เป็นคำถามที่ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงอยากจะรู้เหมือนกับผมใช่ไหมครับ ?
@@@@@@@@@@
ตอน 11 โมงเช้าของวันเสาร์วันหนึ่งที่ผ่านมา ผมเดินเข้าไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพื่อรอคอยที่จะพบกับใครบางคนที่ผมนัดหมายไว้
วันนั้นผู้คนที่มาเดินจับจ่ายซื้อสินค้าที่ห้างแห่งนั้นมีไม่มากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเป็นช่วงเวลาก่อนเที่ยง ผู้คนจึงยังไม่มีพลุกพล่านมากนัก
จริง ๆ แล้วผมไม่ใช่คนที่เบื่อหน่ายกับการรอคอยเลย เพราะว่าผมเป็นคนที่เจอกับการรอคอยมาเกือบทั้งชีวิต ผมหวังเพียงอย่างเดียวในทุกครั้งที่ผมต้องรอคอยสิ่งใด ผมหวังเพียงแค่โอกาส โอกาสเพียงสักครั้งที่จะเป็นของผม แล้วผมจะให้สัญญากับตัวเองว่า ในทุกครั้งที่ผมมีโอกาสผมจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไปอย่างไร้ความหมายเลย จริง ๆ นะครับ
ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมกำลังรอคอยที่จะพบกับใครบางคน ที่ผมคาดว่าเธอผู้นั้นอาจจะเป็นนางฟ้าที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิตก็ได้ ซึ่งทำให้การรอคอยในวันนั้นดูจะมีความหมายมากเป็นพิเศษสำหรับผม
ผมเดินเข้าไปร้านอาหารฟาสฟู๊ดแห่งหนึ่ง ผมซื้อกาแฟเย็น 1 แก้วมานั่งทาน เพื่อแลกกับโต๊ะและเก้าอี้นั่งภายในร้าน สำหรับที่ผมจะนั่งรอคอยเวลาที่กำลังจะมาถึง
ผมเลือกที่นั่งที่อยู่บริเวณด้านหน้าร้านติดกับผนังกระจก เพื่อที่ผมจะได้มองออกไปดูบรรยากาศภายนอกร้านได้อย่างสะดวก โดยโต๊ะที่ผมเลือกนั่งอยู่ติดกับโต๊ะของพ่อลูกคู่หนึ่ง ที่คุณพ่อยังดูหนุ่ม และลูกสาววัยประมาณ 5 ขวบกว่า ๆ ที่กำลังน่ารักและสดใส
คุณพ่อยังหนุ่มท่านนี้คงพาลูกสาวของเขามานั่งทานอาหาร เพื่อเป็นรางวัลสำหรับการแสดงของลูกสาวของเขาที่เพิ่งจบลงไป สาเหตุก็เพราะว่าลูกสาวที่น่ารักของเขา เธออยู่ที่ชุดแฟนซีเด็กที่เพิ่งผ่านการประกวด หรือว่าผ่านการแสดงอะไรบ้างอย่างมา เด็กน้อยคนนี้อยู่ในชุดกระโปรงฟูบานสีขาว เสื้อสีขาวของเธอมีปีกสีขาวเล็ก ๆ 2 ข้างติดอยู่ที่กลางหลัง บนศีรษะของเธอมีที่คาดผมที่มีวงกลมสีขาวอยู่เหนือหัว
ผมอาจจะไม่ได้จงใจที่จะแอบฟังการสนทนาของพ่อลูกคู่นี้ แต่ประโยคที่เด็กน้อยถามคุณพ่อของเธอ ทำให้ผมเกิดความสนใจขึ้นมาในทันที
คุณพ่อขา นางฟ้ามีจริงไหมคะ ? เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความไร้เดียงสา
พ่อของเด็กน้อยเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ ตัวของเธอ แล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเด็กน้อยเพียงเบา ๆ พร้อมกับยิ้มแล้วตอบลูกน้อยของเขาไปว่า
มีสิ ก็หนูนี่ไง นางฟ้าตัวน้อยของพ่อ
เด็กน้อยไม่ได้ถามอะไรคุณพ่อของเธอต่อ เธอได้แต่อมยิ้มด้วยความดีใจ พร้อมกับก้มหน้าก้มตาตักไอศครีมกินต่ออย่างเอร็ดอร่อย
ผมหันหน้าละสายตาจากโต๊ะของพ่อลูกคู่นั้น แล้วผมก็ได้แต่นั่งเหม่อมองออกไปภายนอกร้านเหมือนอย่างเดิม ผู้คนภายนอกร้านเริ่มเดินไปมามากขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว บริเวณของร้านฟาสฟู๊ดที่ผมนั่งอยู่นั้นเป็นโซนของศูนย์อาหาร ที่มีร้านอาหารต่าง ๆ อยู่มากมายหลายร้าน
ผู้คนหลายคนเดินมากันเป็นคู่ ไม่ว่าจะเป็นคู่ของเด็กวัยรุ่น หรือว่าคู่ของหนุ่มสาว คนพวกนั้นเดินเคียงกับคู่ของเขาอย่างมีความสุข ต่างคนต่างก็หยอกล้อกันเล่น หัวเราะกัน บางคู่เดินจูงมือกัน บางคนก็เดินประครองเคียงคู่กันตลอดเวลา
ผมได้แต่เฝ้ามองผู้คนเหล่านั้นอย่างไร้ร่องรอย แล้วภาพของความทรงจำในอดีตของผม ก็ปรากฏขึ้นในสมองของผม
ผมจำได้ว่าในชีวิตนี้ผมเคยจีบผู้หญิงมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยมีใครเลยสักคนที่เธอจะสามารถเอ่ยปากบอกได้ว่าผมเป็นแฟนของเธอ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่ใช่คนที่น่าตาขี้เหร่จนเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่เลิศเลอ ที่เหมาะสมจะเป็นผู้ชายในฝันของสาว ๆ ก็ได้ครับ
ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งผมเคยได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอทั้งสวยทั้งหวาน มีทั้งความน่ารักและมีเสน่ห์อยู่ในตัว แต่ก็เพียงแค่ได้รู้จัก ผมไม่เคยได้มีโอกาสได้สัมผัสกับตัวตนของเธอมากไปกว่านั้นเลย หรือว่าเธออาจจะเป็นนางฟ้าตัวจริง ที่ลงมาจากฟากฟ้าให้ผู้ชายธรรมดาอย่างผมได้พบเจอเพียงเท่านั้นเองครับ
แต่ในครั้งนี้ ผู้หญิงคนที่ผมกำลังนั่งรอคอยอยู่ ผมได้รู้จักเธอผ่านตัวหนังสือที่เราทั้งสองคนพูดคุยกันในคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกกันว่าโปรแกรมสนทนาทางอินเตอร์เน็ตเพียงแค่นั้นเอง ผมไม่รู้ว่าเธอมีตัวตนจริง ๆ อยู่ในโลกนี้ไหม เพราะไม่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเธอมาก่อนเลยสักครั้ง ผมเห็นเพียงรูปภาพของเธอที่เธอส่งให้ผมทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพียง 2 รูปเท่านั้นเอง
ผมไม่เคยได้ยินเสียงจริง ๆ ของเธอผ่านทางโทรศัพท์มือถือเลยสักครั้ง เพราะเธอบอกว่าเธอคงจะไม่สะดวกที่จะให้เบอร์โทรศัพท์มือถือของเธอแก่ผม ซึ่งผมก็ไม่เคยออดอ้อนขอเบอร์มือถือของเธออีกเลยสักครั้ง
ผมขอนัดทานข้าวมื้อเที่ยงกับเธอในวันนี้ พร้อมทั้งให้เบอร์โทรศัพท์มือถือของผมไป ด้วยความหวังว่าในวันนี้ วันที่ผมมีโอกาสจะได้เจอกับเธอ ผมคงจะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอมากขึ้น และผมคงจะได้เบอร์มือถือของเธอ เอาไว้โทรพูดคุยในเวลาที่คิดถึง ซึ่งทั้งหมดนี้สำหรับผมถือว่าเป็นการรอคอยที่ผมรับได้ครับ
แต่ว่าตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนบ่ายโมงกว่าแล้ว ผมยังไม่เห็นวี่แววของเธอเลยครับ ผมได้แต่จ้องมองที่โทรศัพท์มือถือของผม ผมหวังให้มีสายเรียกเข้ามาจากเบอร์ที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนสักครั้งหนึ่งก็พอแล้ว แต่ว่าตอนนี้โทรศัพท์มือถือของผมยังคงเงียบสนิทอยู่เหมือนเดิม จนผมต้องลองกดปุ่มที่อยู่หน้าจอมือถือของผมดู เพื่อเช็คว่าโทรศัพท์มือถือของผมยังใช้งานได้อยู่หรือเปล่า
ร้านอาหารฟาสฟู๊ดร้านนี้เป็นร้านที่ผมยืนยันนัดกับเธอไว้ ตั้งแต่ตอนที่เราคุยกันผ่านโปรแกรมสนทนาทางอินเตอร์เน็ตเมื่อวันศุกร์ตอนเย็นแล้ว ตอนนี้กาแฟในแก้วของผมหมดลงไปตั้งนานแล้ว น้ำแข็งในแก้วก็ละลายจนเกือบหมดแล้ว เหลือแต่เพียงน้ำสีน้ำตาลขุ่น ๆ ที่คงเหลืออยู่ในก้นแก้วเท่านั้นเอง
ผมตัดสินใจลุกออกจากเก้าอี้ พร้อมกับเดินออกจากโต๊ะที่ผมนั่งมายังนอกร้าน เพื่อออกมาเดินเล่นผ่อนคลายสำหรับการรอคอยอันยาวนานในครั้งนี้
ผมเดินไปเรื่อย ๆ ในบริเวณโซนศูนย์อาหาร ผมเดินผ่านหน้าร้านอาหารทุกร้านที่อยู่ในบริเวณนั้น พร้อมทั้งหยุดมองเข้าไปในทุกร้าน เพื่อมองหาใครบางคนที่ผมกำลังเฝ้ารออยู่ แต่ก็ปราศจากใบหน้าของเธอคนนั้นเลย
จนกระทั่งผมเดินวนกับมาถึงหน้าร้านอาหารร้านเดิม ที่ผมได้เข้าไปนั่งรอมาเกือบ 2 ชั่วโมง ร้านที่ผมกับเธอนัดหมายกันว่าจะมาเจอกันที่ร้านนี้ ผมหยุดยืนมองเข้าไปภายในจนเกือบจะทั่วร้าน ผมก็ยังไม่เห็นใบหน้าของเธอคนนั้นที่ผมรอคอยเช่นเดิม
ผมยกนาฬิกาที่อยู่ที่ข้อมือขึ้นมาดูเวลาอีกครั้ง ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 โมงกว่าแล้ว
ผมมองเข้าไปเห็นโต๊ะตัวเดิมที่ผมเพิ่งลุกมาเมื่อไม่นานนี้ ตอนนี้โต๊ะตัวนั้นมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งมานั่งแทนแล้ว หนุ่มสาวทั้งสองคนกำลังนั่งทานอาหารและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ถัดไปจากโต๊ะตัวที่ผมเคยนั่งก็เป็นโต๊ะตัวที่คุณพ่อยังหนุ่มกับลูกสาวที่น่ารักเคยนั่งอยู่
แล้วเสียงของเด็กน้อยที่เอ่ยถามคุณพ่อของเธอก็ดังก้องขึ้นในสมองของผมอีกครั้ง
คุณพ่อขา นางฟ้ามีจริงไหมคะ ?
ผมได้แต่ตอบไปในความคิดของตัวผมเองว่า
นางฟ้าคงมีจริงครับ เพียงแต่ว่าเราคู่ควรที่จะมีโอกาสได้รู้จักและสัมผัสกับนางฟ้าไหม ก็เท่านั้นเอง
ผมหันหลังเดินออกมาจากบริเวณโซนศูนย์อาหาร เดินตรงผ่านห้างสรรพสินค้าไปยังประตูทางออกที่อยู่ตรงหน้าของผม
แล้วผมเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะมองหารถโดยสารเดินทางกลับบ้านของผม
..........
จบแล้วครับ
จากคุณ :
อาคุงกล่อง
- [
18 ก.ย. 50 15:46:47
]