Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เต้าฮวยน้ำขิง, ชาอู่หลง กับ LB

    “ว๊าว..!! ถึงไต้หวันสักที อากาศร้อนชะมัด อบอ้าวกว่าเมืองไทยอีกแฮะ”
    และแล้วการเดินทางมาไต้หวันคนเดียวเพื่อมาดูงานตามที่บริษัทมอบหมายรอบนี้ เราก็มาถึงสนามบินเถาเหยียนแล้ว ก้าวแรกที่ย่างออกจากประตูสนามบินเพื่อขึ้นรถ taxi ก็ต้องผงะกับอากาศของที่นี่ อากาศร้อนอบอ้าวเมื่อเทียบกับเมืองไทย ภารกิจอันดับแรกคือต้องไปรายงานตัวที่สำนักงานใหญ่ของไต้หวันก่อน สถานที่แห่งนั้นล่ะจะเป็นจุดเกิดของความรัก (แปลก ๆ ) ครั้งนี้
    เราชื่อ “ชา” หรือ “ชาดา” เป็นผู้หญิงห้าว ๆ อายุ 27 ปี ผมดำ ซอยสั้นระต้นคอ สูง 161 เซนติเมตรหนัก 60 กิโลกรัม (อวบระยะสุดท้าย) การแต่งตัวธรรมดา ๆ บางทีก็ออกแนวทอมบอย เสื้อโปโลพอดีตัวบ้าง เสื้อเชิ้ตบ้าง เสื้อยืดบ้าง แล้วแต่สถานการณ์ จากที่สอบถามเพื่อน ๆ และคนรู้จัก บางคนก็ดูออกทันทีว่าเราเป็นพวก “หญิงรักหญิง” บางคนก็คิดว่า เราเป็นแค่ผู้หญิงห้าว ๆ ธรรมดา ก็พอใจกับการถูกมองแบบนี้ พอใจที่ได้รู้ว่าคนอื่นไม่แน่ใจกับสถานะของเรา ดูลึกลับดี
    ทันทีที่ถึงสำนักงานใหญ่ก็ต้องไปรายงานตัวกับหัวหน้าใหญ่ที่ประจำอยู่ที่นี่ แล้วก็ทักทายเพื่อนร่วมงานที่ติดต่อกันทางโทรศัพท์มานาน 3 ปี มีเพื่อนร่วมงานหลายคนที่เจอหน้าแล้วผิดคาดไปจากที่วาดเอาไว้ บางคนเข้าใจว่าน่าจะอายุน้อย ที่ไหนได้ ต้องเรียกว่า “น้า” มากกว่า “เกอเกอ พี่ชาย” ซะอีก เพื่อนร่วมงานหญิงหลายคนที่สวย น่ารักกว่าที่คาดเอาไว้ โดยเฉพาะคนสำคัญในปัจจุบันของเราคนนี้ เธอชื่อ “จีจี้” คนไต้หวันจะมีชื่อทางการภาษาอังกฤษอีกชื่อหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะมาไต้หวัน เราเคยติดต่อเธอเรื่องงานแต่ไม่บ่อย เธอจะมีลูกน้องอีกคนชื่อ “เรนนี่” ปกติเราจะติดต่อกับลูกน้องเธอมากกว่า ทันที่ที่ทักทายและแนะนำตัวกับเธออย่างไม่เป็นทางการ เราก็ประทับใจแรกพบทันทีกับรอยยิ้มที่เธอยิ้มให้...
    “ไฮ! หว่อซื่อ ชาดา” (ยิ้ม)
    “ไฮ! หว่อซื่อ จีจี้” (ยิ้มหวานในสายตาเรา)
    เสียงเธอออกแนวแหบนิด ๆ แต่ดู sexy ไปอีกแบบ ผมดัดยาวกลางหลัง การแต่งตัวที่ดูออกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเก่งและแต่งตัวเป็น ความสูง (น่าจะประมาณ) 170 เซนติเมตร น้ำหนักสักประมาณ 52 กิโลกรัม อายุ 31 ปี ยิ้มเก่ง
    ปิ๊งแล้ว! แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ อย่างที่บอกว่าเราเป็นพวก “หญิงรักหญิง” แต่ไม่แสดงออกโจ่งแจ้ง ใครจะดูออกก็ถือว่ามองโลกเก่ง (อิอิ) แล้วเราก็ยังไม่รู้ว่าจีจี้จะรังเกียจหรือว่าเฉย ๆ กับคนประเภทนี้หรือเปล่า หลังจากที่แนะนำตัวเสร็จ ไต้หวันก็กลายเป็นประเทศสีชมพูขึ้นมาทันที ที่นี่ดูน่าอยู่มากขึ้น คนไต้หวันน่ารักและมีเสน่ห์มากขึ้น อยากต่อเวลาขออยู่อีกนาน ๆ (เห่อะๆ) ก่อนที่จะมาไต้หวัน เรามีตารางงานที่ต้องไปดูงานบริษัทอื่นและก็เรียนรู้งานใหม่ ๆ ของออฟฟิสที่นี่จากเรนนี่ ซึ่งก่อนจะมาก็ได้แจ้งขออนุญาตจีจี้ล่วงหน้าไปแล้ว แต่หลังจากที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ของจีจี้ ความคิดดี ๆ ก็ผุดออกมา..
    เราก็เริ่มแผนการ.. โดยเริ่มคุยกับเธอเรื่องที่จะเรียนรู้งานจากที่นี่
    “ที่ชั้นโทรมาขออนุญาตคุณ เรื่องเรียนรู้ระบบงานของที่นี่จากเรนนี่...” ยังพูดไม่จบ จีจี้ก็แทรกขึ้นมาว่า
    “คุณอยากรู้อะไรบ้าง?”
    (อ้าว! ส่ง e-mail มาบอก ยังไม่อ่านเหรอเนี่ย)
    “ก็เรื่องระบบที่ทางคุณใช้อยู่ แล้วก็ report ที่ส่งมาใน e-mail ว่าทางคุณใช้เหมือนทางเมืองไทยหรือเปล่า?”
    จีจี้เปิด e-mail ที่ชั้น copy เธอไว้ใน e-mail ที่ส่งถึงเรนนี่ แล้วเธอก็บอกว่า report ต่าง ๆ เหล่านี้ก็เหมือนกับที่ทางเธอใช้อยู่ แล้วเธอก็แนะนำ report ตัวใหม่ให้เพิ่มมาอีกหลายตัว
    “report ตัวใหม่ ๆ พวกนี้ คุณช่วยสอนชั้นได้ไหม?” นี่!! แทนที่จะเรียนจากเรนนี่ ก็เรียนจากหัวหน้าเลยไม่ดีกว่าเหรอ แล้วเหตุการณ์ก็เดินต่อไปตามที่วางแผนเอาไว้
    “ได้สิ!”
    ขณะที่จีจี้โชว์วิธีการทำงานไป ชั้นก็นั่งฟังภาษาจีนที่เธอพูดออกมา แล้วเคลิ้ม(ในใจ)กับเสียงของเธอไปด้วย เราพูดเล่นกันเป็นบางช่วง ไม่อยากให้ดูเคร่งเครียดเกินไป แต่เรื่องที่เธอสอนก็เข้าหัวบ้าง ไม่เข้าบ้าง เพราะต้องลองใช้งานจริง ๆ ด้วยถึงจะได้ผล แล้วชั้นก็สังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ .. ระหว่างที่เรียนรู้งาน ชั้นเห็นเธอเอานิ้วมาพันผมเล่นพร้อมกับยิ้ม ๆ .. อืม~ ท่าทางอย่างนี้ผิดปกติซะแล้วสิ จะแปลว่าเธอเขินเราก็ได้นะ.. แต่ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง อาจจะเป็นความเคยชินของเธอก็ได้.. หลายครั้งที่รู้สึกเหมือนเธอล่วงเกิน (เต็มใจ ๆ อิอิ) บางทีก็เอามือมาตบบ่าเราบ้าง ตีแขนเราบ้าง นี่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกนะเนี่ย แต่รู้สึกเหมือนสนิทกันมาน๊าน นาน.. (อิอิ)
    เธอถามว่าชั้นพักที่โรงแรมไหน หลังจากบอกชื่อโรงแรม เธอก็อาสาจะพาชั้นไปส่ง ก็เข้าใจนะว่ามาต่างเมืองอย่างนี้ เจ้าภาพก็ต้อง take care ดูแล ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถ ชั้นก็ถามโน่น ถามนี่ ฟังเธอคุยบ้าง แต่ก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะชั้นถนัดภาษาจีนธุรกิจ มากกว่าภาษาจีนในชีวิตประจำวัน น่าขำมั้ย? เธออาสาจะช่วยชั้น check in โรงแรม แต่ชั้นปฏิเสธ แค่นี้ก็รบกวนมากพอสำหรับวันแรกที่เจอหน้าแล้ว แถมพรุ่งนี้เธออาสาจะมารับไปออฟฟิสด้วยกันด้วย..
    แล้วรถของเธอก็เคลื่อนออกไปจากที่จอดรถของโรงแรม
    “เฮ้อ~ น่ารักชะมัดเลย”
    Check in โรงแรมที่ไต้หวันด้วยภาษาจีนไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ดีที่โรงแรมที่พักมีบริการ Free wi-fi สำหรับลูกค้า คืนนั้นชั้นก็ log in MSN แล้วก็เล่าเรื่องนี้ให้ “พี่พาย”เพื่อนสนิทที่ทำงานเดียวกันฟัง พี่พายเป็นเกย์ และก็คงเพราะเป็นเกย์นี่เอง ที่ทำให้พี่พายเข้าใจชั้นมากกว่าใคร
    “ชา! นี่แกเพิ่งจะไปวันแรกเองนะ”
    “ก็เพราะเป็นวันแรกไงพี่พาย ชาเลยไม่อยากคิดมาก ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เค้าสวยนะพี่ ปิ๊ง ๆ เลยล่ะ แค่เห็นแว๊บแรกก็หลงแล้วอ่ะ”
    “คงไม่มีอะไรหรอกมั๊ง คิดมากไปรึเปล่า?”
    “ชาก็พยายามคิดอย่างนั้นเหมือนกัน ต้องยั้งใจตัวเองไว้ เพราะยังไงท่าทางครั้งนี้คงไม่ประสบความสำเร็จ ความรักข้ามแดนเนี่ยมันไกลเกินจะประสบความสำเร็จ แถมคงไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ หรอก อีกอย่าง สวยขนาดนี้น่าจะมีแฟนแล้ว”
    “เจ้าชู้ใหญ่แล้วนะชา นี่อย่าให้เค้กรู้ล่ะ พี่สงสารเค้าว่าแกน่ะปันใจให้คนอื่น”
    “อืม..ใช่ แต่คงไม่ลุ่มหลงมากกว่านี้หรอกพี่ ยังไงชาก็รักเค้ก อิอิ”
    “เออ! ดี ๆ ไปนอนได้แล้ว ดึกแล้ว”
    “ค๊าบ..ไว้ on line เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะ”
    ก่อนนอนชั้นส่ง sms ไปรายงานตัวกับเค้กว่ามาถึงไต้หวันแล้วและกำลังจะนอน และบอกให้เธอดูแลตัวเองระหว่างที่ชั้นอยู่ที่นี่ด้วย
    เค้กเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ไม่ใช่พวก “หญิงรักหญิง” จนกระทั่งมาเจอชั้น เราเจอกันในที่ทำงานแต่คนละแผนกและเริ่มคบกันหลังจากที่เธอลาออกจากบริษัทและทำงานที่ใหม่ เราเริ่มความสัมพันธ์จากเพื่อนร่วมงานและค่อย ๆ เปลี่ยนตำแหน่ง ก่อนหน้านี้เธอมีแฟนผู้ชายที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย จนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแฟนเริ่มกำกวม เมื่อแฟนเธอดูแลเธอน้อยลงและห่าง ๆ กันไป ตอนนี้เธออายุ 31 ปีแล้ว แต่ตอนที่ชั้นเจอเธอเมื่อ 2 ปีก่อน ชั้นเข้าใจว่าเธอน่าจะอายุประมาณ 27 ปี เพราะหน้าเธอดูอ่อนกว่าอายุจริง ความสัมพันธ์เริ่มเปลี่ยนไปหลังจากชั้นตกหลุมรักเธอจริงจัง ชั้นหาเรื่องโทรศัพท์คุยกับเธอทุกคืน จนได้เราเคยตัวที่จะต้องคุยกันทุกวัน จนวันหนึ่ง...
    “พี่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน พี่ไม่ได้มองว่าชาเป็นผู้หญิงนะ พี่รู้สึกเหมือนพี่คุยกับผู้ชาย”
    “อ้าว! แต่ชาเป็นผู้หญิงนะคะ” ก่อนเราจะคบเป็นแฟนกัน ชั้นจะพูดคะ ๆ ค่ะ ๆ กับเธอตลอด
    “นั่นน่ะสิ.. ไม่รู้เหมือนกัน พี่ก็ไม่เข้าใจตัวเองค่ะ”
    “แล้วพี่เค้กคิดยังไงกับชาคะ?”
    “พี่....พี่รู้สึกว่าเวลาพี่คุยกับชาแล้วสนุกดี คือ.. มันก็แปลกนะที่เราคุยกันได้ทุกเรื่อง เหมือนเราจูนกันติด”
    “งั้นเราก็คิดเหมือนกันนะพี่เค้ก ถามอะไรตรง ๆ นะ ถ้าชาเป็นผู้ชาย ชาจะมีโอกาสได้เป็นแฟนกับพี่เค้กมั้ยคะ?”
    “ถ้าชาเป็นผู้ชาย.....? พี่จะบอกตรง ๆ ว่า ถ้าชาเป็นผู้ชาย พี่อาจจะคบด้วย ความคิดหลายอย่างของเราตรงกัน แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกชา~”
    แต่ ณ วันนี้ ชั้นกับเค้กเราคบกันแบบคนรัก แต่เค้กก็ไม่กล้าจะยอมรับหรือพูดเต็มปากว่าเราเป็น “แฟน” กัน ความสัมพันธ์ของเราสองคนอยู่ในที่มืด เค้กไม่กล้าเปิดเผยเรื่องของเราให้คนอื่น จนตอนนี้ก็ล่วงเวลามา 2 ปีแล้วที่เราคบกันแบบนี้ แต่เวลาเจอคนรู้จักหรือเพื่อน เค้กจะแนะนำว่าชั้นเป็น “น้อง” เท่านั้น บางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่(น่าจะ)เชื่อ อย่างที่บอกว่าสถานะของชั้นไม่เปิดเผย บางคนอาจจะดูออกว่า “เป็น” พวกหญิงรักหญิง บางคนอาจจะดูไม่ออก มองแค่ว่าชั้นเป็นผู้หญิงห้าว ๆ

    (เดี๋ยวมาต่อกันนะ... feedback ส่งมาหลังไมค์ได้ค่ะ)

    จากคุณ : คิริมันจาโร - [ 30 ก.ย. 50 13:03:23 A:58.8.102.252 X: TicketID:156624 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom