Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ชีวิตกับโทรทัศน์

    บันทึกของชีวิต

    ชีวิตกับโทรทัศน์



    ผมฉลองครบรอบสิบปี ของการเขียนหนังสือในนิตยสารทหารปืนใหญ่ ด้วยเรื่องฉากชีวิต สามตอนซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผม ตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงวัยชรา ดังที่ได้เล่ามาแล้วในชุดฉากชีวิต เมื่อเร็ว ๆ นี้แล้ว

    ในระยะเวลาเหล่านั้น ผมได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับวงการโทรทัศน์ด้วย เป็นเวลานานหลายปี

    กล่าวตามประวัติศาสตร์นั้น โทรทัศน์ไทยได้เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ โดยการจัดตั้งบริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด และเปิดสถานีส่งโทรทัศน์ขึ้นที่วังบางขุนพรหม ออกอากาศทาง ช่อง ๔ ขาวดำ ให้ชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ ไทย ทีวี หรือ ท.ท.ท.เมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๘

    ขณะนั้นผมยังเป็นนักเรียนนายสิบ เหล่าทหารสื่อสาร จนถึง ธันวาคม ๒๔๙๘ ผมจึงได้ออกรับราชการในยศ สิบโท ใน กรมการทหารสื่อสาร

    ครั้นถึง ๒๕ มกราคม ๒๕๐๑ กองทัพบกจึงได้เปิดสถานีโทรทัศน์กองทัพบกขึ้นที่ สนามเป้า บริเวณกองพลทหารม้า ออกอากาศทางช่อง ๗ ขาวดำ เป็นสถานีที่ ๒ ในประเทศไทย ใช้ชื่อย่อว่า ททบ.

    ขณะนั้นผมได้เลื่อนยศเป็นสิบเอก และอีกสองปีต่อมา ในบ่ายวันหนึ่ง หัวหน้ากองก็เรียกไปพบ ถามว่าผมถ่ายรูปเป็นใช่ไหม

    ผมก็ว่าผมช่างถ่ายภาพสมัครเล่น ได้ฝึกหัดมาหลายปีแล้ว ท่านก็บอกงั้นก็ให้ไปทำงานทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก

    ผมก็แย้งว่าผมไม่มีความรู้ทางไฟฟ้า อิเล็กทรอนิก เลยแม้แต่เท่าหางอึ่ง

    ท่านบอกว่าไม่เป็นไรเขาให้ไปเป็นพนักงานกล้อง แล้วก็ให้กระดาษแผ่นเท่าฝ่ามือ ถือไปรายงานตัวกับฝ่ายเทคนิค โดยไปพร้อมกันสามคน เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๐๓

    ผมจึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจการโทรทัศน์ ตั้งแต่บัดนั้น

    ผมมีความรู้จากการถ่ายภาพนิ่ง ในเรื่องการโฟกัสให้ภาพคมชัด การเลือกภาพให้มีองค์ประกอบที่สมบูรณ์ และการจัดทิศทางของแสงมาแล้ว

    เมื่อเป็นพนักงานกล้องถ่ายโทรทัศน์ จึงเพิ่มความรู้ในด้านการแพนไปซ้ายขวา กดและเงยกล้อง เลื่อนเข้าใกล้ถอยออกห่าง กับยกกล้อง ขึ้นทำมุมสูง และเลื่อนลงเตี้ยทำมุมต่ำ เป็นต้น

    ผู้สอนก็ไม่ใช่ใคร เพื่อนนายสิบที่มาทำงานก่อน เมื่อสองปีที่แล้วนั่นเอง

    ต่อมาเมื่อมีการอบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ในการถ่ายโทรทัศน์ของข้าราชการพลเรือน คณะหนึ่งจำไม่ได้ว่าเป็นหน่วยใด ซึ่งมาอาศัยห้องส่งของสถานีโทรทัศน์กองทัพบก โดยอาจารย์ฝรั่งจากสิงคโปร์ เขาจัดอบรม เจ้าหน้าแสง เสียง กำกับเวที กำกับรายการ พิธีกร เว้นแต่กล้องที่ใช้เจ้าหน้าที่ของเรา

    ผมก็เลยได้อาศัยบทเรียนที่เขาสอนกัน ซึ่งเป็นตำรามาตรฐานสากล เพิ่มความรู้ให้ตัวเองไปด้วย

    ผมจึงได้รู้ว่าการถ่ายภาพยนตร์หรือโทรทัศน์นั้น มีภาพมาตรฐานอยู่หกขนาดหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าชอต ออกเสียงว่าฉ็อด

    ภาพกว้างมากหรือ wide shot ถ้าเป็นภาพวงดนตรีอยู่บนเวทีก็เห็นภาพเต็มเวทีนั่นเอง เห็นนักดนตรีทั้งวง นักร้องยืนตรงกลางตัวเล็กนิดเดียว

    ต่อไปก็เป็นภาพกว้างหรือ long shot ก็จะเห็นนักร้องยืนเต็มตัวหัวจรดเท้า

    ภาพปานกลางค่อนข้างไกลหรือ medium long shot เห็นนักร้องสามส่วน ตั้งแต่ศรีษะถึงปลายนิ้วมือ

    ภาพปานกลาง medium shot เห็นนักร้องครึ่งตัวแค่เอว

    ภาพค่อนข้างใกล้ medium close shot เห็นนักร้องแค่หน้าอก

    ภาพใกล้ close shot หรือ close up เห็นนักร้องแค่ใบหน้าจากศรีษะถึงไหล่

    ภาพใกล้มาก big close เห็นเฉพาะใบหน้าของนักร้อง หรือแคบกว่านั้นเห็นแต่ริมฝีปาก ซึ่งไม่ค่อยจะใช้กันนัก เพราะอาจเห็นน้ำลาย หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ควรเห็น ในภาพยนตร์มักจะใช้ในฉากจูบ หรือเห็นเฉพาะมือหรือเท้าก้าวเดิน ในภาพยนตร์ลึกลับ

    การที่จะให้ได้ภาพตามขนาดที่ต้องการนั้น ในโทรทัศน์อาจใช้การเปลี่ยนเลนส์ ซึ่งมีหลายขนาด หรือใช้เลนส์ซูมคือตั้งกล้องอยู่กับที่ แต่ดึงภาพให้ใหญ่ขึ้นหรือไกลออกไป กับใช้วิธีเลื่อนกล้องเข้าใกล้หรือถอยออกห่าง ก็ได้

    ผมก็ใช้ความรู้เพียงแค่นั้น ถ่ายภาพออกอากาศ ตามคำสั่งของผู้กำกับรายการ อยู่ได้หลายปี แล้วก็มีความชำนาญเพิ่มขึ้น สามารถพลิกแพลงภาพได้มากขึ้น

    แต่ก็ไม่เหมือนสมัยนี้ เพราะกล้องถ่ายโทรทัศน์สมัยนั้นมีขนาดใหญ่กว่าปี๊บน้ำมันก๊าด หนักร่วมห้าสิบกิโลกรัม

    ผมได้ผ่านการถ่ายทอดงานใหญ่ ๆ มามากมาย เช่น พ.ศ.๒๕๐๔ ถ่ายทอดการเสด็จพระราชดำเนินไปเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ และเมื่อเสด็จ ฯ กลับมาถึงสนามบินดอนเมือง

    ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะทางสนามบินมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ต้องถ่ายผ่านหน้าต่างกระจกของห้องรับรองวีไอพี ที่ปิดสนิท ทำให้ได้แต่ภาพสะท้อนจากสนามบินที่สว่างมากกว่า แทบจะต้องกราบไหว้สารวัตรทหารให้ช่วยแง้มหน้าต่าง ให้ถ่ายได้บ้างไม่กี่นาที

    ไม่งั้นผู้ชมทางบ้าน ซึ่งต้องการจะชมภาพทั้งสองพระองค์ จะหาว่าสถานีไม่มีน้ำยา

    พ.ศ.๒๕๐๖ ได้ถ่ายทอดการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครสถลมารค ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบสามรอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินจากพระบรมมหาราชวัง ไปยังวัดบวรนิเวศวรวิหาร แล้วกลับทางถนนราชดำเนินกลาง ผมกับเพื่อนประจำอยู่กับกล้องบนเครนสูง ที่เกาะกลางถนนหน้าโรง ภาพยนตร์เฉลิมไทยผ่านฟ้า ผมต้องการจะถ่ายภาพนิ่ง จึงให้เพื่อนเป็นคนถ่ายโทรทัศน์ ผมเป็น ผู้ช่วยจึงมีโอกาสถ่ายภาพประวัติศาสตร์นี้เก็บไว้เป็นที่ระลึกจนบัดนี้

    ถึง พ.ศ.๒๕๐๘ วันที่ ๓๑ สิงหาคม เวลา ๑๕๓๐ ได้ถ่ายทอดการเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตร กิจการโทรทัศน์ ณ สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๗ ขาวดำ ซึ่งท่าน ผู้อำนวยการ และ หัวหน้าฝ่ายเทคนิค ร่วมถวายรายงานในเรื่องต่าง ๆ

    ..............ยังมีต่อ..............

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 18 ก.ย. 50 10:09:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom