เช้าวันใหม่ช่างสดใสเสียจริง...
สายลมที่พัดผ่านราวกับจะห่อห่มให้ความเย็นสบาย คลายความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องไปทั่วหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ ชาวเล 2-3 คน ทยอยขึ้นมาจากเรือหาปลา สิ่งที่พบเห็นได้ทุกวันบนชายหาดแห่งนี้
หากสวรรค์มีจริง มันก็ต้องอยู่ที่นี่แหละ...
ผมเอี้ยวตัวไปทางซ้ายที ขวาที บิดขี้เกียจ สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าต่างบังกะโล ร่างกายบ่นออดๆแอดๆว่ามันยังไม่พร้อมจะตื่น หลังจากงานหนักที่ทำมาเมื่อคืน แต่แล้วความหิวโหยก็ชนะ ผมลุกขึ้นมาจนได้
เหมือนมีความคิดอะไรซักอย่างติดอยู่ในหัว ผมจำได้เลาๆว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ไม่ยักกะจำได้ว่ามันเรื่องอะไร...
ผมสลัดหัวไล่ความง่วง หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ แล้วเดินออกไปนอกบังกะโลเพื่อหาอะไรกิน ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เย็นเมื่อวาน บอกตามตรง ผมโคตรหิวเลย
ขอออกตัวไว้ก่อนว่าผมไม่ใช่ชาวเล ไม่ใช่คนที่นี่ ผมเป็นนักท่องเที่ยว (คนที่นี่เขาไม่เรียกคนไทยที่มาเที่ยวว่านักท่องเที่ยวหรอกคุณ คำนี้สงวนไว้ใช้กับฝรั่งกระเป๋าหนักเท่านั้น) ผมก็เหมือนคนเมืองทั่วๆไป ที่หลบแสงสีความวุ่นวายและการงานที่รุมเร้า ไปหาธรรมชาติ หาดทราย สายลม และ... ผมคนเดียว
ผมอยู่ที่นี่ได้สักพักหนึ่งแล้ว ราวๆ 2-3 weeks มั้ง (บอกแล้วว่าผมเป็นคนเมือง พูดภาษาไทยไม่ค่อยถูกหลักไวยากรณ์หรอก มันไม่เท่ห์) อันที่จริงคนทั่วไปคงมาเที่ยวสองสามวันแล้วก็กลับ ผมเองก็คิดจะทำอย่างนั้นในตอนแรก บังเอิญฐานะอันมีจะกินของผม (พูดกันตามตรงควรเป็นของพ่อผมมากกว่า) มันเอื้ออำนวยให้ผมหยุดยาวได้โดยไม่ลำบากปากท้อง
หลบมาเลียแผลใจ...
คราวนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมอกหัก ผมไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแล้ว แค่เรื่องอกหักมันไม่ทำให้ชีวิตเพลย์บอยของผมเสียศูนย์หรอก แต่มันดันเป็นครั้งแรกที่ผมถูกบอกเลิกน่ะสิ
เรื่องราวของผมกับเธอ เริ่มต้นไม่ต่างอะไรไปจากเรื่องราวของผมกับน้องจอย น้องจิ๊บ น้อง XXX ฯลฯ แต่ตอนกลางๆเรื่องกับตอนจบ ไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว
ผมยอมรับว่ารักเธอหมดหัวใจ...
ตอนที่ผมคิดสลับคราบเสือมาเป็นแมวน้อยในอ้อมอกเธอ โชคชะตาก็เล่นงานผมเข้าจังเบอร์ กะเอาไว้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะที่มีอะไรๆกับสาวอื่น บังเอิญวันนั้นโทรศัพท์ผมแบตหมดเลยไม่รู้ว่าเธอโทรมาหา บังเอิญวันนั้นเธอกลัวว่าผมประสบอุบัติเหตุ (ผมไม่เคย-ไม่รับโทรศัพท์เธอ - เป็นหนึ่งในหลายๆกลเม็ดหากินของผมล่ะ) จึงรีบขับรถมาหาผมที่คอนโด บังเอิญน้องเมเม่ที่ผมเพิ่งรู้จักเมื่อคืนนอนซบผมอยู่ใต้ผ้าห่ม และ... บังเอิญที่เธอมาเห็นภาพนั้นพอดี
เธอจากผมไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย แต่เธอไม่รู้หรอก ว่าไม่ใช่เธอคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น...
ผมพยายามติดต่อเธอทุกวิถีทางแต่ก็ไม่ได้ผล เราสองคนเหมือนอยู่คนละโลกนับตั้งแต่วินาทีนั้น เวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ เดือน และปี
เธอพบคนที่จะรักษาบาดแผลใจแล้ว... ใช่ผมได้ยินมาอย่างนั้น
แล้วผมก็จบลงโดยการหนีชีวิตคาวโลกีย์มาซุกไออุ่นของธรรมชาติที่หาดสวรรค์แห่งนี้ มันคงทำให้ผมลืมเธอได้สักวัน แล้วจากนั้นค่อยกลับไปคิดว่าจะเอายังต่อกับชีวิตดี
ความคิดฟุ้งซ่านยิ่งกระตุ้นกระเพาะของผมให้ทำงานหนักขึ้น ผมเดินดุ่มๆไปที่ล็อบบี้ของบังกะโล ที่นั่นมี Restaurant อยู่ ระหว่างทางมีผู้หญิงผิวขาว หน้าตาพอใช้ แอบมองผมด้วยหางตา (อ้อ ไม่ใช่ว่าผมลืมใส่กางเกงหรอกนะ ลืมบอกไปว่ารูปร่างหน้าตาผมก็เข้าขั้นอยู่เหมือนกัน) ถ้าเป็นตัวผมปีที่แล้วคงไม่พลาดอาหารว่างยามเช้าแบบนี้แน่นอน - ช่างมันเถอะ ตอนนี้รู้แต่ผมหิว
ผมเดินตรงไปสั่งอาหารกับบริกร - ไอ้จ่อย เด็กชาวเลแต่กำเนิด หนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่ผมมีบนเกาะนี้ ไอ้จ่อยทักทายผมอย่างคุ้นเคย มันเป็นคนไม่กี่คนที่พูดเล่นกับผมอย่างไม่ถือตัว คนอื่นๆบนเกาะคิดว่าผมประหลาด คนดีๆที่ไหนจะมาเหมาจ่ายค่าที่พักล่วงหน้าสองสามเดือนกับบังกะโลห่วยๆ แทนที่จะไปเช่าโรงแรมอยู่ให้รู้แล้วรู้รอด เหตุผลก็คือบังกะโลแห่งนี้เป็นที่ๆ "เธอ" ชอบมากที่สุด - ผมมันก็แค่คนโหยหาอดีตที่ไม่มีวันย้อนคืนมา
ไอ้จ่อย serve โจ๊กทะเลทรงเครื่องชามใหญ่พิเศษลงบนโต๊ะ ช้อนตักแล้วใส่ปากอัตโนมัติด้วยความหิว แต่ยังไม่ทันที่มันจะไหลผ่านลงคอ ผมก็รู้สึกเจ็บที่ลิ้นอย่างบอกไม่ถูก
"โอ๊ย" ผมร้องเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกลั่นร้าน แขกสองสามคนที่มีอยู่ในร้าน (รวมทั้งผู้หญิงผิวขาวคนนั้น) หันมามองว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
"เป็นอะไรหรือเปล่าพี่" ไอ้จ่อยวิ่งหน้าตื่นมาทางโต๊ะผม
"มะ... ไม่เป็นไร" ผมวางช้อนคืนที่เดิมแล้วรีบหัวเราะกลบเกลื่อนกันเสียฟอร์ม "ข้าวต้มร้อนชิบหาย"
"โถ่พี่ ก็มันเพิ่งต้มเสร็จสดๆ ผมก็เอามาเสิบให้ลูกค้าชั้นเฟิสสะค้าดเลยะค้าบ" ไอ้จ่อยยิ้มแหยๆ ท่าทางเวลาไม่กี่ week ที่ผ่านมาจะทำให้เชื้อคนเมืองของผมไปติดมันเสียแล้ว
หลังจากไอ้จ่อยกลับไปทำงานของมันต่อ ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับลิ้น แสงแดดยามเช้าทำให้ผมเห็นชัดเจนจากภาพสะท้อนในกระจก ตรงโคนลิ้นมีรอยแดงเป็นวงกลมขนาดใหญ่ อะไรกันวะ เมื่อวานยังไม่มีเลยนี่
ว่าแต่เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก นี่ผมเป็นโรคความจำเสื่อมอีกโรคนอกจากอกหักแล้วหรือนี่? เรื่องที่ผมนึกไม่ออกมันเกี่ยวกับแผลที่ลิ้นหรือเปล่า?
ผมเดินกลับไปที่โตีะ ครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้น แต่แล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ผมลืมทุกสิ่งอย่างสิ้นเชิง...
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินไปนั่งโต๊ะที่หันหน้าออกทะเล เธอสวมหมวกปีกกว้าง แต่ก็ไม่อาจบดบังความงามที่ซ่อนอยู่ใต้นั้นได้มิด รูปร่างค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับมาตรฐานคนเมือง(อย่างผม) ใส่เสื้อสีขาวคอกว้าง ริมฝีปากนั้น
เธอคือ "เธอ" ของผม...
แต่เธอไม่ได้มาคนเดียว มีชายคนหนึ่งเดินตามหลังเธอมาติดๆ ไอ้หมอนั่นทำท่าจะประคองเธอตอนเดินขึ้นบันได - ทำอย่างกับเธอเป็นเด็กสามขวบอย่างนั้นแหละ ไอ้หมอนั่น คนที่แย่ง "หัวใจ" ของผมไป
ชั่วพริบตาที่ผมเห็นเธอ ผมคิดว่าพระเจ้าประทานโอกาสให้กับผมอีกครั้ง โอกาสที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ ผมถึงกับเพ้อไปว่าเธอออกตามหาผมเสียด้วยซ้ำ
แต่พริบตาถัดมาที่ผมเห็นไอ้หมอนั่นก็ทำให้ผมตาสว่าง เธอมาเที่ยวกับไอ้หมอนั่น - คนรักใหม่ของเธอ เธอพามันมาที่ของเขากับเธอ เธอมีสิทธิ์อะไรมาย่ำยีสถานที่แห่งความทรงจำของเราสอง? เธอกล้าดียังไง?
ความโกรธของผมพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด ผมจะทำให้เธอรู้ว่ามีแต่ผมคนนี้แหละที่รักเธอที่สุด
แล้วเธอจะได้รู้...
จากคุณ :
raQuiam
- [
4 ต.ค. 50 22:11:50
]