถ้ามี ครูจะยังยืนอยู่ตรงนี้มะ”

    มีอยู่วันหนึ่งน้องฬิวคุยกับน้องณัชในห้องเรียน เรื่องไปดูไฟวันเฉลิมพระชนมพรรษา
    “ณัช เธอเคยไปดูไฟรึยัง”
    น้องณัชตอบว่า
    “ยังเลยฬิว บ้านเรายังไม่เคยมีไฟไหม้”
    น้องฬิวรีบตอบว่า
    “ไม่ใช่ณัช ไฟที่เขามาติดตามถนนต่างหาก”...

    วันนี้น้องฬิวอยากกินเกี๊ยวน้ำมากๆ จึงหาอุบายบอความนัยแก่คุณแม่ สนองนีด(Need) ของตัวเองจึงจะได้กิน จึง
    อุบายเดียวที่นึกอออกก็คือ

    “แม่ แม่ ถ้าแม่ไม่มีฟันจะเคี้ยวอะไรแล้ว แม่จะกินอะไร?”
    คุณแม่ตอบว่า
    “แม่ก็คงต้องกินซุปมั้ง”

    ชะรอยคำตอบยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ ฬิวจึงตั้งคำถามต่อไปว่า
    “แล้วถ้าไม่มีซุปล่ะ แม่จะกินอะไร?”
    “แม่คงต้องกินโจ๊กแน่ๆเลย”
    คุณแม่พยายามตอบต่อไป

    แต่น้องฬิวก็ยังไม่ได้คำตอบที่พึงพอใจ อ้าวก็แน่ล่ะ คุณแม่ยังไม่ได้ตอบว่า เกี๊ยวน้ำนิ...ใช่ป๊ะน้องฬิว??

    “แม่...แล้วถ้าไม่มีโจ๊กล่ะ?”
    คราวนี้แม่เริ่มมีน้ำโหเพราะต้องตอบมาหลายครั้งแล้ว

    “ถ้างั้นฬิวอยากให้แม่กินอะไรล่ะ”
    น้องฬิวยิ้มกว้างแล้วตอบว่า
    “หนูว่าเกี๊ยวน้ำก็ดีนะแม่ มีทั้งเนื้อ มีทั้งน้ำ อร้อยอร่อย”
    พูดแล้วพอยท์มือเป็นเครื่องหมายถูกใส่แม่
    แม่อึ้ง
    แต่ก็ทำหน้าเหมือนเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง....
    “น้องฬิวอยากกินเกี๊ยวน้ำล่ะสิ วันหลังบอกแม่ตรงๆดิ” ฮ่าฮ่าฮ่า

    อีกเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นสดๆร้อนๆเมื่อกี้นี้เอง ( 20 ม.ค. 50/ 17.45) ในขณะที่ครูเจสสอนให้น้องฬิวร้อยมาลัยดอกมะลิให้สวยสุดฝีมืออยู่นั้น ครูก็ตั้งคำถามเพื่อให้เด็กๆเกิดแรงบันดาลใจให้พยายามร้อยมาลัยให้ดี
    “เดี๋ยวเด็กๆร้อยเสร็จ นี่ต้องเป็นพวงมาลัยที่สวยมากแน่ๆเลย เด็กๆจะได้เอาไปไหว้พระ ดีมั้ยจ๊ะ”
    แต่แล้วทั้งน้องฬิวและน้องนานาก็ตอบพร้อมกัน (แบบประสานเสียงดังสุดๆเลยนะคะขอบอก)
    “หนูจะเอาไปให้แม่!!!!”
    ช่างน่ามอบโล่ห์ลูกตัญญู จากสถาบันรักครอบครัวให้จริงๆเล้ย

    ในวันเดียวกันขณะเรียนอยู่ ด้วยอารมณ์เซ็ง น้องฬิวเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เลยถามครูว่า
    “ครู....ไหนเคยบอกว่าจะพาหนูไปทะเล...”
    พูดด้วยน้ำเสียงทวงสุดฤทธิ์
    ใช่แล้วค่ะ ครูเคยชวนน้องฬิวไปเที่ยวทะเล แต่ด้วยกลัวว่า น้องฬิวจะต้องขาดเรียนและกลัวว่าถ้าไปแล้วจะเบื่อ เพราะไม่มีเด็กคนอื่นไปเลย คุณครูไปกับเพื่อนครูด้วยกันซึ่งเป็นผู้ใหญ่หมด ครูก็เลยไม่ได้โทรไปชวนหรือกล่าวถึงเรื่องนี้กับน้องฬิวอีก

    วันเวลาผ่านไปหลายเดือนหรือราวครึ่งปีเห็นจะได้จนมาถึงวันนี้ อยู่ๆน้องฬิวก็ถามถึงด้วยอารมณ์แบบว่า ไหนครูว่าจะพาไปไงล่ะ อย่างสุดฤทธิ์
    ครูก็เอ่อ...อึ้ง เอ๋อไป ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง แหะๆ หรือถ้าจะพูดให้ดูดีว่าไม่รู้จะให้เหตุผลยังไง
    “ถ้าอยากไป เดี๋ยวครูพาไปเอามั้ย?”
    น้องฬิวพยักหน้าช้าๆ ทำท่าไตร่ตรองราวจะเห็นดี เห็นงามด้วย แล้วพูดเสียงดังฟังชัดว่า
    “ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากไป!! ”
    เอ๊า! ครูขึ้นเสียงสูง ข่มอกข่มใจสุดฤทธิ์เช่นเดียวกันแล้วถามว่า
    “ทำไมล่ะคะ? ก็ไหนทวงครูว่าไม่พาไปเที่ยวทะเลซ้ากกที(ครูแกล้งลากเสียงยาว)”
    น้องฬิวตอบว่า
    “หนูก็กะจะบอกครูตั้งนานแล้วว่า ถ้ายังไงหนูก็ไม่ไปอยู่ดี เพราะแม่ไม่ได้ไปด้วย หนูคิดถึงแม่”
    เอ๊า...ด้วยเสียงสูงอีกครั้ง นี่ตกลงยังไงๆก็จะไม่ไปใช่มั้ยเนี่ย? แล้วถามถึงให้ครูรู้สึกผิดอยู่ด้ายยยย ถ้าอย่างงี้เอาไว้ถามหลังจากครูไปเที่ยวทะเลครั้งต่อไปเลยซิจ๊ะ เล่นเก็บคำตอบไว้ค้างปีขนาดนี้น่ะ...ฮ่าฮ่าฮ่า 
    ไงคะ เด็กคนนี้แสบใช่เล่นเลยใช่มั้ยคะพี่น้อง?

    น้องฬิวชอบพูดให้ครูชื่นใจเวลาครูถามว่า
    “น้องฬิวรักใคร?”
    เพราะกะให้ตอบว่ารักครูเจสซี่ซะหน่อย
    น้องฬิวตอบโดยไม่คิดว่า
    “หนูรักแม่...แต่หนูก็รักอีกหลายคน”
    โอเค...ครูพอรับได้
    “หนูรักใครอีกล่ะคะลูก”
    ...น้องฬิวพยักหน้าแล้วทำท่ายังกับว่าเดี๋ยวหนูจะพูดชื่อครูเจสซี่แน่ๆแล้วพูดว่า
    “...รักพ่อ รักอาม่า รักน้องแก้ม.....และอื่นๆอีกมากมาย”
    จนหยุดหายใจครูก็ลุ้นให้พูดต่อ แต่น้องฬิวก็หยุด...ซะอย่างนั้น
    “แล้วใครอีกคะ”
    ครูยัง(กล้า)ถาม
    น้องฬิวทำหน้านิ่งเฉยแล้วมองหน้าครูแบบ อะไรอีกอ่ะครู
    ครูเริ่มรู้สึกตัวถามเสียงแห้งๆว่า
    “หมดแล้วเหรอลูก”
    น้องฬิวพยักหน้าอย่างเต็มภาคภูมิแล้วบอกว่า
    “ก็หมดแล้วสิครู ถามได้”
    อ้าวจริงดิ
    ครูควรจะเสียใจใช่ป๊ะเนี่ย

    เหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 21 ม.ค. 2550 ครูอิ๊ซื้อตุ๊กตาถือป้ายมาให้คุณครูเจสซี่จากจังหวัดแพร่
    ซึ่งข้อความในป้ายที่ตุ๊กตาผู้หญิงตัวน้อยถืออยู่นั้น เป็นข้อความที่เหมาะกะครูเจสซี่มั่กมาก คุณครูเจสซี่เลยแขวนไว้ที่ประตูห้องเรียน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วไม่มีใครเค้าสังเกตเห็นหรอกค่ะ เพราะแขวนมาอาทิตย์หนึ่งแล้วก็ยังไม่มีใครทัก
    จนมาวันนี้น้องฬิวมาเรียน....เรียนอย่างตั้งใจมาก...เรียนจนสังเกตเห็นป้ายอันนี้ล่ะค่ะ
    น้องฬิวซึ่งเป็นเด็กอ่านออกเขียนได้อย่างคล่องแคล่วจึงอ่านเสียงดังฟังชัด (ทำไมไม่อ่านคนเดียว...ไม่เข้าใจ) ว่า
    “ห้องคนไม่มีแฟน!!!”
    อ่านจบแล้วยังอ่านย้ำอีกหนึ่งรอบ แล้วหันหน้ามาถามครูว่า
    “ใครอ่ะ...? แต่ห้องนี้ห้องครูเจสซี่หนิ...”
    ครูเจสซี่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำเสียง “หึหึหึ”
    นี่มันประจานกันชัดๆ หนิ

    และในวันนี้นี่เอง ครูสอนเรื่องทำกล้องเรือดำน้ำเกี่ยวกับความรู้เรื่องการสะท้อนและหักเหของแสง
    น้องฬิวทำกล้องเสร็จเอาไปส่องทางโน้นทีทางนี้ที แล้ววิ่งไปส่องคุณแม่ พอส่องเสร็จก็พูดเสียงดังฟังชัดว่า
    “ โห!!!(ทำเสียงตื่นเต้นมากๆ) แม่ตัวเล็กลงมากมากๆๆๆๆเลยอ่ะ”
    แม่ก็พูดอะไรไม่ได้นอกจาก
    “หึหึหึ...จะว่าชั้นอ้วนใช่มั้ย”

    คุณพ่ออยากกระตุ้นให้น้องฬิวตั้งใจเรียนหนังสือให้เก่งๆ เลยบอกว่า
    “ฬิวตั้งใจเรียนนะลูกจะได้เก่งเหมือนแม่ ได้ทำงานบริษัทใหญ่ ไม่ต้องเหมือนพ่อเรียนหนังสือไม่เก่ง” น้องฬิวฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า
    “พ่อแค่นี้อ่านไม่ออกเหรอ ไหนลองอ่านซิ...นี่คือ ก.ไก่...ข.ไข่”
    ทำท่าเป็นครูสอนหนังสือสุดฤทธิ์ จนพ่อต้องบอก
    “ไม่ใช่อย่างน้านนน”

    มีอยู่วันหนึ่ง น้องฬิวตั้งใจเรียนมากจนดูเหมือนว่าจะมีพัฒนาการในด้านความคิดเชิงละเอียดได้ดีขึ้น ครูก็เลยเอ่ยชมให้คุณแม่ฟังตอนที่อธิบายรูปแบบกิจกรรมที่เรียนในวันนี้
    คุณแม่เลยไปบอกน้องฬิวว่า
    “ฬิว...วันนี้ครูชมน้องฬิวกับแม่ด้วยนะ...”
    น้องฬิวทำหน้าเฉยเมยเย็นชา น้ำเสียงก็เซ็งมาก
    “เหรอ...ไม่เห็นครูชมหนูเลย เซ็ง”
    ...เอ๊า!! ครูว่าครูชมแล้วนะ

    ปกติแล้วในคลาสกระตุ้นทักษะ Elaboration ครูจะให้น้องฬิวทำอาหารอยู่บ่อยๆ ซึ่งแต่ละสัปดาห์
    อาหารออกมาเสร็จสมบูรณ์บ้าง ไม่สมบูรณ์บ้าง พอกินได้บ้าง กินไม่ได้บ้าง ซึ่งจะวัดเรตติ้งจากคุณแม่และบรรดาคุณครูในโรงเรียน
    มีอยู่ครั้งหนึ่งครูเจสกับน้องฬิวทำขนมกลีบลำดวนด้วยกัน ซึ่งเป็นขนมกลีบลำดวนแบบประยุกต์ มีการใส่สีผสมอาหารสีชมพูลงไป(จนน่าจะเปลี่ยนชื่อจากกลีบลำดวนซึ่งควรจะเป็นสีขาวมากกว่าสีชมพู เป็นขนมกลีบพวงชมพูหรือขนมกลีบซากุระมากกว่า)
    เผอิญเราสองคนช่วยกันใส่น้ำตาลไอซิ่งเพลินไปหน่อย กลีบลำดวนที่ว่าจึงหวานเสียยิ่งกว่าน้ำตาลทั้งจังหวัดเพชรบุรีรวมกัน เป็นขนมที่คุณแม่กับอาม่าน้องฬิวชิมแล้วอึ้ง แต่ต้องฝืนชมว่าอร่อย ถึงแม้กินไปเพียงคำเดียวแล้วไม่คิดจะกินอีกเลย

    ช่วงหลังปีใหม่ซึ่งเป็นสัปดาห์แรกของเทอมใหม่ คุณแม่น้องฬิวโทรมาบอกว่าคงมาเรียนไม่ได้เพราะ
    น้องฬิวเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อกี้นี้เอง ครูเจสซี่ทราบก็ใจหาย น้องฬิวของครูเป็นอะไร
    แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรคุณแม่ก็รีบร้อนโทรมาบอกว่า ถ้าจะเปลี่ยนใจมาเรียนยังทันมั้ย เพราะน้องฬิวไม่ยอม...จะมาเรียนให้ได้ทั้งๆที่คุณแม่กับอาม่าก็พยายามสกัดดาวรุ่งแล้ว ครูก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรยังมาได้อยู่
    คุณแม่มาเล่าให้ฟังตอนหลังว่า อาม่าถามใหญ่ ครูเจสซี่นี่มันใครกัน ทำไมน้องฬิวต้องอยากไปเรียนด้วยขนาดนี้ อาม่าไม่เข้าจายยย
    ถามจนรู้เรื่องว่าที่เข้าโรงพยาบาลก็เพราะว่า
    “หนูขี้แตก ขี้ไปทั้งหมด 30 ครั้ง”
    เป็นคำบอกเล่าจากปากเจ้าตัวซึ่งไปนอนโรงพยาบาลมา 3 วัน โม้ใหญ่ว่า
    “หนูน่ะผอมลงไปตั้ง 2 โลทุกวันเลย”
    มีเสียงแซวจากอาม่าว่า
    “นี่ขนาดผอมลงไปแล้วนะเนี่ย...”
    แต่ทำไมดูไม่ค่อยจะแตกต่างเลยอ่ะลูก

    ครูเจสถามน้องฬิวว่า
    “อาทิตย์หน้าอยากทำอาหารอะไรจ๊ะ ครูจะได้เอามาสอน”
    น้องฬิวตอบมาอย่างได้อารมณ์ว่า
    “ไม่เอา กลัวขี้แตก”
    ครูเลยไม่ได้สอน แต่พอถึงเวลา ทำมาทวงว่า
    “ทำไมวันนี้ไม่มีทำอาหารล่ะ”
    ครูก็แอบเหล่
    “ก็ไหนว่ากลัวขี้แตกไงล่ะ”
    น้องฬิวทำเป็นเมินบอกว่า
    “ใครขี้แตก ไร ครูพูดเรื่องอะไรอ่ะ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
    โฮะๆๆๆๆ
    ช่างกล้านัก ฮึ่ม เดี๋ยวปั๊ด.....จับจิ้มน้ำพริกกะปิกินซะเลย
    เรื่องของน้องฬิวยังไม่หมดแค่นี้หรอกค่ะ ดังนั้นโปรดติดตามต่อไปนะคะ

    จากคุณ : แยมส้มนมเนยช๊อกโกแลตหวานมัน - [ 8 ก.ย. 50 00:38:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom