Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    Tales of Phantom ตอนที่ 7 ออกเดินทางสู่อาณาจักรกัณหกุมมะ

    ตอนที่ 1  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5777540/W5777540.html

    ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5782663/W5782663.html

    ตอนที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5789691/W5789691.html

    ตอนที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5796119/W5796119.html

    ตอนที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5802128/W5802128.html

    ตอนที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5808832/W5808832.html




    ตอนที่ 7

    ออกเดินทางสู่อาณาจักรกัณหกุมมะ



    ภายในวังเวหา ข้าทาสบริวารทุกคนกำลังวิ่งวุ่นช่วยหมิงหลุนเตรียมสัมภาระสำหรับออกเดินทาง หมิงหลุนตรวจดูสัมภาระของตัวเองพลางถามนางกำนัลที่ยุ่งกับการช่วยเก็บข้าวของมือเป็นระวิงว่า

    “เจ้าเก็บของที่ข้าต้องการครบทั้งหมดแล้วหรือยัง ?”

    “เก็บครบหมดแล้วเพคะ แต่ว่า...ท่านชายแน่ใจหรือเพคะว่าจะขนสัมภาระไปมากขนาดนี้จริงๆ ?” น้ำเสียงนางกำนัลเต็มไปด้วยความลังเลขณะแหงนหน้ามองกองสัมภาระที่สูงขนาดภูเขาลูกย่อมๆ

    “เฮ้อ...ได้แต่ขนไปเท่านี้แหละนะ ก็ข้าขนวังเวหาทั้งวังไปด้วยไม่ได้นี่” หมิงหลุนยักไหล่กล่าวระคนถอนหายใจโดยไม่ได้รับรู้ความหมายในคำพูดของนางกำนัลเลยสักนิด จากนั้นพลันอุทานขึ้นอย่างนึกได้ “โอ๊ะ ! จริงสิ ! ต้องเอาหมอนของข้าไปด้วย เกิดข้านอนไม่หลับ จะได้กอดมันได้ !” จากนั้นกระวีกระวาดวิ่งไปเอาหมอนทันที...


    <>::<>::<>


    หริราชา มกรราชา และเฉิงกวง แหงนหน้ามองกองสัมภาระขนาดภูเขาลูกย่อมๆ ของหมิงหลุน แล้วเหงื่อเม็ดโตก็ไหลหยดลงมาจากหน้าผากของคนทั้งสาม...

    “หมิงหลุน เจ้าจะขนของมากขนาดนี้ไปอาณาจักรกัณหกุมมะจริงๆ นะหรือ ?” หริราชาถามเรียบๆ พลางนึกฉงนในใจ ...นี่หมิงหลุนกลายเป็นคนเรื่องมากแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ?...

    หมิงหลุนกล่าวตอบโดยไม่รู้สึกถึงความนัยในคำพูดของผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย

    “หากเป็นไปได้ ข้าอยากจะพาหมอหลวงป๋ายไปด้วยพระเจ้าค่ะ” แล้วต่อในใจว่า ...ก็การต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อนกับคนที่คิดจะฆ่าข้าอยู่ตลอดเวลาตั้งสองคนน่ะ ต่อให้ขนของไปด้วยมากมายขนาดไหน มันก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยขึ้นเลยสักนิด !...

    “ไม่ได้ !” หริราชาและมกรราชาเอ่ยขึ้นพร้อมกันทันควัน “การเดินทางครั้งนี้มีไว้เพื่อเคี่ยวกรำและเพิ่มพูนความรักใคร่ระหว่างพี่น้องของพวกเจ้าโดยเฉพาะ และครั้งนี้พวกเจ้าต้องไปกันในแบบของสามัญชน ดังนั้นห้ามพาผู้รับใช้ไปด้วยเด็ดขาด !”

    “นั่นสิ ! เจ้าคิดว่าพวกเราไปเที่ยวกันหรือยังไง ?” เฉิงกวงเห็นด้วย “เอาแค่ตัวกับอาวุธไปก็พอแล้วน่า”

    หมิงหลุนเข้าไปกอดเฉิงกวงหมับทันที “งั้น เฉิงกวง เจ้าต้องช่วยคุ้มครองข้าด้วยนะ ! ชีวิตของข้าอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่ใจร้ายขนาดทนเห็นพี่ชายที่น่ารักคนนี้ทอดซากตายในต่างแดนหรอกใช่ไหม ?” สายตาหมิงหลุนคาดหวังเต็มที่

    เฉิงกวงขนลุกเกรียว พยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดของหมิงหลุนพลางตะคอกสวนเสียงห้วนจัด

    “เจ้าน่ารักตรงไหนกันหา ?”

    ก่อนที่ทั้งสองจะทันได้เอะอะโวยวายกันต่อ ก็มีเสียงเด็กคนหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังของหมิงหลุนว่า

    “ถวายบังคมพระเจ้าค่ะ องค์มกรราชา องค์หริราชา”

    ครั้นหันไปดู หมิงหลุนก็พบว่าเจ้าของเสียงคือเด็กน้อยที่ถือกระบี่เข้ามาในท้องพระโรงเมื่อไม่กี่วันก่อนนั่นเอง ซึ่งเขาดูยังไงก็ดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าเด็กคนนี้มีส่วนไหนเหมือนฉานอวี้ที่รูปงามอย่างมากคนนั้น หมิงหลุนเข้าไปนั่งยองๆ คุยกับอีกฝ่ายว่า

    “นี่ ฉานอวี้ เจ้าจะไปอาณาจักรกัณหกุมมะทั้งรูปร่างแบบนี้จริงๆ น่ะ ?” ...แหมนะ ! ก็ฉานอวี้เป็นปิศาจ มันก็น่าจะแปลงร่างได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว อีกอย่างท่านพ่อของฉานอวี้ยังบอกเองนี่ว่า ฉานอวี้ “เพิ่งจะ” อายุได้ห้าสิบปีเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังหนุ่มมากสำหรับปิศาจ ฉะนั้นการที่ฉานอวี้จะตัวเล็กแค่นี้หลังจากแปลงร่าง ก็ไม่น่าแปลกใจอยู่หรอก เพียงแต่...รูปร่างแบบนี้มันจะไม่ต่างจากรูปร่างแบบชายหนุ่มผมสีเงินที่รูปงามเสียจนลืมหายใจมากไปหน่อยหรือ ? แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเจ้านี่จะได้ฆ่าข้าไม่ได้ไง ! ฮ่าๆๆๆ !...

    ขณะที่หมิงหลุนกำลังนึกหัวเราะอย่างเบิกบานอยู่ในใจนั่นเอง เสียงทุ้มต่ำเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทางด้านหลังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “เจ้าว่าอะไรนะ ?”

    “กำลังพูดกับฉานอวี้...โอ๋ ?” คำพูดตอบของหมิงหลุนชะงักกลางคันเมื่อหันไปเห็นชัดว่าคนที่เอ่ยคำถามออกมาคือใคร แล้วก็มีอันนิ่งค้างไปทันที เพราะคนที่อยู่ด้านหลังเขาในเวลานี้ไม่ใช่ฉานอวี้แล้วจะเป็นใครได้ ? คำถามผุดขึ้นในสมองของหมิงหลุนผู้กำลังตกตะลึงตาค้างอย่างรวดเร็ว

    ...ถ้านั่นคือฉานอวี้ อย่างนั้น...เจ้าเด็กเตี้ยนี่คือใครกัน ? แล้ว...แล้วทำไมสีหน้าของฉานอวี้ถึงได้น่ากลัวจนน่าขนลุกอย่างนั้นล่ะเนี่ย ? แถมยังยืนค้ำหัวก้มลงมามองข้าแบบนั้นอีก ความรู้สึกกดดันแบบนี้มัน... ครั้นแล้วหมิงหลุนก็มองเห็นว่าฉานอวี้กำลังยื่นหัตห์มารตรงเข้ามาหาเขา จึงรีบเอามือกุมศีรษะแหกปากร้องลั่นทันที

    “ว้ากกกก ! ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น อย่าฆ่าข้านะ !”

    เด็กน้อยหน้าตาคล้ายแมลงสาบถลึงตาใส่หมิงหลุนพร้อมกับพูดเสียงกระด้าง

    “ใครจะฆ่าเจ้ากัน ?”

    “ยังต้องบอกอีกเรอะ ! โอ๋ ?” จังหวะที่เงยหน้าขึ้นตอบเด็กชาย หมิงหลุนถึงค่อยเห็นว่าฉานอวี้ไม่ได้คิดจะฆ่าเขา แต่ยื่นมือไปรับกระบี่ฮุ่นตุ้นที่เด็กชายยื่นส่งไปให้ต่างหาก

    “นี่เจ้าเป็นโรคฟุ้งซ่านชอบคิดไปเองหรือเปล่า ?” เด็กชายกล่าวอย่างดูแคลน

    หมิงหลุนโต้กลับเสียงดังลั่นทันที “พูดเป็นเล่น ! ครั้งก่อนเจ้านั่นเกือบจะฆ่าข้าแล้วนะ ! นี่ถ้าไม่เพราะได้เฉิงกวงช่วยไว้ละก็ ข้ามีหวังตายไปแล้วด้วยซ้ำ !”

    ครั้นได้ยินคำพูดนี้ ฉานอวี้ที่เดิมทีหันกายหมายผละจากไปโดยไม่คิดจะสนใจหมิงหลุนอีกก็พลันชะงัก และเบือนหน้ากลับมาช้าๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบจนสามารถแช่แข็งหมิงหลุนตายคาที่ได้

    “เจ้า...อยากตายมากเพียงนี้เทียว ?”

    หมิงหลุนหน้าซีดเผือด ละล่ำละลักปากคอสั่น

    “ม...ไม่ใช่...ข...ข้า...ข้าแค่พูดเล่น !” และเมื่อเหลือบไปเห็นมือขวาของฉานอวี้ขยับไปกุมด้ามกระบี่ฮุ่นตุ้น เส้นขนทั่วร่างก็เหมือนจะพร้อมใจกันลุกชันโดยพร้อมเพรียง โดยเฉพาะที่อยู่บนศีรษะ “ข...ข้าแค่...แค่พูดไปงั้นเอง ว้ากกก !! ท่านพ่อออ ! ช่วยข้าด้วยยยย !!” ท้ายประโยคกรีดร้องเสียงแหลม แล้วเผ่นแน่บไปซ่อนอยู่ด้านหลังหริราชาทันที

    ครั้นหริราชาเห็นว่าที่ราชาคนต่อไปอย่างหมิงหลุนแสดงท่าทีขี้ขลาดตาขาวถึงขนาดนี้ออกมาต่อหน้าทุกคน ก็ให้รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง ขมวดคิ้วดุว่า

    “หมิงหลุน เจ้ากลายเป็นคนขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ?” ...เมื่อก่อนหมิงหลุนไม่ได้เป็นอย่างนี้เลยสักนิด นี่ดูอย่างกับเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น... “ในฐานะว่าที่ราชาคนต่อไป เจ้าควรจะยืดอกรับคำท้าดวลด้วยความองอาจห้าวหาญถึงจะถูก !”

    “อย่าล้อเล่นสิพระเจ้าค่ะท่านพ่อ นี่มันถึงตายเชียวนะ ! แผลที่ได้ครั้งก่อนยังไม่ทันได้หายดีเลยด้วยซ้ำ !” หมิงหลุนโวยวายมาจากข้างหลัง มือจับไหล่ผู้เป็นพ่อแน่น เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย

    สุดท้ายมกรราชาต้องเป็นผู้ออกมาห้ามศึกโดยเอ่ยกับฉานอวี้เสียงเข้มงวด

    “ฉานอวี้ พอได้แล้ว” แม้มกรราชาจะทราบดีว่าหากฉานอวี้ลงมือละก็ หมิงหลุนมีแต่ต้องตายสถานเดียวอย่างแน่นอน และทราบดีว่าชายหนุ่มทั้งสองเป็นเหมือนน้ำกับไฟที่คิดแต่จะพิฆาตฆ่าอีกฝ่ายให้ดับดิ้นมาแต่ไหนแต่ไรก็ตาม กระนั้นนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ฉานอวี้ลงมือต่อหน้าเขากับหริราชาอย่างโจ่งแจ้ง อีกทั้งดูเหมือนฉานอวี้ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าหมิงหลุนแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นหมิงหลุนคงได้ตายไปนานแล้ว ดูเหมือนฉานอวี้จะต้องการทดสอบหมิงหลุนเสียมากกว่า !

    “หึ !” ฉานอวี้แค่นเสียงเย็น เขาไม่ได้คิดที่จะลงมือจริงจังดังที่มกรราชาคาด และฉวยโอกาสนี้ระงับท่าทีกลับเป็นปกติ

    หมิงหลุนลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นฉานอวี้ยอมหยุดมือ แล้วพลันนึกแผนบางอย่างได้กะทันหัน จึงรีบทรุดลงนั่งเอามือกุมท้องพลางร้องครวญครางทันที

    “โอ๊ย ! โอยยยยยย...”

    หริราชาถามอย่างแปลกใจกึ่งรำคาญ “เป็นอะไรไปหรือ ?” ...เมื่อกี้ก็ยังดีๆ อยู่เลยนี่นา ? แล้วก็ไม่ได้ถูกฉานอวี้ฟันใส่สักหน่อย...

    “ท้องข้า ปวดเหลือเกิน...” หมิงหลุนครวญ แกล้งทำสีหน้าว่าเจ็บปวดอย่างเหลือแสนขณะที่ในใจเข่นนึกเขี้ยว ...อย่าล้อเล่นน่า ! ตอนนี้เพราะมีท่านพ่อกับมกรราชาอยู่ด้วยหรอก ข้าถึงได้ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าออกเดินทางละก็ ข้าก็ต้องอยู่กับฉานอวี้และเฉิงกวงตามลำพังน่ะสิ ! แล้วเฉิงกวงก็ดันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉานอวี้เสียด้วย แบบนี้ข้าไม่ตายแน่ๆ หรอกรึ ?...

    “ปวดท้องหรือ ? อย่างนั้นข้าจะให้คนหาสัตว์บินให้เจ้าสักตัวก็แล้วกัน” หริราชาไม่มีทีท่าว่าจะเห็นใจแม้แต่น้อย

    “ท่านพ่อ ! ท่านพ่อใจร้ายพอจะส่งลูกชายที่น่ารักของท่านพ่อไปพบจุดจบจริงๆ หรือพระเจ้าค่ะ ?” หมิงหลุนแผดเสียงโวยวายลั่นโดยลืมไปเสียสนิทว่ากำลังโกหกว่าปวดท้องอยู่

    เด็กน้อยแมลงสาบเดินเข้ามาหาหมิงหลุนในจังหวะนี้พอดี พร้อมกับกระตุกชายเสื้อหมิงหลุน ถามอย่างสงสัยว่า

    “เจ้าป่วยจริงๆ น่ะหรือ ? ก็เห็นดูสบายดีอยู่เลยนี่นา !”

    “หุบปากน่า !” หมิงหลุนหันไปแยกเขี้ยวใส่

    หริราชากระแอมเบาๆ แล้วกล่าวเสียงกังวานโดยไม่สนใจเสียงกล่าวจากด้านหลัง

    “เอาละ อย่างนั้นข้าจะขอประกาศว่า...”

    “ข้าไม่ต้องไปแล้วใช่ไหมท่านพ่อ ?” หมิงหลุนถามแทรกอย่างดีอกดีใจ ...ฮ่าๆๆ แบบนี้ก็ได้ผลด้วย !...

    ทว่าสิ่งที่หริราชาประกาศออกมาคือ

    “องค์ชายทั้งสามเริ่มออกเดินทางสู่อาณาจักรกัณหกุมมะ ณ บัดนี้ !”

    หมิงหลุนร้องเสียงหลง รอยยิ้มย่องเหือดหายจากใบหน้าในพริบตา

    “หา ? ม...ไม่เอานะ !” ...คราวนี้ข้าตายแน่แล้ว... หมิงหลุนคร่ำครวญอย่างโหยหวนในใจ มือกอดหริราชาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อย

    เฉิงกวงซึ่งทนดูเงียบๆ มาตลอดสุดจะทนไหวอีกต่อไป จึงสาวเท้าเข้ามาคว้าหลังคอเสื้อของหมิงหลุนลากออกไปด้วยกันทันที ขณะเดียวกันองครักษ์หลายนายก็เข้ามาช่วยกันแกะมือของหมิงหลุนออกจากตัวหริราชา

    และแล้วหมิงหลุนก็ถูกบังคับแกะออกจากตัวของหริราชาไปจนได้ แต่ระหว่างที่ถูกเฉิงกวงลากคอเดินอาดๆ หมิงหลุนก็รีบคว้าลำต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ เส้นทางเดินแทนที่ทันที แล้วกอดเอาไว้แน่นชนิดเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย

    จากคุณ : ซีเรีย - [ 14 ก.ย. 50 03:24:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom