วันดับสูญ บทที่ 10 สู่ความมืดมิด
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่อากาศยามเช้าร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก แสงแดดจ้าที่ส่องผ่านชั้นบรรยากาศเสมือนต้องการจะเผาไหม้ทุกสิ่งที่อยู่บนพื้นโลกให้เป็นจุล
สมชายนั่งอยู่ในห้องพักและคิดถึงเหตุการณ์ในช่วงสองเดือนกว่าที่ผ่านมา
...อีกสองสัปดาห์เท่านั้น วันที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่...ทุกการกระทำ...ทุกความทรงจำ...จะสูญหายไปตลอดกาลพร้อมๆ กับประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลก...
ถึงแม้จะรับรู้และเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่สมชายก็ยังอดที่จะใจหายไม่ได้กับการสิ้นสุดเรื่องราวทุกอย่างของโลกที่คุ้นตาใบนี้
...และวันนี้...อีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า...เขาและคณะผู้อพยพทุกคนต้องเดินทางออกจากโลกใบเก่าใบนี้เพื่อไปสู่สิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ความจริงแล้วสมชายรู้สึกหวั่นในใจอยู่ลึกๆ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนี้...โลกใหม่จะเป็นอย่างไร...จะเกิดอะไรต่อไป...มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง และสมชายเองก็เป็นหนึ่งในชนหมู่มาก...ไม่เป็นไร ทุกอย่างต้องเป็นไปในแนวทางที่มันควรจะเป็น...สมชายคิดปลอบใจความหวั่นไหวของตนเอง
สองเดือนกว่าที่ผ่านมา...หลังจากที่สมชายยอมรับความเป็นไปของตัวเขาเอง... ดร. โทมัส แสดงความปิติยินดียิ่งกับเส้นทางที่สมชายเลือก เขาพยายามสอนเทคโนโลยีทุกอย่างของที่นี่ให้แก่สมชายเท่าที่เวลาที่เหลือจะเอื้ออำนวย และสมชายเองก็พยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในสิ่งที่ ดร. โทมัส บอกแก่เขา...มันอาจจะเป็นประโยชน์หากเขารู้เรื่องพวกนี้ไว้บ้าง...
...หลังจากวันนั้นแล้ว สมชายยังคงพบศรัทธาอยู่เป็นระยะ...ศรัทธายังคงยิ้มให้เขาและทำงานอย่างขยันขันแข็ง...เขา...เด็กหนุ่มผู้ซึ่งไม่เคยโทษโชคชะตาตัวเองและยิ้มรับมันอย่างกล้าหาญตลอดเวลา...สำหรับสมชายแล้ว...เป็นการน่าเสียดายไม่น้อยที่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้รับเลือก จากที่เขาได้คุยกับศรัทธาหลายครั้ง ทำให้เขาคิดว่าหากเป็นในช่วงเวลาปกติ ประสบการณ์ที่มากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไปจะทำให้เด็กหนุ่มผู้นี้จะเติบใหญ่และเป็นกำลังสำคัญหลักได้ในอนาคตอย่างแน่นอน..
การเตรียมการที่เหลือเพียงเล็กน้อยในระยะเวลาสองเดือนกว่าที่ผ่านมาดูเหมือนจะดูราบลื่นและไม่มีการขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย...ทุกอย่างต้องไปได้ดีแน่ๆ...ในขณะที่สมชายคิดแบบนั้น ในใจลึกๆ ของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างที่ขัดแย้งออกไป
...อะไรกันนะ...เขารู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่างไป...ความกังวลใจที่แอบแฝงอยู่ในใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูค่อยๆ เปิดออกหลังจากเสียงเคาะประตู
ได้เวลาแล้วครับ ด๊อกเตอร์ เชิญเตรียมตัวที่ยานได้แล้วครับ อีกหนึ่งชั่วโมงพวกคุณต้องออกเดินทางกันแล้ว หากช้ากว่ากำหนดปล่อยยาน สภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวยที่จะนำยานขึ้น ศรัทธาก้าวเข้ามาในห้องและพูดกับสมชาย
เข้าใจแล้วครับ ศรัทธา สมชายกล่าวตอบรับและลุกขึ้นจากเก้าอี้
สมชายค่อยๆ เดินออกจากห้อง ดวงตาจับจ้องมุ่งตรงไปด้านหน้า
ด๊อกเตอร์ครับ...
สมชายหันกลับมาตามเสียงเรียกของศรัทธา...ทั้งคู่ยืนนิ่ง
โชคดีนะครับ ด๊อกเตอร์... ศรัทธาเอ่ย
สมชายยิ้มและตอบกลับ ครับ...ขอบคุณมาก...คุณเองก็เช่นกัน...
...คำพูดสุดท้ายก่อนที่บุคคลคนทั้งสองจะไม่มีวันได้พบกันอีก...ตลอดกาล...
ดร. โทมัส ยืนรอสมชายอยู่ที่ทางเข้ายาน เชิญครับ ดร. สมชาย เชิญมาทางนี้ครับ...
สมชายเดินตาม ดร. โทมัส เข้ามาที่ห้องบังคับการ ก่อนที่ ดร. โทมัส จะชี้ให้ดูที่หน้าจออิเล็กโทรนิค
มีอะไรหรือครับ ด๊อกเตอร์ สมชายถาม ดร. โทมัส
ผมอยากให้คุณดูนี่สักหน่อยครับ ด๊อกเตอร์ ดร. โทมัส กล่าว
จุดสีส้มสามจุดที่คุณเห็นอยู่บนเส้นทางการเดินทางของเรา คือจุดที่เราจะปล่อยกล้องสังเกตการณ์ ดร. โทมัส อธิบาย และชี้ไล่ทีละจุด จุดที่หนึ่ง...ที่หอบังคับการบนเกาะแห่งนี้ของโลก จุดที่สอง...ที่ชั้นบรรยากาศของโลก และจุดที่สาม...ที่สุดขอบระบบสุริยะ
กล้องจะจับภาพและส่งสัญญาณมายังยานลำนี้พร้อมถูกบันทึกไว้...คุณสามารถดูความเป็นไปที่เหลือของโลกได้ผ่านมอนิเตอร์ของที่นี่ หรือมอนิเตอร์ที่ห้องพักผ่อน ดร. โทมัส อธิบายต่อ ผมต้องการบันทึกทุกสิ่งทุกอย่าง...ในอนาคต...บนโลกใหม่...ภาพเหล่านี้จะถูกเผยแพร่เพื่อให้ผู้คนในยุคต่อๆ ไป ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดกับโลกเก่าของพวกเขา...
สมชายแสดงอาการรับรู้...เขาคิดว่า มันเป็นความคิดที่ดีทีเดียว การที่ให้ผู้คนในยุคต่อๆ ไปเห็นภาพจริงที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจะทำให้พวกเขาระมัดระวังในสิ่งที่จะกระทำมากขึ้น...และเหตุการณ์ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าที่กำลังจะเกิดกับโลกใบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต
เอาล่ะครับ...นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เชิญคุณไปรวมกับผู้ได้รับคัดเลือกคนอื่นที่ห้องปล่อยยานก่อนเถอะครับ ด้วยความเร็วตอนทะยานออกจากฐานของยานซึ่งต้องมากกว่าความเร็วหลุดพ้น 40,320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำให้แรงดึงดูดของโลกและแรงเสียดทานบนชั้นบรรยากาศทำร้ายคุณและผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบนิรภัยจนถึงขั้นเสียชีวิต ดร. โทมัส
เมื่อเวลามาถึง ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เปลวพลังงานที่ได้จากการเผาผลาญเชื้อเพลิงถูกปลดปล่อยออกมาทางท่อไอพ่น...ยานพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามลำดับ
เพียงครู่เดียว...สีขาวและฟ้ารอบๆ ตัวยานถูกแทนที่ด้วยสีดำอันมืดมิดของอวกาศที่เวิ้งว้าง
ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติเมื่อยานทะลุผ่านชั้นบรรยากาศและหนีแรงดึงดูดของโลกได้สำเร็จ ผู้โดยสารในห้องปล่อยยานเริ่มลุกจากระบบนิรภัย ต่างคนต่างเดินไปทำกิจกรรมต่างๆ ตามแต่ที่แต่ละคนคิด
สมชายลุกขึ้นและเดินไปที่ช่องใสคล้ายกระจก...โลก...ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน...เขารู้มาตลอดจากการบอกเล่าและจากรูปภาพว่ามันเป็นดาวที่งดงามที่สุดในระบบสุริยะ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันงดงามยิ่งกว่าเมื่อได้มาเห็นด้วยตาตนเองแบบนี้
...และที่นอกเหนือกว่านั้น ที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกถึงคุณค่าแห่งความงดงาม...
...อาจเป็นเพราะ...จะไม่มีใครได้เห็นมันอีกต่อไป...
สมชายจ้องมองดาวเคราะห์สีน้ำเงินอันเป็นบ้านเกิดของเขาเองอย่างไม่ยอมละสายตา เหมือนจะจดจำทุกรายละเอียดเกี่ยวกับดาวดวงนี้ให้อยู่ในความทรงจำ...ตลอดไป
...!!!...
ในห้วงลึกของความคิด...อะไรกันนะ...สิ่งที่ค้างคาอยู่ในนั้น...!!
แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 50 23:22:19
จากคุณ :
KTHc
- [
วันเกิด PANTIP.COM 21:49:53
]