Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เศรษฐกิจของคนจน (บันทึกของคนเดินเท้า)

    บันทึกของคนเดินเท้า

                             เศรษฐกิจของคนจน
                                                               
    " เทพารักษ์ "

                       ก่อนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ  นายกรัฐมนตรี เมื่อ ๑๘ กันยายน ๒๕๓๙  อันส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐบาล ดังที่ได้ทราบกันอยู่แล้วนั้น  มีข่าวประเภทปากท้องของชาวบ้านอยู่เรื่องหนึ่ง ที่น่าสนใจก็คือ     สินค้าสดที่ใช้ประกอบอาหารประจำวันของชาวบ้าน  มีราคาสูงขึ้นจนผิดปกติ

    พอนักข่าวไปถามท่านรองนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับคำตอบสวนกลับมาว่าอะไรที่แพงก็อย่าไปซื้อ เอาโครงไก่มาต้มฟัก ก็จะถูกและอร่อยดีด้วย อะไรทำนองนี้  ทำให้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับเอามาล้อเล่น ติดต่อกันอยู่หลายวัน ทั้งคอลัมน์ และการ์ตูน

                       เดลินิวส์ ๑๓ ก.ย.๓๙ คอลัมน์ พูดจาภาษาคน โดย กรุง สี่พระยา                    

    .....เมื่อวานเห็นข่าวและภาพที่  รองนายกรัฐมนตรี ถกเถียงกับผู้สื่อข่าว ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล เห็นได้ว่านักการเมืองผู้นี้ ยังยึดติด กับความนึกคิดของตัวเอง  การไปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวเอง  ตั้งแต่เด็กจนเติบ   ใหญ่ปลายชีวิต

    ผู้คนในสังคมไทยจำนวนไม่น้อยที่ปฏิบัติเช่นนี้มาเช่นกัน ประเด็นที่ชาวบ้านร้องโอดโอย เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคแพงเกินจริง ใครจ่ายกับข้าวเป็นหรือไม่เคยจ่าย จึงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหานี้  การซื้อโครงกระดูกไก่มาต้มกับฟักนั้น คนจนคนมีรายได้น้อยทำกันมานานแล้ว

    ที่ร้านเป็ดย่าง " พูนสิน " อันลือชื่อที่สี่แยกวิสุทธกษัตริย์ข้างวัดตรีทศเทพ จะมีคนมีรายได้น้อยมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ตอนที่ลูกค้าลดลงไปแล้ว ขอซื้อโครงเป็ดย่างไปต้มใส่ฟัก แล้วบีบมะนาวทุบพริกขี้หนูใส่แบบต้มยำ คนมีรายได้น้อยอาศัยอาหารหลักที่ว่านี้มานานเป็นสิบปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ดูทันสมัยแต่อย่างไร

    คนบ้านนอกลูกเต้าเรียงกันเป็นนิ้วมือก็ ใช้วิธีทำกับข้าวง่าย ๆ ถูก ๆ ผัดมะละกอสับกับไข่เป็นกระทะ  เลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่มาได้เช่นกัน คนจนรู้ตัวว่าจนอยู่กันได้ คนจนที่ทำตัวร่ำรวยอยู่ยาก..................

                       แต่เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นใน พ.ศ.นี้เท่านั้น  ได้เคยมีมานานแล้ว ดังเช่นที่จะยกตัวอย่างต่อไปนี้

    ถาม  ยิ่งมีผู้แทน ยิ่งมีรัฐบาล ของก็ยิ่งแพง ยิ่งมีอะไรวุ่น ๆ ของก็ยิ่งแพงมากขึ้น น้ำมันยังไม่ขึ้นราคาเลย ไข่ใบละบาทยี่สิบห้า เข้าไปแล้ว  ชั้นแต่ข้าวที่เราปลูกเองได้ ก็แพงหูดับ ถังละ ๗๗ บาท คุณพลศรีชอบเดินตลาดบ่อย ๆ ถามหน่อยเถอะมีอะไรถูก ๆ กินบ้างไหม ?

                       ตอบ  มีซีครับของถูก ๆ เราต้องดูของที่เป็นหน้าของมัน  ฤดูกาลของ  มัน และซื้อให้ถูกที่ และข้อสำคัญต้องลดความหัวสูงของเราด้วย อย่างเช่นเมื่อวันก่อน ผม ไปเดินแถวตลาดราชวัตร เจอปลาทูสดกองละสามบาท ตั้งเจ็ดแปดตัว แต่ไม่โต ถ้าเราหัวสูงชอบกินปลาตัวโต ๆ เนื้อแข็ง ๆ ก็ซื้อกินไม่ได้ แต่ถ้าเรานึกเสียว่ามันยังไม่เน่าถึงเนื้อจะนุ่มไปหน่อย ก็พอกินยังชีพไปได้ เอาไปทำกับข้าวปรุงให้ดี ๆ ก็อร่อยพออาศัย ถ้าคุณลดทิฐิอันนี้ไม่ได้ ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องกินของแพง  ผมจึงเห็นว่า เลือกซื้อของตามฤดูกาลเถอะ ถึงยังไงก็ยังถูกกว่าตอนอื่น

                       ตอนนี้หน้าน้ำผักและอาหารที่มาจากน้ำจึงมีมากกว่าอย่างอื่น ผักบุ้งยอด อ่อน ๆ ต้นอวบ ผักกะเฉดสีเขียวขจีต้นดูกรอบ น่าจะเอามาแกงส้ม ชนิดใส่ผักแล้วรีบยกลง หรือเอามาผัดน้ำมันเฉย ๆ แบบใส่พริกขี้หนูนิดหน่อยก็อร่อยดี กินกะข้าวต้มก็ได้

                       พอดีกับปลาทูถูก เราก็เจอสายบัวสายยาว ๆ บอกความลึกของชลธาร     ให้เราได้ซื้อหากัน  เอาปลาทูสดมาแกงกะทิกับสายบัว ใส่มะดันหรือส้มมะขามเปียก น้ำปลาดี แค่นั้น ก็คลุกกะข้าวกินได้ชามโต

                       พวกปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาพวกนี้เนื้อเยอะไขมันก็เยอะ ให้โปรตีน      และไขมัน พลังงานกะเราพอเพียง ราคาก็ถูกกว่าหมู ซื้อเอามาแกงมาผัดพริก หรือทอดราดพริกบ้างก็ได้........................


                       ข้อความนี้คัดมาจาก เดลินิวส์ ๗ พ.ย.๑๙  คอลัมน์ แม่บ้านสัมมนา โดย พลศรี คชาชีวะ  เมื่อ ๒๐ ปีก่อน

                       ก็เป็นอันว่าคนจนนั้น ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน ก็จะต้องก้มหน้าก้มตากินผัก บุ้งผักกระเฉด  ซี่โครงเป็ด ซี่โครงไก่ อยู่ตลอดเวลา ไม่มีวันที่จะได้เงยหน้าอ้าปากกิน      หมูกินเห็ดกับเขาบ้างเลย  เพราะโดยข้อจริงไม่มีเท็จปนนั้น ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้ง  ที่ ๒ สงบลง สินค้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอุปโภค หรือบริโภค ต่างก็ขึ้นราคากันมา  ตลอดเวลา ไม่เคยมีการลดลงเลย

                       และก็มีการว่ากล่าวเรื่องของแพงกันอยู่ทุกรัฐบาล  ไม่ว่าจะเป็นคณะ       ไหนของใครก็ตาม  

    อย่างเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๘ ก่อนการเปิดอภิปรายไม่ไว้  วางใจครั้งแรก ของรัฐบาลนี้ก็เหมือนกัน  มะนาวมีราคาถึง ลูกละ ๕ บาท ประชาชนก็ด่ารัฐบาล  

    ครั้นพออภิปรายเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลเดิมยังอยู่ แต่มะนาวราคา ร้อยละ ๕ บาท ประชาชนก็ด่ารัฐบาลอีก แต่เป็นประชาชนคนละพวกกัน

                       ฉะนั้น ทางที่ดีเราควรจะพากันหันมากินไข่ เป็นอาหารประจำวัน จะดีกว่า เพราะว่า เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙ ไข่ฟองละ ๑ บาท ๒๕ สตางค์  ปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๓๙     ไข่ฟองละ ๒ บาท ในเวลาตั้ง ๒๐ ปี ขึ้นราคามาเพียง ๗๕ สตางค์ เท่านั้น  ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับราคาเนื้อหมู

                       ก็ไม่ทราบว่าจะมีใครเห็นด้วยบ้างหรือไม่.

                                                           ##########

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 8 ก.ย. 50 12:52:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom