เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่ผมลาออกงาน อาจจะเป็นเพราะเบื่อหรือว่าเหตุผลใดผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ บางทีผมอาจจะเบื่อการการทำงานอันจำเจตลอดระยะเวลาหลายปี หรือบางทีผมอาจจะเห็นเงินค่าจ้างเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าอะไรมากนัก นอกจากใช้มันแลกกับความต้องการที่จำเป็นบางอย่างสำหรับการดำรงชีวิต หรือไม่ก็เพื่อแลกกับความพึงใจบางอย่างที่แทบจะไม่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตเลย
ซึ่งบางทีผมคงคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจลาออกมาจากงาน คงไม่มีนายจ้างคนใดจะรับคนที่ทำงานไปวัน ๆ ขาดความกระตือรือร้นเข้าทำงาน และมันคงจะเป็นทางออกสุดท้ายที่ดูลงตัวกันทั้งสองฝ่ายระหว่างนายจ้างและลูกจ้างผู้ไม่มีใจให้กับงานอย่างผม
ตลอดเวลาหนึ่งเดือนนี้ไม่ได้ทำให้อะไร ๆ ในตัวผมดูเป็นมนุษย์ผู้กระหายในความสำเร็จเลย การตระเวนสมัครงานอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างเมื่อหลายปีก่อนไม่เคยอยู่ในหัว
สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผมกำลังสับสนในชีวิต ไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็คงเป็นเพราะผมยังอุ่นใจกับเงินเก็บในบัญชีของผม ซึ่งอย่างน้อย ๆ มันก็สามารถทำให้ผมกินอยู่ได้อย่างสบายตลอดระยะเวลาสามเดือน ส่วนหลังจากนั้นชีวิตของผมจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องของอนาคต
บางทีการเป็นคนโสดอย่างผมก็ดีอย่าง คือไม่ต้องห่วงกับภาระครอบครัวให้วุ่นวาย ไม่ต้องแบกภาระอันหนักหน่วงหลายอย่าง ถึงแม้จะตกงานก็ไม่ห่วงว่าจะมีใครมาอดกับผม ถึงแม้จะไม่มีเงินติดตัวสักบาทเดียว อย่างน้อย ๆ ผมก็อุ่นใจว่าไม่มีใครต้องมาทนลำบากกับผม แต่ในบางครั้งความรู้สึกบางอย่างก็แผ่ซ่านเข้ามา แต่ผมก็รับมือและขจัดมันออกไปได้ทุกครั้งไป
การที่มีใครสักคนคอยดูแล กับการได้ดูแลใครสักคน อาจจะเป็นคำพูดที่ฟังดูดี แต่ผมไม่ยอมให้คำพูดอันดูดีนี้มาทำให้ใจผมหวั่นไหว คำว่า ความรัก สำหรับผมแล้วมันห่างไกลกันมาก พยายามบอกกับตัวเองตัวเองหลายครั้ง อย่าไปสนใจ มันก็แค่อารมณ์บางอย่างของมนุษย์ มันเป็นอะไรบางอย่างที่มนุษย์มองมันเป็นสิ่งสวยงาม แท้ที่จริงแล้วมันเป็นเพียงสิ่งล่อหลอกให้คนสองคนมาสานสัมพันธ์กัน มันเป็นอารมณ์ความต้องการที่อยากจะสืบเผ่าพันธุ์ธรรมดาของสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม มันคือธรรมชาติที่มนุษย์ทุกผู้หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในหลาย ๆ ครั้งที่ผมขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวัน ในหลาย ๆ ครั้งที่ผมนั่งเหม่อ คิดอะไรคนเดียวอยู่ที่สวนสาธารณะ แล้วคำถามอันน่าสะอิดสะเอียนสำหรับผมก็ผุดขึ้นมาจากหัวสมอง
มนุษย์เกิดมาทำไม?
แม้จะเป็นคำถามชวนคลื่นเหียนสำหรับผมเมื่อหลายปีก่อน ผมแทบจะเดินหนีเมื่อมีคนพร่ำบ่นกับชีวิตให้ฟัง ถึงตอนนี้ผมกลับเป็นคนถามคำถามอันน่าสะอิดสะเอียนนี้เสียเอง ผมคงถามใครไม่ได้ มันคงไม่ต่างจากที่ผมเดินหนีกับคนที่ถามผมแบบนี้เช่นเดียวกัน
ถ้าผมย้อนเวลากลับไปอดีตได้ ผมคงอยากถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางทีพระองค์อาจจะมีคำตอบให้กับผมบ้าง หรือไม่ถ้าพระองค์มองเห็นอนาคตพระองค์จะรู้ไหมว่าหลักคำสอนของพระองค์นั้นไม่ได้ทำให้ผมหลุดพ้นจากโลกอันวุ่นวายนี้เสียที ผมคงละทุกอย่างไม่ได้หมด ผมคงเป็นบัวใต้น้ำที่ไม่สามารถเข้าถึงหลักคำสอนของพระองค์ ผมคงต้องเรียนรู้อะไรอีกหลายอย่างกว่าที่จะเข้าใจโลกใบนี้ และกว่าที่จะเข้าใจอย่างที่พระองค์ทรงเข้าใจ
คืนหนึ่งผมเดินเตร่คิดอะไรคนเดียวริมฟุตบาท รถลาบนท้องถนนยังดูคึกคัก แท็กซี่หลายคันจอดรอรับผู้โดยสาร บางคันก็รับผู้โดยสารเมาแอ๋ขึ้นรถขับออกไป ทั้งสองฝั่งของถนนเป็นผับ เธค บาร์เหล้า อาบอบนวด ต่างก็เปิดไฟสว่างไสวดึงดูดนักเที่ยว หญิงสาวใส่ชุดรัดรูปนั่งอยู่ข้างหน้าไว้เชิญชวนลูกค้า หล่อนยิ้มให้ผม โดยมรรยาทแล้วผมต้องยิ้มตอบ แต่ผมกลับก้มหน้าหลบสายตาเธอ และผมก็ตอบตัวเองไม่ได้อีกตามเคยว่าทำไม
เสียงเพลงจากข้างในดังเล็ดลอดออกมาจนถึงริมถนน วันนี้นักท่องราตรีดูหนาตา หรือปกติก็คงเป็นอย่างนี้ผมไม่รู้ แต่ที่พอจะรู้ก็คือพวกเขาคงมีความสุขกับการได้เที่ยวผ่อนคลาย หาความสุขสนุกใส่ตัว พวกเขาคงไม่ได้คิดอะไรมากมายไร้สาระเหมือนกับที่ผมคิด บางครั้งก็นึกขันตัวเอง คนวัยยี่สิบปลาย ๆ อย่างผมน่าจะสนุกกับชีวิต เดินทางตามความฝัน ใฝ่หาความสำเร็จ มีการงานที่มั่นคง หรือไม่ก็กำลังเริ่มต้นชีวิตคู่ที่แสนหวาน มากกว่าที่จะมีคิดอะไรที่ไร้สาระแบบนี้
แต่วันนี้คำถามที่ว่า มนุษย์เกิดมาทำไม อาจจะมีคำตอบอยู่ที่แห่งนี้ มนุษย์อาจจะเกิดมาเพื่อแสวงหาความสุข อ้าแขนรับความสบาย และกอบโกยความบันเทิงใส่ตัว
เที่ยวไหมค่ะ เสียงหล่อนพูดขึ้นหลังจากที่ผมกำลังจะเดินผ่านไป
ผมมองไปที่หล่อน พยายามหรี่ตาให้หลบแสงไฟที่ส่องมาจากด้านหลังเธอ เสียงเพลงจากข้างในประกอบกับเสียงรถที่แล่นบนถนนทำให้ผมไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร
อะไรนะครับ ผมถาม
หล่อนยิ้ม เข้าไปข้างในซี เดี๋ยวจะบอก
มีอะไรอยู่ข้างในเหรอ ผมแกล้งถาม
หล่อนหัวเราะคิก ๆ อยากรู้ก็ต้องเข้าไปดูเอง
ผมเดินตามหลังเธอเข้าไป หล่อนพาผมไปหาผู้หญิงอีกคน เสียงเพลงจากข้างในดูจะดังกว่าข้างนอกหลายเท่า แล้วพื้นที่ด้านในก็ดูกว้างกว่าที่ผมคิดไว้มาก ด้านหนึ่งเป็นเวทีมีหญิงสาวใส่ชุดวาบหวิวเต้นอย่างเร้าร้อนบนเวที อีกด้านหนึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมล้อมรอบด้วยกระจก ข้างในก็มีหญิงสาวมีเบอร์ติดไว้บนอกเสื้อ
ชอบคนไหนคะ หญิงผมดัดทำไฮไลด์สีแดงถามผม หล่อนดูมีอายุมากกว่าใครในห้องกระจกนั้น
ผมอึกอัก มองซ้ายแลขวา
เชิญนั่งก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวค่อย ๆ เลือก หล่อนพาผมไปนั่งตรงโซฟา
รับเครื่องดื่มอะไรก่อนดีคะ
ผมอึกอักอีกครั้ง ก่อนจะตอบ เอาน้ำเปล่าก็ได้ครับ
หล่อนพยักหน้าให้พนักงานเสิร์ฟไปเอาน้ำมาให้ แล้วหล่อนก็แนะนำหญิงในตู้กระจกให้ผม หล่อนสาธยายอยู่นาน ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง
นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมตอบกับตัวเองไม่ได้อีกตามเคย ว่าผมต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต อีกอย่างผมมาทำอะไรที่ และจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ในชีวิตของผม
ชีวิตต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก กว่าจะเข้าใจ กว่าจะรู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของชีวิต พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นอัจฉริยภาพทางปัญญา พระองค์ทรงมีพระโอรส มีครอบครัว แต่นั่นหาใช่ความสุขที่พระองค์ทรงปราถนา หาใช่สิ่งที่ทำให้มนุษย์หลุดพ้น แต่กว่าที่พระองค์จะรู้ก็ต่อเมื่อพระองค์ทดลองแล้วต่างหาก บางทีนี่อาจจะเป็นบททดสอบหนึ่งของการเรียนรู้ชีวิตของผมก็เป็นได้
ไม่ถึงยี่สิบนาทีผมก็พบตัวเองอยู่ที่ห้องสี่เหลี่ยม ข้างในมีเตียงนุ่ม กระจกเงา ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ แอร์คอนดิชั่นเนอร์ที่ติดกับผนังด้านบนทำให้ผมรู้สึกเย็นจนขนลุก เสียงฝักบัวในห้องน้ำดังซ่า ๆ ออกมาข้างนอก ไม่ถึงห้านาทีหล่อนก็เดินออกมาด้วยชุดผ้าขนหนูตัวเดียว ท่อนบนของหล่อนรัดด้วยปมผ้าแน่น เผยให้เห็นเนินไหล่ขาว ผ้าคงจะผืนเล็กเกินไปจึงปกปิดท่อนล่างได้เพียงนิดเดียว
และตอนนี้หล่อนกำลังเดินเข้ามาหาผม
ผมคว้ารีโมทต์เปิดโทรทัศน์ จ้องมองหน้าจอตาไม่กระพริบ หล่อนเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ผม กลิ่นหอมจาง ๆ บนร่างเธอลอยมาแตะที่จมูก
สั่งเครื่องดื่มอะไรกินก่อนไหมคะ เธอถาม
ผมยังไม่หิวเลย ผมตอบเธอ ตาผมยังจ้องอยู่ที่โทรทัศน์
กินเบียร์ก่อนสักแก้วไหม
ผมส่ายหน้า
แต่ฉันอยากกิน หล่อนว่า สั่งมาให้กินหน่อยสิ
ผมละสายตาจากโทรทัศน์มองที่หล่อน ดูเหมือนว่าหล่อนกำลังจ้องผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว ผมหลบสายตาเธอ หัวใจของผมเต้นแรง
อยากกินอะไรล่ะ ผมก้มหน้าถาม
เธอหัวเราะ ล้อเล่นคะ
เพิ่งเคยมาเที่ยวหรือ เธอถาม
ผมพยักหน้า หันกลับไปมองจอโทรทัศน์อีกครั้ง
ตอนแรกเห็นคุณเดินอยู่ข้างนอก นึกว่าไม่มาเที่ยว
ผมหันกลับมามองเธอ แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจมานะ
เธอย่นคิ้ว ยิ้ม แล้วทำไมมาถึงนี่ล่ะคะ
ผมไม่รู้
มีคนสวย ๆ เยอะเลยข้างล่างไม่ชอบหรือ
ผมไม่รู้เหมือนกัน
ผมยิ้มให้เธอ
เธอลุกขึ้น เดินเข้ามาหาผม โน้มตัวลงกระซิบข้างหู ปลายผมของเธอตกมาบนคอของผม หัวใจเต้นแรงมากขึ้น
ไปคุยกันบนเตียงดีกว่าค่ะ
ผมนั่งบนขอบเตียง
เธอบอกกับผม ถอดเสื้อออกสิคะ
ผมนั่งนิ่ง
เธอว่า งั้นฉันถอดให้นะ
(ต่อด้านล่าง)
จากคุณ :
ความเชื่อ
- [
17 ก.ย. 50 06:33:49
]