Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    Tales of Phantom ตอนที่ 5 จุมพิตที่มาเยือนอย่างฉับพลัน

    ตอนที่ 1  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5777540/W5777540.html

    ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5782663/W5782663.html

    ตอนที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5789691/W5789691.html

    ตอนที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5796119/W5796119.html



    ตอนที่ 5

    จุมพิตที่มาเยือนอย่างฉับพลัน



    วันรุ่งขึ้น ภายในท้องพระโรงของวังแห่งอาณาจักรหริมกรดูราวกับกำลังมีพิธีการอะไรบางอย่างกระนั้น ด้วยว่าเหล่าขุนนางข้าราชบริพารต่างยืนเรียงรายอยู่ภายในท้องพระโรงกันพร้อมสรรพ รวมถึงองค์ราชาทั้งสอง และแน่นอน...รวมทั้งหมิงหลุนและเฉิงกวง

    หลังจากยืนรออยู่นานจนเท้าทั้งสองข้างเป็นเหน็บไปหมดแล้ว หมิงหลุนก็สุดจะทนหุบปากนิ่งรอได้อีกต่อไป จึงถองข้อศอกใส่เฉิงกวงที่ยืนอยู่ข้างๆ และเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงมาตั้งแต่แรกเริ่มเบาๆ พลางกระซิบถามว่า

    “นี่ เฉิงกวง ทำไมพวกเราต้องมาที่ท้องพระโรงนี่กันด้วย ? พวกเรากำลังรอใครกันอยู่หรือ ?”

    “ชิ !” เฉิงกวงแค่นเสียงอย่างเย็นชาโดยไม่สนใจหมิงหลุน

    ...อะไรกันน่ะ !... หมิงหลุนทำปากยื่นพลางนึกบ่นในใจ แต่ช่วงเวลาที่ต้องมายืนขาแข็งอยู่แบบนี้ก็ทำให้เขามีโอกาสได้สังเกตดูท่านพ่อของตนกับมกรราชาเช่นกัน ...อายุของท่านพ่อกับมกรราชาดูจะแตกต่างกันมาก ท่านพ่อดูเหมือนจะอายุประมาณ 50 ปี ส่วนมกรราชาเหมือนกับว่าอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น ทั้งยังรูปงามมาก ที่สำคัญคือดูไม่เหมือนกับคนที่มีบุตรแล้วเลยสักนิด แต่ในเมื่อเฉิงกวงไม่ใช่บุตรของมกรราชา แล้วทำไมถึงมีสีผมเหมือนกับมกรราชาได้เล่า ? อีกอย่าง มกรราชามีความเกี่ยวข้องใดกับชายผมเงินในความฝันของข้ากันหนอ ?... หมิงหลุนคิดในใจ

    ระหว่างที่หมิงหลุนกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ก็มีเสียงตะโกนแหลมสูงทอดยาวดังก้องมาจากด้านนอกท้องพระโรง

    “ท่านชายอวี้เสด็จ !”

    สิ้นเสียงตะโกนประกาศ เหล่าขุนนางภายในท้องพระโรงก็หันไปกระซิบกระซาบกันทันที โดยจากคำกระซิบกระซาบ พอจะได้ยินคำว่า “กระบี่ฮุ่นตุ้น(1)” อยู่รางๆ  หมิงหลุนหันไปมองประตูท้องพระโรงด้วยสายตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

    จังหวะที่สายตาของทุกคนต่างจ้องเขม็งไปยังประตูท้องพระโรงนั่นเอง ร่างเล็กจิ๋วร่างหนึ่งก็เดินผ่านประตูท้องพระโรงเข้ามา และเมื่อเห็นเจ้าของร่างดังกล่าวชัดตา หมิงหลุนก็ถึงกับอ้าปากค้าง...เพราะเงาร่างดังกล่าวคือเด็กน้อยร่างเล็กจ้อยที่ตัวดำมะเมื่อม บนศีรษะมีหนวดยาวสองเส้น ทั้งบนหลังยังมีเปลือกเป็นเกราะแข็งอีกต่างหาก ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนแมลงสาบอยู่ดี จากที่เห็น เด็กน้อยคนนี้น่าจะอายุแค่ไม่เกิน 10 ขวบ และถึงหน้าตาจะน่ารักน่าเอ็นดูดีอยู่ก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไรหมิงหลุนก็ไม่สามารถลากเด็กน้อยตรงหน้าไปเกี่ยวโยงกับมกรราชาผู้รูปงามได้เลย ถึงกระนั้นกระบี่วิเศษที่เด็กคนนี้ถือในลักษณะยกอยู่บนสองมือก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้เช่นกัน เพราะแม้แต่คนที่ไม่มีฤทธิ์ใดๆ เลยอย่างหมิงหลุนก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายคุกคามของกระบี่เล่มนี้ หรือกระบี่เล่มนี้คือ “กระบี่ฮุ่นตุ้น” ที่พวกขุนนางกระซิบกระซาบกันเมื่อครู่ ?

    ...หรือเด็กคนนี้จะเป็นลูกนอกสมรส ? หรือสรรพสิ่งถึงขีดสุดจักพลิกผันกันแน่ ? เหมือนอย่างที่ข้ากับท่านพ่อเป็น ?... หมิงหลุนหรี่ตามองเด็กน้อยแมลงสาบ ส่วนเด็กน้อยก็หันมาถลึงตาใส่ทั้งสองขณะที่เดินผ่านหน้าเช่นกัน

    “โอ๋ ?” ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามคนไม่ได้เลวร้ายแบบธรรมดาๆ เสียแล้ว !

    “ชิ กระทั่งมายังไม่ยอมมาเลยเรอะ ?” เฉิงกวงถลึงตาใส่เด็กชายตอบ หมิงหลุนฟังแล้วต้องหันมามองหน้าน้องชายอย่างงุนงง

    หลังจากเด็กน้อยที่ดูคล้ายแมลงสาบถือกระบี่เข้ามาถวายบังคมเบื้องหน้าราชาทั้งสอง สองราชาก็หันไปมองสบตากัน จากนั้นประกาศว่า

    “วันนี้พอแค่นี้ พวกเจ้ากลับไปได้ !”

    สิ้นเสียงบัญชา เหล่าขุนนางก็ทยอยกันออกไปจากท้องพระโรงอย่างมีระเบียบ

    “อย่างนั้นแล้วจะให้พวกเรามากันทำไม ? มาเพื่อจะดูเจ้าเตี้ยนี่น่ะหรือ ?” หมิงหลุนบ่นอุบอิบพลางถูขาที่เริ่มจะแข็งทื่อเพราะยืนมานานเกินไป “เฉิงกวง แล้วนี่เจ้าจะไปที่ไหนต่อหรือ ?” หมิงหลุนยังไม่อยากกลับไปที่วังเวหา เพราะขืนกลับไปละก็ มีหวังได้ถูกหมอหลวงป๋ายจับกรอกยาแก้โรคความจำเสื่อมอีกหม้อใหญ่แน่

    “ข้าจะไปเยี่ยมท่านแม่ของข้า” จบคำ เฉิงกวงก็นึกขึ้นได้กะทันหันว่าตัวเองไม่เห็นจำเป็นต้องรายงานอีกฝ่ายสักหน่อยว่าจะไปที่ไหน จึงเสริมขึ้นทันทีว่า “ข้าจะไปที่ไหนมันไปเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยหา ? ฮึ !” ว่าแล้วก็กระโดดพรวดขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้ววิ่งปราดๆ ไปตามยอดไม้ ลับหายไปในพริบตา

    หมิงหลุนแลบลิ้นใส่ทิศที่เฉิงกวงลับหายไป

    “เกินไปแล้ว ! ฮึ ! สุดท้ายข้าก็ได้รู้จนได้ล่ะน่า ! ว่าแต่ว่า...ท่านแม่ของเฉิงกวงอยู่ที่ไหนกันหนอ ?”


    <>::<>::<>


    หลังจากถามคนโน้นทีคนนี้ที ในที่สุดหมิงหลุนก็มาถึงสวนดอกไม้ที่เหล่านางกำนัลบอกว่าเป็นที่อยู่ของท่านแม่ของเฉิงกวงจนได้ ...แต่ทำไมพวกนางถึงมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดๆ แบบนั้นกันนะ ?... หมิงหลุนเริ่มคร้านจะไปคิดมาก

    เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางอันได้แก่สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ซึ่งอุดมไปด้วยดอกไม้หลากสีนานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมกำจาย หมิงหลุนก็ต้องอุทานในใจอย่างตื่นตะลึง

    ...ช่างเป็นสวนดอกไม้ที่สวยอะไรอย่างนี้ ! ท่านแม่ของเฉิงกวงอยู่ที่นี่หรือ ? แต่ทำไมมันถึงดูเงียบเหงาวังเวงอย่างนี้ล่ะ ? นี่ไม่มีแม้แต่นางกำนัลสักคนเลยหรือ ?... หมิงหลุนเดินเข้าไปกลางดงดอกไม้พลางเหลียวซ้ายแลขวาไปโดยรอบ แล้วจึงสังเกตเห็นว่ามีคนผู้หนึ่งยืนหันหลังอยู่ห่างออกไปข้างหน้า ...เอ๋...ข้างหน้ามีคนอยู่ด้วย ผมสีนั้น...เฉิงกวงหรือ ? ไม่ใช่สิ เสื้อผ้าไม่เหมือนกัน แล้วคนนี้ดูจะสูงกว่าเฉิงกวงเล็กน้อยด้วย... หมิงหลุนเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายพลางร้องเรียกว่า

    “โอ้ ! เจ้าน่ะ...”

    คนผู้นั้นเบือนหน้ามาจ้องหมิงหลุนด้วยสายตาเย็นเยียบ ความเย็นยะเยียบของสายตาไม่ได้อบอุ่นไปกว่าลมหนาวแห่งเหมันตกาลเลยสักนิด ในส่วนลึกของดวงตาคู่นั้นยังแฝงความรู้สึกชิงชังอยู่ด้วย ทว่าดวงหน้าของอีกฝ่ายก็งดงามมากเสียจนสุดจะสามารถสรรหาคำใดมาบรรยายได้จริงๆ...ทั้งนัยน์ตาคมกริบสีทองที่ดูประดุจดวงตะวัน คิ้วสีเงินชี้เฉียงดุจกระบี่ จมูกโด่งเป็นสันตรง ริมฝีปากบางหยักลึกได้รูป เครื่องหน้าทุกชิ้นประกอบกันได้อย่างเหมาะเจาะพอดีไร้ที่ติจนไม่น่าเชื่อ  แม้แต่เฉิงกวงกับมกรราชาที่ว่ารูปงามมากแล้ว ก็ยังเทียบบุคคลตรงหน้านี้ไม่ได้เลยแม้เพียงเศษเสี้ยว อีกทั้งความหยิ่งผยองหมิ่นแคลนทุกสรรพสิ่งที่ปรากฏในบุคลิกของอีกฝ่าย ยิ่งทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกว่าบุคคลตรงหน้าช่างดูลึกลับและน่าลุ่มหลงนัก แม้แต่หมิงหลุนที่เป็นผู้ชายแท้ๆ เห็นแล้วยังอดตะลึงไม่ได้ จากนั้นไม่ทราบสิ่งใดมาดลใจให้หมิงหลุนยืนมือออกไปลูบหน้าอกของอีกฝ่าย

    “โอ๋ เป็นผู้ชายหรอกหรือนี่ !”

    ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มเย็นชา แล้วตะปบกรงเล็บเข้าใส่หัวใจของหมิงหลุนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ! หมิงหลุนหงายหลังหลบโดยสัญชาตญาณทันควัน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ออกแรงอย่างสุดกำลังเช่นกัน กรงเล็บนั้นจึงไม่ได้แตะถูกผิวของหมิงหลุน แต่ถึงอย่างนั้นเสื้อผ้าบริเวณอกของหมิงหลุนก็ยังถูกไอปิศาจของอีกฝ่ายกัดกร่อนจนเปื่อยสลายหมดสิ้นอยู่ดี ไอปิศาจอันน่าตื่นตระหนกแผ่ผ่านเสื้อผ้าตรงเข้าสัมผัสหัวใจของหมิงหลุนในบัดดล หมิงหลุนรู้สึกเหมือนมีไอเย็นยะเยียบพุ่งเข้าปะทะโจมตีจนหัวใจเจ็บแปลบราวถูกฉีกกระชาก ขณะเดียวกันหน้าอกของเขาก็เริ่มปรากฏรอยเลือดผุดขึ้นรอยแล้วรอยเล่า หมิงหลุนแผดร้องลั่นทันทีโดยไม่สนใจภาพพจน์เจ้าชายของตน

    “โอ๊ย ! เจ็บๆๆ เจ็บจะตายอยู่แล้ว !”

    “ข้าเคยบอกไว้แล้วว่า...” น้ำเสียงของอีกฝ่ายทุ้มต่ำ แต่ยังคงเย็นยะเยียบดุจเดิม “...หากเจ้ากล้าเข้ามาใกล้ที่นี่ละก็ ข้าจะฆ่าเจ้า !” ท่าทางของเจ้าตัวไม่บ่งบอกว่ากำลังล้อเล่นเลยสักนิด

    “ข...ขอโทษ ! ข้าแค่มาหาเฉิงกวงเท่านั้น” หมิงหลุนลนลานบอก

    “ขอโทษหรือ ?” ชายหนุ่มตรงหน้าเลิกคิ้ว “นี่เจ้ากล่าวคำขอโทษต่อข้าเป็นด้วยหรือ ? อู๋หมิงหลุน !”

    “โอ๋ ?” ...จริงสิ ! ข้าคือองค์ชายรองนี่นา แล้วทำไมข้าถึงต้องลดตัวไปขอโทษขุนนางรับใช้ด้วยเล่า ?... หมิงหลุนยืดตัวตรง แล้วกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “พระราชวังเป็นบ้านของข้า แล้วทำไมข้าจะมาที่นี่ไม่ได้ ? เจ้าเป็นแค่องครักษ์เฝ้าสวนดอกไม้นี่เท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้าไม่ทราบ ?” ...พูดออกไปแบบนี้คงจะสมกับฐานะองค์ชายรองแล้วล่ะนะ !... หมิงหลุนคิด รู้สึกพอใจกับคำพูดที่ตนเพิ่งพูดออกไปเป็นอย่างมาก

    “อู๋หมิงหลุน...เจ้ารนหาที่ตายเองนะ !” ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มเย็นเยียบ แล้วตะปบกรงเล็บเข้าใส่ทันทีโดยไม่เถียงตอบ กรงเล็บนี้รวดเร็วและโหดเหี้ยมยิ่งกว่ากรงเล็บเมื่อครู่เสียอีก ! สายตาของอีกฝ่ายเปล่งรังสีอำมหิตอยู่วูบวาบ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดเล่นเลยสักนิด

    “ว้ากกก !!” ...คราวนี้ข้ามีหวังตายแน่แล้ว !... หมิงหลุนทรุดลงนั่งขดตัวกลมเอามือกุมศีรษะ ตัวสั่นพั่บๆ อย่างหวาดกลัวสุดขีด

    จากคุณ : ซีเรีย - [ 10 ก.ย. 50 04:34:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom