เอาคนข้างตัวมาขาย
เหมือน โน้ต อุดม ชอบเอาเรื่องสามัญของแม่ใช้ทำมาหากิน
เลียนแบบคนดัง หวังว่าคงไม่เรียกค่าลิขสิทธิ์ เอาเรื่องในครัวเรือนมาเล่า ผู้สื่อข่าวบันเทิงล้วนปาดน้ำลาย แต่น่าเสียดาย ผมยังไม่ดัง
แม่เลิกเป็นครู ตั้งแต่โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดรุ่นสอง ด้วยความเห็นชอบจากครอบครัวที่ต้องการให้พัก เพราะ แม่เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งใน ฐานะแม่บ้านของพ่อลูกและครูของเด็กๆ
เรื่องขำเรื่องเดียวของแม่ก็คือ ซานตาคลอสมาทางหน้าต่าง ไม่ใช่ทางปล่องไฟ ในฐานะครูภาษาอังกฤษ แม่เล่าไปแบบนั้น ผมขำและยังเอามาแซวบ่อยๆ แต่พอไตร่ตรองจริงๆ ก็จริงของแม่ ประเทศไทยไม่มีเตาผิงจึงไม่มีปล่องไฟ หากซานตาคลอสมีจริง ก็คงต้องเข้าทางนั้น
ปีแรก พอว่าง สิ่งที่แม่ต้อนรับคือผู้ปกครองที่เอาลูกมาฝากเรียนพิเศษภาษาอังกฤษระดับชั้นประถม นานเข้า นอกจากภาษาอังกฤษ ยังต้องแถมภาษาไทยและคณิตศาสตร์ไปด้วย หลังจากแอบฟังและคุยกัน แม่เล่าว่า
ป.6 แล้ว แต่ยังอ่านหนังสือไม่ค่อยได้ ท่องสูตรคูณยังไม่เก่ง อย่าเพิ่งว่ากันเรื่องภาษาที่สอง ไม่รู้ว่าหลักสูตรใหม่สอนกันอย่างไร ให้ทำรายงาน ให้งานไปค้นคว้าเอง แต่ปัจจัยพื้นฐานเพื่อเรื่องเหล่านั้นยังไม่แน่น จะให้เด็กกอดขอนไม้ล่องทะเลไปอย่างไร้ทิศทางเลยหรือ
โรงเรียนเก่าของแม่ นักเรียนส่วนใหญ่ฐานะไม่ค่อยดี ตกเย็นล้วนต้องช่วยทางบ้านหารายได้ การบ้านแบบเด็กเป็นศูนย์กลางส่งมอบตามแผนการศึกษาแห่งชาติหลักสูตรใหม่ จะเอาที่ใดไปค้นคว้า ไม่มีมาตรฐานห้องสมุดที่ดี ห้องสมุดชุมชนที่พอใช้ได้ ก็ไม่มีให้เห็น - - มาตรฐานใหม่ มีเอกสารต้องทำเยอะ ต้องส่งส่วนกลางต้องใช้ทำผลงาน ถึงชั่วโมงเรียนก็เด็กเป็นศูนย์กลางคือให้อ่านเอง ให้การบ้านเยอะ
เด็กหลายคนน่าสงสาร แม่ว่าอย่างนั้น พื้นฐานทางครอบครัวไม่ค่อยดี พอมาโรงเรียน ครูก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เพราะเด็กมีจำนวนมาก และงานของครูพ.ศ.ใหม่ๆมีเยอะ
ที่เด็กขาดคือครูที่เอาใจใส่ ติดตามพัฒนาการและแก้ไขข้อบกพร่อง
ติดตามแก้ไขเพื่อให้เด็กมีพื้นฐานในการหาความรู้ที่ดี
ไม่ใช่ติดตามแก้ไขเอาไปประกวด
เวลาส่วนใหญ่ของครูหมดไปกับกระดาษ ผลงานและความก้าวหน้า น่าเห็นใจ เงินเดือนครูส่วนใหญ่ก็น้อยเอาการ
เมื่อหมดหวังกับโรงเรียน ครอบครัวที่พอมีกำลังทรัพย์จึงพาบุตรหลานเข้าสำนักสอนพิเศษ ที่บางส่วน ครูจากโรงเรียนของตนเป็นผู้เปิดสอนเพื่อหารายได้พิเศษ ว่ากันไม่ได้ มันเป็นดีมานด์ แอนด์ ซัพพลาย โรงเรียนสอนพิเศษเหมือนศูนย์รับฝากเด็กที่มีผลพลอยได้คือความรู้ที่พิเศษกว่าเด็กในโรงเรียนตามภาคบังคับของการศึกษา
สงสารเด็กก็สงสาร งานก็เยอะ และต้องดูแลบ้านด้วย เมื่อสามทางนี้ไม่สมดุลและแม่รักครอบครัว ไม่อยากพกงานมาทำที่บ้าน และอยากมีเวลากับพ่อลูก จึงเลือกเกษียณอายุก่อนกำหนด
ไม่นาน ก็มีเด็กฝากสอนพิเศษ ทั้งอนุบาล ประถม มัธยม และ เณร
วันธรรมดา สามวันต่อสัปดาห์ แม่สอนภาษาอังกฤษให้เณรที่โรงเรียนปริยัติธรรมใกล้บ้าน จำนวนครูไม่เพียงพอได้ยินว่าอย่างนั้น สอนไปได้สักพักแม่เริ่มบ่น ไม่ใช่เหนื่อย แต่สงสารเณร สงสารเด็ก ไม่มีพื้นฐานทางภาษาและคำนวณ ต้องมาปรับกันใหม่หมด
แม่ไม่รับเงินตอบแทนจากทางวัด ถือว่าทำบุญ บางครั้งควักงบตัวเองเลี้ยงขนมเณรหลังเลิกเรียน เอ่อ ไม่ใช่แค่บางครั้งแต่บ่อยเอาการ
เณร-ยังเป็นเด็ก อย่าไปคาดหวังให้สำรวมแบบพระ แค่ไม่มีเงินซื้อเครื่องแบบ จ่ายค่าเล่าเรียน หรือ ถูกนำมาฝากไว้เพื่อลดภาระของครอบครัว เหมือนอยู่โรงเรียนประจำ แต่ต่างกันที่ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของนักเรียน จน
อัตราการได้ดีไม่มากแบบในละคร
พระเล่าให้แม่ฟังว่า พอเริ่มอบรมได้ดีขึ้น พ่อแม่ก็จับสึกเพื่อไปช่วยงาน กลับไปสู่ทางโลก สภาพแวดล้อมเดิมๆกลับมา ก็มีพฤติกรรมแย่ๆกลับไปใหม่ บางคนร้ายกว่านั้น กลับมาแล้วมีนิสัยโจร ลักเล็กขโมยน้อย หรือ ชกต่อยกัน
ที่สอนได้ก็สอน แม่สอนชั้นม.ปลาย กำลังเคี่ยวเข็ญภาษาอังกฤษให้เณร ม.6 รูปหนึ่ง ด้วยความเหน็ดเหนื่อย แรกๆว่าจะสอนแค่เทอมเดียว แต่พอสอนก็เริ่มสงสารและเห็นใจ แม่เล่าให้ฟังว่า จะพยายามให้ เณร ม.6 เรียนให้จบ แล้วไปเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏ
ดีชั่ว อยู่ที่ตัวเรา แม่ว่าอย่างนั้น
เณรรูปหนึ่งที่เคยสอน พอมีเวลาว่างจะหยิบหนังสือเรียนไปหาบริเวณเงียบๆแถวโบสถ์ อ่านตำรับตำรา จนเรียนจบม.6 และเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสำเร็จ ปัจจุบันกำลังเตรียมจะศึกษาต่อปริญญาโท - ดีชั่ว อยู่ที่ตัวจริงๆ
สำหรับตัวเอง ต้องยกความดีให้แม่ที่คอยเคี่ยวเข็ญเช้าเย็น ไม่เช่นนั้น ชีวิตคงไม่เป็นผู้เป็นคนขนาดนี้
ไม่รู้ว่า แม่จะสอนอีกนานแค่ไหน
ราวกับว่า นักเรียน คือ ชีวิตของแม่
จริงจังและชัดเจน ไม่ว่าจะนอกระบบหรือในระบบ
แม่ เลือก เป็นครูของเด็ก
ก่อนที่จะเป็นครูของนโยบายการศึกษา
ไม่มีรางวัล ไม่มีซี ไม่มีขั้น
ที่มีก็เพียงลูกศิษย์ที่เรียกแม่ว่า ครู
เขียนถูกต้องและควบกล้ำชัดเจน
จากคุณ :
กาแฟสอง
- [
3 ต.ค. 50 22:18:50
]