บันทึกจากอดีต
ความหลังโคนต้นไทร
วชิรพักตร์
บริเวณหน้าสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ สนามเป้า มีต้นไทรใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่มีผู้ใดทราบ เมื่อสร้างอาคารสถานีโทรทัศน์หลังแรกขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ พ.ศ.๒๕๐๐ ก็ได้เห็นต้นไทรต้นนี้เติบโตอยู่ในพื้นที่แล้ว
บังเอิญผมได้มีโอกาสเข้าไปร่วมกิจกรรม ในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งนี้เป็นเวลานานพอสมควร ทั้งในระดับผู้ใช้แรงงาน และในระดับผู้บริหาร เมื่อเวลาที่ผมจะเล่าเรื่องความหลังของอดีตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ ผมจึงใช้ชื่อว่า ความหลังโคนต้นไทร
ผมได้มาปฏิบัติราชการ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก หรือ ททบ.ช่อง ๗ ขาวดำ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๐๓ ในตำแหน่ง พนักงานกล้องโทรทัศน์
ซึ่งผมก็ได้ใช้กำลังกายและสติปัญญาอันน้อย ทำงานตามหน้าที่อย่างดีที่สุด ทั้งในและนอกสถานี จนถึง มกราคม ๒๕๑๕ จึงขอลาออกกลับไปปฏิบัติงาน ทางกรมการทหารสื่อสารด้านเดียว เนื่องจากสุขภาพไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถตรากตรำกับงานหนักได้
ครั้นถึงเดือน ตุลาคม ๒๕๑๙ ขณะมียศร้อยเอก ผู้บังคับบัญชาได้ออกคำสั่งแต่งตั้งให้มาปฏิบัติงาน ในตำแหน่ง รองหัวหน้าฝ่ายกำลังพล ททบ.อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งในคราวนี้ผมต้องใช้สติปัญญาและความรู้ความสามารถ ช่วยบริหารงานด้านบุคลากร ให้เกิดคุณานุประโยชน์แก่กำลังพลและสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก อย่างสุดความสามารถ ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่งนั้น และตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายกำลังพล กับตำแหน่งกรรมการ คณะผู้จัดทำหนังสือที่ระลึก ของสถานีทุกปี
ในช่วงสุดท้าย ผมได้ปฎิบัติงานที่สำคัญคือได้รับมอบหมายให้เรียบเรียงประวัติของสถานีตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๑ ถึง พ.ศ.๒๕๓๐
และจัดทำบัญชีรายชื่อ ผู้ที่มาปฏิบัติงานทางสถานีตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๐ ถึง พ.ศ.๒๕๓๔ เป็นจำนวนประมาณพันกว่าคน บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์
ผมได้ปฏิบัติงานอยู่จนถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๓๕ จึงได้ขอลาพักก่อนที่จะพ้นตำแหน่งไป เนื่องจากครบเกษียณอายุราชการ
หลังจากนั้นผมก็ยังเขียนเรื่องของอดีตมาลงพิมพ์ในหนังสือที่ระลึกอีกหลายปีในชื่อชุด ความหลังโคนต้นไทร ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของผมอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรับใช้สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก อันเป็นสถาบันที่ผมรัก
จนถึง พ.ศ.๒๕๔๑ ครบรอบ ๔๐ ปีของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก คณะกรรมการจัดทำหนังสือที่ระลึกได้มีหนังสือเชิญผมไปเป็นที่ปรึกษา ซึ่งก็ยอมรับเกียรตินั้นด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และท่านเลขานุการคณะกรรมการก็ได้กรุณาเดินทางมา ปรึกษาหารือด้วยตนเอง ผมก็รับจะช่วยในเรื่องที่ผู้อื่นทำไม่ได้ เช่น
ประวัติและวิวัฒนาการของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกในรอบ ๔๐ ปี
ประวัติบุคคลสำคัญของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกในรอบ ๔๐ ปี
เรื่องแรกนั้นใคร ๆ ก็ไม่สามารถเขียนได้ ถ้าไม่ได้มีการเรียบเรียงไว้ก่อนมาตามลำดับในแต่ละปี
แต่ผมเองนั้นได้รับคำสั่งจากผู้อำนวยการสถานี เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๑ ให้เรียบเรียงประวัติของสถานี ฯ ในวาระครบรอบ ๓๐ ปี ในฐานะที่เป็นนายทหารประวัติศาสตร์ ของกรมการทหารสื่อสาร
ซึ่งก็ได้บันทึกจากเอกสารที่เขาจะเอาไปเผาไฟ ๑ ตู้เต็ม ๆ ใช้เวลาประมาณ ๖ เดือน ก็ได้ประวัติของสถานี ฯ เป็นหนังสือหนาประมาณร้อยกว่าหน้า ได้นำเรียนผู้อำนวยการ ฯ เพื่อขออนุมัติใช้เป็นเอกสารราชการ ซึ่งก็ได้รับอนุมัติให้พิมพ์แจกจ่ายไว้ฝ่ายละ ๑ เล่ม
แต่ในคราวนั้นหาไม่พบเลยแม้แต่ฝ่ายเดียว นอกจากที่ผมได้เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว จึงได้นำ มาตรวจทานและเขียนเพิ่มเติมจนครบรอบ ๔๐ ปี
ส่วนเรื่องหลังนั้น ได้เขียนขึ้นไว้เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕ เมื่อมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารสถานี ฯ ครั้งใหญ่ โดยที่ เจ้ากรมการทหารสื่อสาร ไม่ได้เป็นผู้อำนวยการ ฯ อีกต่อไป จึงได้เขียนขึ้นเพื่อให้ผู้บริหารรุ่นใหม่ได้ทราบว่า ทหารสื่อสาร ผู้ใดบ้าง ที่มีความสำคัญในการก่อตั้งสถานี ฯ และสร้างความเจริญงอกงามติดต่อกันมา เป็นเวลาถึง ๓๖ ปี
แต่ เจ้ากรมการทหารสื่อสาร ในขณะนั้นไม่อยากจะให้เป็นที่สะเทือนใจผู้หนึ่งผู้ใด จึงให้เอาไปลงพิมพ์ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับประจำเดือน มกราคม ๒๕๓๗ ในคราวนี้จึงได้นำมาตรวจทาน และเพิ่มเติมชื่อของท่านผู้บริหาร ปีที่ ๓๗-๔๐ แล้วก็ส่งไปลงพิมพ์ได้เลย
ซึ่งผู้บริหารของสถานี ฯ ชุดนี้ก็ยินดีที่ได้รับทราบ ความเป็นมาของสถานี ฯ ซึ่งท่านไม่เคยได้ทราบมาก่อน
ทั้งสองเรื่องนั้น เป็นเอกสารประวัติศาสตร์ ที่จะอยู่คู่กับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ไปชั่วกาลนาน และเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของผู้เขียน
ความภาคภูมิใจอีกอย่างหนึ่ง ก็คือได้เคยเขียนเรื่องลงหนังสือที่ระลึกของ ททบ.ตั้งแต่ได้ทราบว่า ทางสถานี ฯ จะสร้างอาคารใหม่ สูง ๑๐ ชั้นเป็นที่ทำงานของทุกฝ่าย รวมกันอยู่ภายในตึกเดียว ไม่กระจัดกระจายเหมือนเดิม
ผมก็ได้เตือนผู้บริหารว่าขอให้นึกถึงท่าน จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้ให้กำเนิดสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกบ้าง ควรจะหาเนื้อที่สร้างอนุสาวรีย์ไว้ ในมุมใดมุมหนึ่งของอาคารใหม่ ให้เป็นรูปปั้นครึ่งตัวแบบฝรั่ง เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังคำนึงถึง ผู้มีพระคุณอันสูงสุด ที่ได้สร้างสิ่งที่สำคัญที่สุดในการ ประสานความสัมพันธ์อันดี ระหว่างทหารกับประชาชนไว้ ด้วยสายตาอันยาวไกล
บัดนี้ ความคิดนั้นได้ปรากฏเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว โดยมีอนุสาวรีย์ของท่าน สถิตย์อยู่บนชั้น ๑๐ ของอาคารใหม่ ซึ่งได้เปิดเป็นทางการ เมื่อ ๒๔ มกราคม ๒๕๔๑ ครบรอบ ๔๐ ปี ของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก สถานีโทรทัศน์แห่งที่ ๒ ของประเทศไทย ซึ่งจะคงอยู่ ชั่วกาลนิรันดร
และผมจะเก็บความภาคภูมิใจที่เป็นผู้หนึ่ง ซึ่งได้เสนอความคิดอันนี้ แก่ผู้บริหาร ไว้เป็นอนุสรณ์ส่วนตัวของผม ว่าได้มีโอกาสแสดงกตัญญูกตเวทิตา ต่อผู้มีพระคุณ อันยิ่งใหญ่ของกองทัพบกแล้ว
แม้ว่าจะไม่มีใครจดจำได้เลยก็ตาม.
##############
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
23 ก.ย. 50 08:59:01
]