ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5777540/W5777540.html
ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5782663/W5782663.html
ตอนที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5789691/W5789691.html
ตอนที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5796119/W5796119.html
ตอนที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5802128/W5802128.html
ตอนที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5808832/W5808832.html
ตอนที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5816180/W5816180.html
ตอนที่ 8
ป่าแห่งมายา
ม่านหมอก...คลี่คลุมลงมาหนาหนักมากขึ้นทุกที...ทุกที...ภาพรอบด้านเริ่มพร่ามัวลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมองอะไรไม่เห็นอีกเลย...
นี่ ! เฉิงกวงตวาดขึ้นอย่างทันทีทันใด ป่าที่เดิมทีดูลึกลับวังเวงอยู่แล้วถูกเสียงนี้ของเฉิงกวงขับเน้นให้ยิ่งลึกลับไม่ชอบมาพากลหนักเข้าไปใหญ่
อ...อะไร ? หมิงหลุนถามเสียงสั่น
จะกลัวก็ให้มันมีขอบเขตเสียบ้าง ! เฉิงกวงหันหน้ามากระชากเสียงใส่หมิงหลุนที่เวลานี้คางแทบจะเกยอยู่บนไหล่ของเขาอยู่รอมร่อ ส่วนมือเท้าก็รัดตัวของเขาเอาไว้แน่นราวกับปลาหมึก ต่อให้กลัวขนาดไหนเจ้าก็น่าจะลงมาเดินเองบ้างสักพักสิ ! ตอนแรกหมิงหลุนยังแค่วางมือลงบนไหล่ของเขา จากนั้นเปลี่ยนเป็นโอบมือรอบคอ ตัวขยับมาจนชิด สุดท้ายกระทั่งสองขายังพลอยยกขึ้นมาพันรอบเอวเขาไปด้วย เลยกลายเป็นว่าหมอบอยู่บนตัวของเฉิงกวงทั้งตัวไปเสียแล้ว ประหนึ่งเด็กน้อยที่ต้องการให้มารดาปกป้องอย่างไรอย่างนั้น
แต่ว่า...มันน่ากลัวมากเลยนี่ ! มองไม่เห็นอะไรรอบๆ เลยสักนิด เหมือนกับจะมีปิศาจโผล่ออกมาได้ตลอดเวลาอย่างนั้นล่ะ ตั้งแต่เข้ามาในป่าแห่งนี้ ขนของหมิงหลุนก็ลุกเกรียวตลอดเวลาไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยแม้เพียงชั่วครู่
อาไท่ที่เดินอยู่ข้างหน้ากับฉานอวี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูแคลน
ชิ กระต่ายตื่นตูมจริงๆ พวกปิศาจน่ะไม่โจมตีมนุษย์กันง่ายๆ หรอก ! ถึงตัวอาไท่เองจะกลัวมากเหมือนกันก็ตาม แต่เนื่องจากมีฉานอวี้อยู่ด้วย อาไท่จึงไม่รู้สึกอะไรมากเท่าไรนัก
ไม่ต้องเลย อย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนข้า ! ถ้าเจ้าไม่กลัวละก็ เจ้าจะดึงชายเสื้อฉานอวี้ไม่ยอมปล่อยแบบนั้นทำไมไม่ทราบ ?! หมิงหลุนโต้กลับเสียงดัง มีแต่เวลาแบบนี้นี่แหละที่เสียงของเขาจะดังหนักแน่นหน่อย
ข้ายังเป็นแค่เด็กเท่านั้น ทำไมต้องถือสาจริงจังด้วย ? อาไท่รีบยกอายุตัวเองขึ้นมาเป็นโล่ทันที
...ไอ้เจ้านี่นี่...ความกลัวน่ะมันไม่มีการแบ่งแยกอายุหรอกนะ !... หมิงหลุนเข่นเขี้ยวในใจ
แต่แล้วฉานอวี้กลับชะงักเท้าลงกะทันหัน ทำเอาอาไท่หยุดไม่ทันเดินชนหลังเข้าให้เต็มเปา
ท่านชายอวี้ มีอะไรหรือพระเจ้าค่ะ ? ...ดูท่าทางท่านชายอวี้จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง... อาไท่คิดแล้วรีบปล่อยมือจากชายเสื้อของเจ้านายทันที
ฉานอวี้ไม่ตอบ แต่พลันกระโดดวูบขึ้นไปบนยอดไม้ แล้วพริบตาเดียวก็หายวับไปกับม่านหมอกหนาทึบ เฉิงกวงเห็นเข้าก็ชี้มาที่อาไท่พลางตะโกนลั่น
เฮ้ ! ถ้าจะไปอย่างน้อยก็พาเจ้านี่ไปด้วยสิ ! ไม่รับผิดชอบเอาซะเลย ! น่าเสียดายที่ถึงจะร้องตะโกนจนคอหอยแตกก็ตาม ฉานอวี้ก็ไม่มีทางได้ยินอยู่ดี
เกินไปแล้วนะ ทำไมต้องทิ้งตัวภาระนี่ไว้ให้พวกเราด้วย ! หมิงหลุนไม่ค่อยพอใจนิสัยไปมาเพียงลำพังนี้ของฉานอวี้เช่นกัน แม้ว่าตอนนี้จะแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ฉานอวี้ไปๆ เสียได้ก็ตาม
คนที่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าตัวเองต่างหากที่เป็นตัวภาระไม่มีสิทธิ์มาว่าข้า อาไท่หันมามองหมิงหลุนที่ยังคงเกาะเฉิงกวงหนึบไม่ยอมปล่อยพลางแขวะกลับ
เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเอะอะ ! เฉิงกวงตวาด เริ่มรู้สึกแล้วเช่นกันว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้
อะไรหรือ ? ไม่ต้องรอฉานอวี้แล้วล่ะน่า พวกเราไปกันเถอะ ! หมิงหลุนไม่รู้สึกถึงอะไรทั้งนั้น
ประสาทสัมผัสของมนุษย์นี่เฉื่อยขนาดนี้เชียว ? อาไท่แขวะ เพราะแม้แต่อาไท่เองก็ยังเริ่มสัมผัสได้แล้ว
เฉิงกวงสะบัดตัวพรืดเหมือนสุนัขสลัดหมิงหลุนกระเด็นหลุดจากตัวตกลงไปที่พื้นเหมือนตัวหมัด จากนั้นเริ่มหักข้อนิ้วดังกร็อบๆ พลางกล่าวอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
ฮี่ฮี่ ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานานเลยนะนี่ !
แฮ่ฮ่ฮ่ฮ่ฮ่ ! ปิศาจตนหนึ่งปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าทั้งสามโดยเหยียบต้นไม้ต้นหนึ่งล้มครืน มือรัวทุบอก จากนั้นพุ่งเข้าโจมตีใส่หมิงหลุนทันที
แว้ก ! ไหนบอกว่าปิศาจจะไม่โจมตีมนุษย์กันง่ายๆ ไง ? หมิงหลุนร้องลั่น ทรุดนั่งลงเอามือกุมศีรษะแน่นหลับตาปี๋ เฉิงกวงเข้ามารับการโจมตีนี้แทนหมิงหลุนทันควัน
หึ ! หัวโตดีนี่...อู๋หมิงหลุน พวกเจ้าหลบไปอยู่ที่ปลอดภัยกันก่อน ท้ายประโยค เฉิงกวงหันไปกล่าว แล้วจึงพบว่าบัดนี้หมิงหลุนที่เมื่อครู่ก่อนตกใจกลัวจนเข่าอ่อนได้เผ่นแนบหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับบินเสียแล้ว แถมยังวิ่งพลางร้องตะโกนตอบกลับมาไปพลางอีกต่างหากว่า
ยังต้องรอให้เจ้าบอกอีกเรอะ !
รอข้าด้วยสิ ! อาไท่ร้องลั่น ตัวเขาเองก็ไม่มีพลังต่อสู้ใดๆ เลยเช่นกัน และถึงแม้การอยู่กับหมิงหลุนจะอันตรายอย่างยิ่งก็ตาม แต่เวลานี้เฉิงกวงดันอยู่แนวหน้าสุดนี่สิ แล้วเขาก็ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ไปอีกหลายๆ ปีเสียด้วย !
หึ ! ไม่มีตัวเกะกะแล้ว ข้าจะได้ลงไม้ลงมือได้เต็มที่หน่อย ! สีหน้าเฉิงกวงกระตือรือร้นอย่างยิ่งยวด
<>::<>::<>
อีกด้านหนึ่ง...
ฉานอวี้พุ่งปราดๆ ไปเหนือยอดไม้อย่างรวดเร็วพลางคิดในใจ
...กลิ่นอายของ เขา จริงๆ ด้วย ไม่ผิดแน่ !...
ครั้นแล้วเสียงของน้ำค่อยๆ แว่วมากระทบโสตทีละน้อย
น้ำตกอย่างนั้นหรือ ? ที่นี่มีภาชนะเทพบรรพกาลด้วยหรือ ? เหตุใด เขา จึงมาปรากฏตัวที่ป่าแห่งมายานี้เล่า ?... สายตาฉานอวี้เริ่มจับภาพน้ำตกที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างเลือนราง ...ท...ที่นี่มัน... ฉานอวี้ทิ้งตัวลงหยุดยืนยังริมน้ำตกในอาการตกตะลึง ...น้ำตกนี้มันน่าจะอยู่ที่อาณาจักรธวลาพยัคฆ์ไม่ใช่หรือ ? เหตุใดจึงมาปรากฏอยู่ที่นี่ได้เล่า ?...
......
หนึ่งปีก่อน...
ปิศาจหลายตนปรากฏขึ้นสกัดขวางทางหนุ่มน้อยผมทองและฉานอวี้พร้อมกับตะคอกว่า
รีบบอกมาเดี๋ยวนี้ ! ระฆังอยู่ที่ไหน !
ระฆังอะไร ? หนุ่มน้อยมองพวกมันอย่างงุนงง ขณะที่ฉานอวี้เริ่มชักกระบี่ฮุ่นตุ้นออกมาเตรียมสังหารเหล่าปิศาจที่ขวางทาง
ระฆังจักรพรรดิบูรพา ! ระฆังเทพเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถนำพาไปยังโลกใบอื่นได้ซึ่งเก็บรักษาอยู่ที่เกาะเซียวหยาวไงเล่า ! เจ้ามีหรือจะไม่รู้ ?
อ้อ เจ้าหมายถึงระฆังนั่นเองหรอกหรือ...แต่เจ้าก็บอกเองนี่ว่ามันถูกเก็บไว้ที่เกาะเซียวหยาวไง ! หนุ่มน้อยเอ่ยยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มแบบดูแคลนเหล่าปิศาจผู้โง่เขลาที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกันนั้นหนุ่มน้อยก็กัดนิ้วตัวเองจนเลือดออกทันที
ปัญหาคือ เกาะเซียวหยาวอยู่ที่ไหน !
หึ ! เกาะศักดิ์สิทธิ์ไม่มีที่ให้ปิศาจชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าชุบมือเปิบหรอกน่า ทันทีที่หยดเลือดผุดขึ้น ณ ปลายนิ้ว สายตาของหนุ่มน้อยก็พลันเปลี่ยนไปในบัดดล หนุ่มน้อยห้ามฉานอวี้ที่กำลังจะโจมตีทันควัน เอ่ยต่อเนิบๆ แล้วก็ดูเหมือนพวกเจ้าจะเข้าใจอะไรผิดไปเสียแล้ว ข้าน่ะไม่ได้แค่ชอบกางเขตแดนเพียงอย่างเดียวหรอกนะ ระหว่างที่พูด หนุ่มน้อยก็ชี้นิ้วไปทางเหล่าปิศาจตรงหน้า พริบตานั้นร่างของเหล่าปิศาจก็เริ่มปริแยกออกจากกันทันที ขณะเดียวกันไอดำกลุ่มหนึ่งก็พลันพลุ่งขึ้นจากซากศพของเหล่าปิศาจ หึ ! จริงๆ ด้วย เป้าหมายของพวกเจ้าไม่ใช่ระฆังจักรพรรดิบูรพา แต่เป็นคิดจะทำลายกาหลอมปิศาจต่างหากสินะ ! หนุ่มน้อยพุ่งพราดเข้าไปอย่างฉับพลัน ทว่าฉานอวี้กลับล่วงหน้าเขาไปหนึ่งก้าวแล้วและชิงใช้กระบี่ฮุ่นตุ้นฟันไอดำขาดสะบั้นโดยไม่ปล่อยให้มันรวมตัวกันเป็นรูปเป็นร่างได้ ขณะที่พลังฝ่ามือของหนุ่มน้อยได้พุ่งเข้าปะทะจนกลุ่มไอดำแตกกระจากสลายไป
โอ้ ขอบคุณมาก ! คำพูดขอบคุณเพิ่งหลุดจากปาก หนุ่มน้อยก็พลันพบว่าฉานอวี้ได้ชี้ปลายกระบี่มาที่คอหอยของตน พร้อมกับเอ่ยถามเสียงเย็น
เจ้าเป็นใครกันแน่ ?
ข้าบอกเจ้าแล้วนี่ว่า ข้าเป็นแค่คนพเนจรเท่านั้น หนุ่มน้อยหัวเราะ อีกอย่างเจ้าเอาของแบบนี้มาชี้ใส่พวกเดียวกันนี่ออกจะอันตรายเกินไปหน่อยกระมัง ? กล่าวพลางเลื่อนปลายกระบี่ออกห่างไปเบาๆ
เหตุใดเจ้าถึงรู้ที่ตั้งของเกาะเซียวหยาว ? เกาะเซียวหยาวเป็นสถานที่แห่งเดียวซึ่งรอดพ้นจากการถูกโจมตีเมื่อคราวเหล่าทวยเทพทำการชำระช้างโลกนี้ กล่าวกันว่าจนถึงบัดนี้เกาะแห่งนั้นก็ยังมีพลังแห่งเทพคุ้มครองอยู่ ผู้ซึ่งสามารถไปถึงที่นั่นจะได้ดูดซับพลังเทพอันไม่มีวันหมดสิ้นของเกาะ และได้รับพลังมหาศาล ด้วยเหตุนี้จึงมีมนุษย์และปิศาจเป็นจำนวนไม่น้อยที่พยายามเสาะหาเกาะเซียวหยาว ทว่ากลับไม่มีผู้ใดหาพบเลยสักราย และเล่าลือกันว่าหนุ่มน้อยผู้นี้ก็คือบุคคลเพียงผู้เดียวซึ่งรู้ที่ตั้งของเกาะเซียวหยาว ดังนั้นตลอดทางจึงมีทั้งมนุษย์และปิศาจเป็นจำนวนมากมาคอยขวางทางหาเรื่องเอากับหนุ่มน้อย
ฮ่าฮ่า...ข้าไม่รู้สักหน่อย ! ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคนไหนที่มีความแค้นอยู่กับข้าดันเที่ยวไปปล่อยข่าวลือนี้เสียทั่ว นี่ถ้าข้าหาเจ้าตัวการนั่นพบละก็ จะขออัดให้ฟันร่วงหมดปากเลยเทียว ! ว่าแต่ฉานอวี้ เจ้าก็อยากจะไปที่เกาะนั้นด้วยหรือ ?
หึ ! ข้าไม่สนใจเรื่องอื่นนอกเหนือจากกระบี่เซวียนหยวน ฉานอวี้เอ่ยเสียงเย็น
อย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นหลังจากได้กระบี่เซวียนหยวนมาแล้ว เจ้ายกกระบี่ฮุ่นตุ้นให้ข้าเถิดนะ ! เพราะว่าข้ากำลังสะสมภาชนะเทพอยู่ แล้ว...ถ้ากระบี่เซวียนหยวนเลือกเจ้าละก็ ข้าจะยกมันให้เจ้าก็แล้วกัน หนุ่มน้อยกล่าวอย่างใจกว้าง
เจ้าจะสะสมของพวกนี้ไปทำไมกัน? ฉานอวี้ย้อนถามขณะคิดในใจอย่างดูแคลน ...จะยกกระบี่เซวียนหยวนให้ข้าอย่างนั้นหรือ ? กระบี่เซวียนหยวนมีหรือจะถูกเจ้าเอามาได้ ปิศาจที่เฝ้ารักษามันน่ะร้ายกาจยิ่งกว่าฮุ่นตุ้นถึงร้อยเท่า !...
มันก็ต้องมีประโยชน์อยู่แล้วล่ะ ! หนุ่มน้อยเอ่ยตอบขณะมองซากศพของเหล่าปิศาจที่กระจายอยู่บนพื้นอย่างครุ่นคิด ...ดูเหมือนรอยร้าวจะขยายตัวขึ้นอีกแล้ว ไม่ได้ ! ข้าต้องเร่งมือให้เร็วกว่านี้... แล้วจึงละสายตาจากซากศพปิศาจหันมายิ้มให้ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณเจ้ามาก ข้าแค่ช่วยรักษาบาดแผลให้เจ้าเล็กน้อยเท่านั้น เจ้ากลับคอยช่วยคุ้มครองข้าอยู่ตลอด
ฉานอวี้เอ่ยตอบอย่างเย็นชา ข้าไม่ชอบติดค้างอะไรใคร หากวันใดข้ารู้สึกว่าไม่ได้ติดค้างเจ้าอีกละก็ ต่อให้เจ้าคุกเข่าลงร้องไห้อ้อนวอน ข้าก็ไม่มีทางรั้งอยู่แน่
......
จากคุณ :
ซีเรีย
- [
16 ก.ย. 50 03:56:49
]