วันดับสูญ บทที่ 9 สับสน
ห้องสี่เหลี่ยมสีขาวปลอดขนาดกว้างขวางพอประมาณปราศจากหน้าต่างแม้สักบาน ภายในห้องพร้อมไปด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน
วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่สมชายนั่งหลับตานิ่งอยู่ภายในห้องโดยปราศจากการเคลื่อนไหวหรือรับรู้เรื่องรายภายนอกห้องสีเหลี่ยมแห่งนี้...ดวงตาเหม่อลอยและขอบตาลึกโหลดำคล้ำบ่งบอกว่าตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมาเขายังไม่ได้พักสายตาเลยแม้แต่น้อย สมชายเฝ้าคิดซ้ำไปซ้ำมาถึงเรื่องราวในอดีตของตนเพียงเพื่อหวังว่าจะพบเงื่อนงำที่จะหักล้างสิ่งที่ชายชราบอกแก่เขา...
ตั้งแต่จำความได้...ในบ้านขนาดที่ไม่ถือได้ว่าใหญ่โตมโหราฬแต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเล็ก...เขาอยู่กับพ่อและแม่ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจโอบอุ้มเลี้ยงดูเขาด้วยความอบอุ่นยิ่ง เขาเติบโตขึ้นท่ามกลางความรักของบุคคลทั้งสองและเขาเองก็ไม่ทำให้ท่านทั้งสองผิดหวังจากการประพฤติตนและผลการเรียนอันดับหนึ่งโดยตลอด...
แต่เป็นดังคำที่ใครบางคนเคยกล่าวไว้...เหตุใดความสุขไม่สามารถอยู่กับคนเราได้นาน...ในขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปลาย...พ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการเดินทางท่องเที่ยวหลังวัยเกษียณเพียงไม่นาน...ในเวลานั้นเขาเพิ่งพบว่านอกจากบุพการีทั้งสองแล้ว เขาไร้ญาติมิตรอื่นใด...เขาเคว้งคว้างอยู่ในห้วงเวิ้งว้าง และไม่รู้ว่าจะจัดการอนาคตของตนเองอย่างไร...
แต่เหมือนโชคชะตายังไม่ได้โหดร้ายกับเขาจนเกินไปนัก...มีผู้แจ้งความจำนงอุปการะจนเขาเรียนจบระดับปริญญาตรี...และหลังจากนั้นเขาได้รับทุนให้ศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกา...
...ผู้อุปการะอย่างนั้นหรือ...ผู้อุปการะ...
...สมชายท่องคำๆ นี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวเสมือนประหนึ่งกำลังขบคิดปัญหาที่แสนยากเย็นในการค้นหาคำตอบ...เขาต้องการหาเหตุผลที่จะหักล้างความคิดของตัวเอง...ความคิดซึ่งภายในใจลึกๆ แล้วเขายอมรับว่ามันเป็นอย่างนั้น...
ที่นี่...องค์กรแห่งนี้เป็นผู้อุปการะเขาหลังจากที่พ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตลง...หากคิดแบบนี้...ระยะเวลาจะเหมาะเจาะเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องที่ ดร. โทมัส เล่าให้เขาฟังเมื่อสามวันก่อน..
...ไม่ใช่...ไม่ใช่...มันต้องไม่ใช่แบบนี้...ต้องมีอะไรสิน่า...คิดเข้าสิ...ใช้สมองของแกคิดซะสมชาย...
สมชายก้มหน้าลง มือทั้งสองกุมอยู่ที่ศีรษะอย่างหมดหวัง...เขาสับสน...เขาจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตนี้ดี...ชีวิตที่ก่อกำเนิดขึ้นจากรังสรรค์ของสิ่งที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์...ความแค้นเกิดขึ้นภายในจิตใจ
เขาอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างสูญหายไป...ใช่ เขาจะได้ไม่ต้องคิดอะไรอีกต่อไป...สูญหายไปซะ...ทุกคน...ทุกอย่าง...เสียงพึมพำของสมชายดังอยู่ในลำคอเหมือนคนบ้าคลั่ง...จะทำยังไงดี...
...ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงสมชายจากภวังค์...เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียง
ประตูค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ ปรากฏร่างเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยกำลังถือถาดอาหารเข้ามาในห้อง
ด๊อกเตอร์ครับ...คุณต้องกินอะไรบ้าง... เสียงของศรัทธาดังขึ้นทำลายความเงียบพร้อมกับวางถาดอาหารลงบนโต๊ะด้านหน้าของสมชาย
..................... สมชายมองไปยังศรัทธาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ศรัทธามองเข้าไปยังดวงตาของสมชาย...ดวงตาของสมชายช่างหม่นหมองและสิ้นหวัง...ศรัทธาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แสนจะอึดอัดจากภายในตัวของสมชายและนั่นทำให้ศรัทธาอึดอัดตามไปด้วย...
หลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องดูเหมือนจะหยุดนิ่ง...ศรัทธาที่มีท่าทีครุ่นคิดและลังเลใจที่จะพูดเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบและความอึดอัดอีกครั้ง ด๊อกเตอร์ครับ...ผมอยากจะถามอะไรคุณสักหน่อย
......................... สมชายยังคงนิ่งเงียบและก้มหน้าลงอีกครั้ง
คุณคิดยังไงกับชีวิตที่ได้เกิดมาครับ... ศรัทธาเริ่มยิงคำถาม คุณคิดยังไงกับชีวิตที่กำลังจะมีโอกาสเกิดในอนาคตครับ...
..................... เช่นเดิม สมชายยังคงนั่งนิ่งและเมินเฉยต่อคำถาม
ศรัทธามองสมชายอย่างครุ่นคิดอีกครั้ง เขาถอนหายใจก่อนจะถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแววตาจริงจัง คุณคิดยังไงกับชีวิตของมนุษย์โคลนครับ ด๊อกเตอร์สมชาย
...คุณต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่...คุณศรัทธา...ทางที่ดีคุณอย่ามายุ่งกับผมดีกว่า... สมชายเอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรกในรอบสามวันที่ผ่านมา
คุณรู้รึเปล่าครับด๊อกเตอร์...คุณไม่ใช่มนุษย์โคลนเพียงคนเดียวที่นี่ ศรัทธาเอ่ยอีกครั้งอย่างไม่สนใจคำเตือนของสมชาย
ความสนใจของสมชายกลับมาอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม ...จริงสิ...ในเมื่อ ดร. โทมัส บอกว่าเขาเป็นต้นแบบ ก็หมายความว่าต้องมีคนอื่นๆ ที่ก่อกำเนิดด้วยวิธีการเดียวกันกับเขาอีก...
ผู้ที่อยู่ที่นี่...กว่าครึ่ง...เป็นมนุษย์โคลนเช่นเดียวกับคุณ... ศรัทธาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาลงเล็กน้อย และ...ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
ศรัทธาเงยหน้าขึ้นมองเพดานเสมือนต้องการจะอดกลั้นอะไรบางอย่าง คุณคงจะเห็นเตียงจำศีลบนยานแล้ว จำนวนของเตียงจำศีลก็คือจำนวนของผู้ที่ได้รับเลือก...และ...ไม่มีข้อยกเว้น...ทุกคนที่นี่ก็ต้องถูกคัดเลือกด้วยเช่นกันหากต้องการจะรอด...มนุษย์โคลนที่นี่ส่วนใหญ่จะถูกมอบหมายหน้าที่ๆ ไม่ซับซ้อนหรือสำคัญมากนักเป็นอันดับแรก...กลุ่มที่ถูกประเมินแล้วว่าสามารถพัฒนาตัวเองต่อไปได้ก็จะได้รับงานที่สำคัญขึ้นเป็นลำดับ...ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มหลัง...และได้รับสิทธิให้เข้าทำการคัดเลือกเพื่อเป็นหนึ่งในผู้อพยพ... ศรัทธาถอนหายใจ แต่จนแล้วจนรอด...ผมก็ทำไม่สำเร็จ...
ความสนใจของสมชายมีมากขึ้น...นี่คืออีกเรื่องที่เขายังไม่เคยรู้มาก่อนเช่นกัน
ชีวิตที่เกิดมา...ทุกชีวิตล้วนต้องการจะอยู่รอด...แน่นอน...รวมถึงผมและพวกเราที่อยู่ที่นี่ ตลอดระยะเวลาเกือบห้าปี พวกเราทำงานหนักและพัฒนาตัวเองเพื่อให้ได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ขึ้นยานลำนั้น... ศรัทธาหันกลับมามองตาสมชายที่ขณะนี้ก็มองมาทางศรัทธาเช่นกัน แต่...คุณ...ผู้ซึ่งได้รับโอกาสนั้นแล้ว...โอกาสที่ทุกชีวิตต้องการ...แต่คุณกลับ...
อีกครั้งที่ศรัทธาต้องอดกลั้นก่อนที่จะพูดต่อ ...คุณรู้ตัวรึเปล่าว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่...สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ในตอนนี้...นอกจากจะเป็นการไม่ให้เกียรติตัวเองแล้ว...คุณยังกำลังดูถูกพวกเรา...ผู้ซึ่งเป็นมนุษย์โคลนเช่นเดียวกันคุณอีกด้วย
ศรัทธายื่นมือทั้งสองข้างออกมาจับไหล่ของสมชาย นี่อาจจะเป็นการเสียมารยาท...แต่กรุณาฟังผมสักหน่อยนะครับด๊อกเตอร์...
น้ำเสียงราบเรียบและจังหวะการพูดที่ช้าลงแต่ทว่าหนักแน่นของศรัทธาเหมือนกับจะย้ำให้ทุกคำพูดของเขาเข้าไปอยู่ในจิตใจของสมชาย คนเราเลือกเกิดไม่ได้...แต่ไม่ว่าเราจะเกิดมาด้วยวิธีไหน เราก็คือมนุษย์คนหนึ่งเท่าเทียมกับคนอื่น ถึงแม้คุณจะเกิดจากเซลล์ต้นแบบของคนอื่น แต่คุณไม่ใช่เขา คุณก็คือคุณ...ที่ผ่านมาคุณก็ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาด้วยตัวคุณเองมิใช่หรือครับ คุณจะมัวโทษโชคชะตาของตัวเองและปล่อยให้มันกลืนกินคุณและจิตวิญญาณของคุณหรือครับ...อดีตมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว...ทำไมคุณไม่ยอมรับสิ่งที่คุณเป็นและก้าวต่อไป...อนาคตต่างหากล่ะครับ...คือสิ่งที่คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงมันและพิสูจน์ตัวเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง...
เหมือนแสงสว่างจากท้องฟ้าที่ส่องผ่านทะลุชั้นเมฆหนาเพื่อก่อกำเนิดไออุ่นบนพื้นโลก คำพูดของศรัทธากะเทาะเกราะที่ปิดกั้นจิตใจสมชายมาตลอดสามวัน
...สติสัมปชัญญะของสมชายกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง...เพียงเพราะคำพูดของเด็กหนุ่มที่สมชายแทบจะไม่มีโอกาสได้พบเห็นหรือพูดคุยด้วย...ใช่แล้ว...เด็กหนุ่มพูดถูก...เขาก็คือเขา...ถึงแม้เขาจะคือประดิษฐกรรมทางวิทยาการของสิ่งที่ถูกเรียกว่าวิทยาศาสตร์ แต่ความรักความอบอุ่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของผู้เป็นบุพการีทั้งสองที่เลี้ยงดูเขาต่างหากที่โอบคลุมและก่อร่างให้เขาเป็นได้อย่างทุกวันนี้...เขาคือลูกของท่านทั้งสอง...และตอนนี้...หน้าที่ของเขาคือช่วยให้มนุษยชาติอยู่รอด...
บัดนี้...เมฆหมอกได้มลายหายไปจากจิตใจของสมชายหมดสิ้น...ดวงตาแห่งปัญญากลับมาอีกครั้ง...
สมชายจ้องตาเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าอิดโรยแต่ทว่าแววตากลับมุ่งมั่นยิ่ง เขากล่าวด้วยเสียงหนักแน่น ขอบคุณมากครับ ศรัทธา...ไม่ว่าคุณจะได้รับการคัดเลือกหรือไม่ก็ตาม...แต่สำหรับผม...คุณเองก็เป็นหนึ่งในอัจฉริยะเช่นกัน...ขอบคุณมาก
เด็กหนุ่มยิ้มตอบด้วยความจริงใจ...ความดีใจจากคำพูดของสมชาย...ผู้ซึ่งยอมรับเด็กหนุ่มด้วยใจ...จะถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจของเด็กหนุ่ม...ตลอดไป...
...เด็กหนุ่มชื่อศรัทธา...เป็นอีกผู้หนึ่งที่บัดนี้เมฆหมอกในใจสลายจนหมดสิ้นเช่นกัน...
จากคุณ :
KTHc
- [
3 ต.ค. 50 12:08:25
]