Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    David Beckam : There is only one united [1]

    การที่ต้องออกจากโรงเรียนแล้วมุ่งหน้าไปยังแมนเชสเตอร์เพื่อใช้ชีวิตดั่งความฝันนั่นคือการเล่นให้กับยูไนเต็ดไม่ได้เป็นความรู้สึกที่น่าลำบากใจนักเพราะผมยังมีโอกาสได้เจอกับครอบครัวอยู่บ่อยๆ ว่าด้วยเรื่องที่อยู่อาศัยผมชอบที่จะอยู่ในบ้านที่เขาแบ่งห้องให้เช่านะแม้ว่าจะเคยโดนเขาเตะโด่งออกมาแล้วสองครั้งก็ตาม ครั้งแรกที่ผมต้องย้ายออกมาก็เพราะว่าเพื่อนที่ผมเช่าห้องด้วยทำอะไรสักอย่างผิดกฎเจ้าของบ้านเธอเลยตัดสินใจไล่เราออกทั้งคู่ เรื่องของเรื่องก็คือเจ้าของบ้านคนนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากๆเพราะว่าเธอจะล็อกห้องครัวไว้ในเวลากลางคืนนั่นทำให้พวกเราไม่สามารถเข้าไปหาอะไรกินได้ แต่มีคืนหนึ่งที่เพื่อนของผมพังประตูเข้าไปเพื่อเอาอาหารและก็โดนจับได้ ส่วนในที่ที่สองผมพูดออกไปว่าอาหารที่นี่ไม่ได้เรื่องเลย และนั่นทำให้เจ้าของบ้านตัดสินใจไล่ผมออกมา ส่วนที่ที่สามที่ผมไปเช่าอยู่มันสุดยอดมากเจ้าของบ้านทั้งสองคนทอมมี่และแอนนี่เป็นคนที่สุดยอด มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้พ่อกับแม่อีกคนเลยทีเดียว ผมอยู่กับพวกเขาสองปีกับอีกหกเดือนและพวกเขาทำให้ผมรู้สึกว่าที่นี่คือบ้านที่น่าอยู่ ดังนั้นผมเลยเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มเทให้กับฟุตบอลได้อย่างเต็มที่

    ผมจากพวกเขามาเมื่ออายุได้ 19 ตอนนั้นผมพอจะมีเงินอยู่บ้างและมันคงถึงเวลาที่จะต้องขยับขยาย เพื่อนของผมคนหนึ่งอาศัยอยู่ในย่านที่อสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆกำลังก่อตัวขึ้นและเมื่อผมไปดูก็พบว่ามันราคาสูงกว่าที่ผมตั้งไว้นิดหน่อยแต่ผมชอบมันมากก็เลยตกลงใจซื้อมัน มันเป็นห้องชุดที่เหมาะกับผมจริงๆนะมีการเล่นระดับเป็นสามชั้นและชั้นบนสุดมีห้องนอนอยู่หนึ่งห้องพร้อมกระจกบานใหญ่มาก เป็นบ้านหลังแรกที่วิคตอเรียได้มาหลังจากที่เราพบกัน ผมเคยจัดปาร์ตี้ที่นี่สองถึงสามครั้งก่อนที่จะเจอกับวิคตอเรียและหลังจากนั้นวิคตอเรียกับผมก็มีปาร์ตี้เล็กๆหลังคอนเสริต์สไปร์เกิร์ลเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา งานนั้นมีสาวๆสไปรส์ทั้งหมด เพื่อนๆของผมและพ่อกับแม่ของพวกเราด้วย มันเป็นที่ที่หลายความทรงจำดีๆของผมเกิดขึ้น

    มันเป็นความรู้สึกที่น่าหวั่นเกรงอยู่บ้างเมื่อตอนครั้งแรกเลยที่ผมก้าวเข้าสู่แมนยูไนเต็ดในฐานะนักเตะ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะนักเตะในดวงใจของผมทั้งหมดมาจากที่นี่ ผมมีรูปภาพของพวกเขาติดเต็มไปทั่วห้อง Steve Bruce, Gordon Strachan, และที่สำคัญที่สุดคือ Bryan Robson ผมมีเสื้อที่มีลายเซ็นของเขาอยู่ด้วย ผมถูกพาตัวไปทดสอบฝีเท้าตั้งแต่ตอนอายุ 13 และหลังจากนั้นผมก็ขึ้นไปแมนเชสเตอร์ทุกๆหน้าร้อนเลย ผมแทบจะรอเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ไม่ไหว เด็กๆฝึกหัดส่วนใหญ่เข้ามาฝึกและออกไปเมื่อถึงวันหยุดแต่สำหรับผมไม่เป็นเช่นนั้น ผมยืนกรานที่จะอยู่ที่นั่นตลอดหกอาทิตย์เพราะว่าผมรักที่นั่นมากเหลือเกิน ผมจึงอยู่ในหอพักที่แซวฟอร์ดรวมกันคนอื่นๆอีก 30 คน ผมไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างแต่เท่าที่รู้ก็คือไม่มีใครได้เข้ามาเล่นในพรีเมียร์ลีคสักคน

    อีกเรื่องที่ผมว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดสำหรับที่นี่ก็คือทุกๆคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะถูกทำให้รู้สึกว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทุกคนจะรู้จักชื่อของเด็กๆ ซึ่งนั่นให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ ผมยังจำได้ดีว่าครั้งแรกที่ขึ้นไปแมนเชสเตอร์เพื่อพบกับอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เขารู้จักชื่อผมและนั่นมีผลกระทบอย่างมาก Byran Robson คืออีกคนที่ผมใฝ่ฝันที่จะพบอยู่ตลอดเวลา แค่รับฟังไม่ต้องพูดจาอะไรกับเขาผมก็พอใจแล้ว Ryan Giggs และ Lee Sharp ก็เข้ามาสู่แคมป์ช่วงเดียวกันและพวกเราก็รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น

    เราเคยมองไปที่ผู้เล่นที่มากประสบการณ์ด้วยสายตาที่ชื่นชมแม้ว่าเราจะสามารถเข้าไปสู่ทีมชุดใหญ่ได้แล้ว คุณก็ยังต้องให้ความเคารพ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่ทุกวันนี้มีเด็กๆมากมายมองผมด้วยสายตาที่ชื่นชมแบบนั้น ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่มันจะรู้สึกแปลกๆถ้าคนที่มีอายุมากกว่าและอยู่ในวงการนี้มานานกว่าผมจะมองผมด้วยสายตาแบบนั้น

    Eric Cantona และ Peter Schmeichel คือสองคนที่เป็นตำนานอันยิ่งใหญ่อยู่ก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามาแล้ว ทั้งคู่มีพลังบางอย่างที่คุณสามารถสัมผัสได้ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในห้อง ผมมักจะมีเรื่องให้คุยกับปีเตอร์มากกว่า ภาษาอังกฤษของอีริคไม่ค่อยดีนักและเขาก็เป็นคนจำพวกชอบเก็บตัวและใช้เวลาอยู่กับตัวเองในขณะที่ปีเตอร์จะเป็นคนสนุกสนานมากกว่า ก็เหมือนกับที่คนอื่นๆรู้คุณสามารถพูดคุยเรื่องส่วนตัวและครอบครัวกับเขาได้เพราะว่าเขาเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและเป็นมิตร หลังจากที่ผมโกนหัวคราวนั้นผมโทรศัพท์คุยกับเขาและเขาก็ทับถมผมอย่างร้ายกาจเกี่ยวกับทรงผมใหม่นี้ ส่วนอีริคเป็นคนที่ยากที่จะเขาถึง มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากตอนที่เขาจากไปแต่ผมก็เข้าใจในการกระทำที่ไม่ได้มีการกล่าวล่วงหน้าก่อนแบบนี้ เขาเป็นตัวของตัวเองและมักจะทำอะไรที่น่าประหลาดใจจนคาดไม่ถึงเสมอ เขาจำเป็นต้องยอมรับอะไรหลายอย่างที่ไม่จำเป็นเพียงเพราะว่าเขาคือสุดยอดและนั่นเป็นสิ่งที่เลวร้าย พวกเราได้เจอกับเขาอีกครั้งเมื่อเขากลับมาดูเกมส์ที่พวกเราแข่งกับสเปอร์เมื่อฤดูกาล 1999-2000  แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขามากเพราะเขาก็ไม่ใช่คนที่พูดมากอยู่แล้ว อีริคจะพูดโดยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

    ทุกวันนี้มีผู้เล่นที่มาจากประเทศอื่นๆมากมายและผมคิดว่านี่เป็นอีกสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอล คนผิวสีและเอเชียนมักจะโดนเหยียดผิวอยู่เสมอ แต่โครงการต่อต้านการเหยียดสีผิวที่เริ่มขึ้นเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วทำให้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไม่เฉพาะในสโมสรเท่านั้นแต่เป็นผลดีต่อส่วนรวมด้วย ผมรู้สึกโชคดีมากที่ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้การทำงานกับใครก็ไม่มีผู้จัดการคนไหนที่แสดงออกมาว่าการมีสีผิวที่แตกต่างจะทำให้รู้สึกต่อคนๆนั้นต่างออกไป ซึ่งถ้ามีใครสักคนที่คิดแบบนั้นมันคงทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเพราะผมไม่ใช่คนประเภทที่จะมาเหยียดผิวหรือดูถูกใครไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม ผมคิดว่าคนเรามีสิทธิที่จะทำอะไรก็ที่อยากจะทำโดยไม่มีคำว่าสีผิวที่แตกต่างมาเกี่ยวข้อง

    คนชอบคิดว่านักฟุตบอลคือบุคคลจำพวกมาดแมน เข้ม ดื่มเบียร์เป็นถัง แต่นั่นก็ไม่ได้มีอะไรมากระเทือนจิตใจผมแม้แต่น้อยหากว่าคนนั้นจะเป็นเกย์หรือเพศธรรมดา การอยู่ในโลกของธุรกิจคงทำให้มุมมองของผมเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แตกต่างออกไปและผมถูกเลี้ยงดูมาโดยไม่ให้ตัดสินคนอื่น ผมคิดว่าทัศนคติของคุณที่มีต่อเรื่องพวกนี้มันบ่มมาจากว่าครอบครัวของคุณคิดกับเรื่องพวกนี้อย่างไร

    อีริคถือเป็นคนทุ่มเทคนหนึ่งที่ Old Trafford โดยเฉพาะการที่เขามักจะอยู่ต่อหลังจากการซ้อมทักษะเสร็จสิ้น ผมก็ทำแบบนั้นมาตลอดทั้งชีวิต ผมเคยหอบฟุตบอลถุงใหญ่ไปฝึกเตะมุมและฝึกเตะฟรีคิกและก็ทำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องมาสั่งให้เลิกและเข้าไปด้านใน ผมคิดเสมอว่าผมสามารถทำได้ดีกว่านี้และความคิดนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ว่าต้องตื่นแต่เช้าแล้วต้องไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมทำในสิ่งที่ผมอย่างจะทำมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเพื่อที่จะพัฒนาความสามารถให้มากยิ่งขึ้นไป อีริคอยู่กับสโมสรแค่สองเดือนหลังจากที่ผมก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ มันเป็นการแข่งขันที่ไบรท์ตันในเดือนกันยายนปี 1992 และผมถูกใส่ชื่อเข้าไป ผมเคยฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่และก็ทำได้ดีมากกับทีมสำรองแต่ว่าก็ยังไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสจะได้ติดชุดใหญ่

    ผมยังจำได้ดีเพราะว่าพวกเราเดินทางโดยเครื่องบินลำเล็กๆและมันเป็นเที่ยวบินที่แย่มากๆ เราพักกันที่แกรนค์โฮเทล ที่ๆถูกวางระเบิดไปด้วยฝีมือของ IRA เมื่อครั้งพรรคการเมืองมาพักนั่นล่ะ มันเป็นการแข่งขันในตอนหัวค่ำและผมนั่งตื่นตระหนกอยู่ตรงนั้นเพราะผมอาจจะถูกเรียกไปเมื่อไหร่ก็ได้ สิ่งต่อมาที่จำได้ก้คือผมถูกเปลี่ยนตัวเข้าไปแทนในตำแหน่งของ Andrei Kanchelski นั่นหมายความว่าผมได้ร่วมทีมกับ Paul Ince, Danny Wallace และนักเตะชุดใหญ่คนอื่นๆ ผมยังเก็บเสื้อที่ใส่วันนั้นไว้อยู่เลย มันมีความหมายสำหรับผมมากโดยเฉพาะกับพ่อและแม่ของผมยิ่งสำคัญต่อพวกเขาไปใหญ่ เมื่อยูไนเต็ดมีแข่งเมื่อไหร่พวกเขาก็จะเดินทางเพื่อมาชมการแข่งขันตลอดและเวลานั้นเขายังไม่ได้คาดหวังว่าผมจะคว้าตำแหน่งในทีมมาได้ มันเลยทำให้พวกเขาประหลาดใจและดีใจมากเมื่อรู้ หลังจากวันนั้นผมก็กลับไปซ้อมตามเดิมและเป็นแบบนั้นอยู่พักใหญ่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันบอกว่าผมมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กหัดบางคนและนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาปล่อยผมให้กับเพรสตันเพื่อยืมตัวตอนนั้นผมอายุ 19 เมื่อได้ฟังครั้งแรกผมตกใจมากและคิดว่าสโมสรพยายามหาวิธีกำจัดนักเตะออกไป แต่ทุกอย่างก็ดีขึ้นเมื่อผมได้มีโอกาสคุยกับผู้จัดการและเขาอธิบายให้ฟังถึงเหตุผล เขาบอกว่าต้องการให้ผมได้มีโอกาสซึมซับบรรยากาศการเล่นให้กับชุดใหญ่เพื่อเป็นการเก็บประสบการณ์และนั่นอาจจะเป็นผลดีสำหรับผม หลังจากได้คุยกันผมก็รู้สึกมีความหวังมากขึ้นแม้ว่าจะเป็นการย้ายจากพรีเมียร์ลีคไปสู่ดิวิชั่นสามก็ตามและนั่นเป็นหนึ่งในหลายๆสิ่งดีๆที่ผมได้ทำลงไป

    จากคุณ : รีโหมดไม่มีถ่าน - [ 21 ก.ย. 50 15:33:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom