ความคิดเห็นที่ 1
บทแห่งดวงดาว ( The Star ) : บทจบ
ธเรษตรีพบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งบรรยากาศนั้นปกคลุมไปด้วยหมอกขาว แน่นอนว่านี่คงเป็นฝันประหลาดอีกครั้ง ทว่าคราวนี้กลับไม่มีภาพเหตุการณ์ใดปรากฏให้ตื่นตระหนกอีก เพียงแต่ที่น่าแปลกก็คือตรงต่อหน้าเธอนั้มีชายชราสองคนที่บัดเดี๋ยวนี้เด็กสาวนักพยากรณ์เริ่มรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นจากการพบในฝันบ่อยๆ
ชะตากรรมนั้นมาถึงแล้ว โชคชะตาแห่งการพิพากษาเผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังใกล้เข้ามา น้ำเสียงเรียบๆจากชายในชุดสีดำราวรัตติกาล
ชะตา ? ชะตาอะไรกัน ? ธเรษตรีพยายามถามออกไป แม้เธอจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแต่กระนั้นก็จำต้องเปล่งคำถาม
อีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
เด็กน้อย อีกไม่กี่วันเจ้าพึงรู้ นั่นเป็นคำตอบที่ทำให้นักพยากรณ์สาวยิ่งงงหนักข้อขึ้นไปอีก
ชะตากรรมได้ถูกลิขิตไว้แล้ว เหลือเพียงแต่ให้เจ้าเป็นผู้เลือกทางกำหนด
เหมือนเมื่อครั้งกาลก่อน
ในยามที่เจ้าใช้ชื่อว่า โนอาห์ ชายชุดขาวอธิบายเพิ่มแต่หาได้ไขข้อปัญหาให้แก่คนฟังไม่ มันกลับเพิ่มคำถามข้อใหม่ๆขึ้นมาอีก
โนอาห์ ? หมายถึงโนอาห์ผู้ต่อเรือยักษ์จนรอดพ้นจากน้ำท่วมโลกในนิยายปรัมปรางั้นหรือ
ทำไมถึงบอกว่าหนู
เอ่อ
เคยเป็นคนที่ชื่อโนอาห์ ? ธเรษตรียิงคำถาม
ไม่มีประโยชน์ที่จะตอบ เมื่อเวลาแห่งการตัดสินมาถึงเจ้าจะจำทุกอย่างได้เอง
เพียงแต่วันนี้เราทั้งสองจะมาบอกให้เจ้ารับรู้ถึงเงื่อนไข สิทธิพิเศษที่ผู้ตัดสินพึงได้รับ เป็นประโยคที่กล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนเป็นครั้งแรกของบุรุษชราชุดดำ
เงื่อนไข ? สิทธิพิเศษ ? เด็กสาวทวนคำ
ใช่
เหมือนเมื่อครั้งนั้น ยามที่เจ้าใช้ชื่อว่าโนอาห์
หลังจากตัดสินชะตากรรมแล้ว เจ้าได้สิทธิที่จะรับรู้ก่อนว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ จนสามารถต่อเรืออพยพครอบครัวและสรรพสัตว์
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
แล้วครั้งนี้ล่ะ จะให้ต่อเรืออีกรึไง ? แถวนี้มีแต่น้ำคลองนะ ธเรษตรีถามอโดยที่ไม่ได้ตั้งจะประชดประชัน
คราวนี้ชายชุดดำนิ่งไป เขาหันไปมองชุดขาวเหมือนจะบอกให้อีกฝ่ายเป็นผู้พูดบ้าง
ก่อนอื่นลองดูที่แขนเจ้าสิ ชายชราชุดขาวนวลบอก น้ำเสียงเจือด้วยความเศร้า
แม้ไม่รู้เหตุผลแต่เด็กสาวนักพยากรณ์ก็ก้มลงดูที่แขนทั้งสองของเธอตามคำบอก
แขน !? ธเรษตรีร้องออกมาเสียงดัง แขนของเธอนั้นบัดนี้ผิวอันเป็นหนังกำพร้านั้นบังเกิดรอยปริแยกออกเป็นหลายส่วนคล้ายกับผนังปูนที่ร้าวกะเทาะ โดยเฉพาะที่ด้านใต้ของผิวหนังที่แตกออกไปแล้วนั้น
บัดนี้เหมือนมีฝุ่นควันดำๆพวยพุ่งออกมาจากภายใน !?
เกิดอะไรขึ้นกับหนู !! เด็กสาวตะโกนลั่นด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด อีกครั้งกับเสียงเศร้าๆของบุรุษชรา
อุบัติเหตุอันน่าเศร้า
เหตุการณ์อันเกิดจากความละโมบของคนไม่กี่คนได้พรากชีวิตของผู้ตัดสินชะตากรรม
นับเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายยิ่ง
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้เราทั้งสองจำต้องคืนวิญญาณให้แก่เจ้าในช่วงเวลาหนึ่ง
เพื่อรอเวลาที่จะตัดสิน
และในตอนนี้อำนาจของการคืนวิญญาณกำลังจะหมดลงด้วยเวลานั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ
ร่างชราทั้งสองหยุดเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนที่จะกล่าวต่อ
และนี่เองที่ทำให้เราทั้งสองต้องมาบอกกล่าวถึงสิทธิพิเศษที่จะตอบแทนเจ้าเหมือนในครั้งกาลก่อน
หมายความว่ายังไง ? เด็กสาวถามงงๆ เธอยังสับสนในใจที่จู่ๆมีคนบอกว่าตัวเธอนั้นได้ตายไปแล้วแต่กลับคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ด้วยชะตากรรมที่ต้องตัดสินอะไรสักอย่าง
หมายความว่า หากเจ้าตัดสินโชคชะตาเหมือนเมื่อครั้งน้ำท่วมนั้น
เจ้าจักรอดชีวิตอีกคราหนึ่ง นอกจากนี้ด้วยฤทธานุภาพแห่งเราทั้งสองจะช่วยบันดาลให้ชีวิตของบุพการีทั้งสอง
คืนชีพขึ้นอีกคำรบหนึ่ง !
เป็นการขอโทษจากเราทั้งสองที่ไม่อาจดูแลผู้ตัดสินให้สามารถมีชีวิตอย่างปลอดภัยก่อนที่จะถึงห้วงเวลาสำคัญ กล่าวจบชายทั้งสองโค้งศีรษะลงนิดหนึ่งราวกับแสดงการขอโทษ
ธเรษตรีตัวสั่นเทา เด็กสาวไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่นได้อีกแล้ว เธอลืมกระทั่งรอยแผลปริแตกที่แขนทั้งสอง
พ่อกับแม่สามารถที่จะฟื้นมาอยู่กับเราได้อีก ?
**************************
วรางคณาต้องเกร็งมือที่จับพนักแขนไว้แน่น ในขณะที่มืออีกข้างครอบหน้ากากออกซิเจนที่เปิดห้อยลงมาจากเพดาน ตอนนี้สภาพในเครื่องกำลังเอะอะวุ่นวายด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นเกิดอย่างปัจจุบันทันด่วน เคราะห์ดีที่เธอนั้นใส่เข็มขัดนิรภัยไว้ตลอด ส่วนผู้โดยสารคนอื่นๆที่ส่วนมากไม่ได้ใส่เข็มขัดไว้ล้วนแล้วแต่กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง บ้างก็หัวแตกเลือดอาบร้องโอดโอย มีหลายคนนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น มิ้นท์ไม่แน่ใจว่าคนเหล่านั้นจะเสียชีวิตแล้วหรือยัง
โอย
Help me
เสียงครางจากฝรั่งคนคนหนึ่งที่นอนอยู่กับพื้น Please help
my neck
broken วรางคณาสะดุ้งวาบ ประโยคที่คนเจ็บครางออกมากระท่อนกระแท่นนั้นอาจจะแปลได้ว่า ได้โปรดช่วยฉันเถิด คอฉันหัก ทว่าหาได้มีใครสนใจเลยสักคน ทั้งนี้ก็เพราะต่างก็ยุ่งวุ่นวายกับอาการเจ็บของตนเองหรือไม่ก็ยึดให้ตัวเองอยู่ในที่ปลอดภัยไว้ก่อน
Please เป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้ง และนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจเด็ดเดี่ยวปลดล็อกเข็มขัดแล้วลุกขึ้นยืน
เอิ๊บ ! วรางคณาอุทานออกมาเพราะจังหวะที่เธอยืนขึ้นเต็มกายนั้นเครื่องบินก็เกิดอาการส่ายหมุนไปมาอีก
ขับดีๆสิยะ อีตากัปตัน ! มิ้นท์บ่นในใจแต่เมื่อนึกถึงหน้าเอ๋อๆของพ่อกัปตันภูวดลแล้วก็อดขำไม่ได้ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้
เป็นไงบ้างคะ หญิงสาวถามออกไปเป็นภาษาอังกฤษขณะที่ค่อยๆใช้มือประคองตัวไปจนถึงที่เกิดเหตุ
ปวดคอจนยกไม่ขึ้น สงสัยคออาจจะหัก ฝรั่งตาน้ำข้าวบอกอาการพลางใช้มือกุมที่ต้นคอไว้ บางทีการกระเทือนแรงๆอีกครั้งอาจจะทำให้สิ่งที่เขาประคองไว้
หัก !
ต้องดาม ! นั่นคือความคิดแรกของวรางคณา
ไวเท่าความคิดสาวมิ้นท์มองไปรอบๆเพื่อหาตัวช่วยและก็เห็นแอร์โฮสเตสคนหนึ่งกำลังประคองตัวเองพร้อมกับใช้ผ้าแห้งกดเลือดที่ศีรษะของเด็กวัยรุ่น ปากก็ตะโกนบอกให้ผู้โดยสารนั่งประจำที่และรัดเข็มขัดนิรภัย
มาช่วยทางนี้หน่อยค่ะ มิ้นท์ตะโกนลั่น ทางแอร์ฯดูไปแล้วก็น่าจะเป็นคนไทยเหมือนกัน แอร์โฮสเตสสาวสวยรีบเดินมาอย่างยากลำบากเพราะเครื่องบินยังส่ายหมุนไปมาไม่หยุด
มีอะไรคะ เธอถามทันทีพร้อมกับสายตาที่จ้องมองคนป่วยอย่างพินิจพิเคราะห์ สงสัยคอหักค่ะ มีอะไรมาดามไหมคะ มิ้นท์บอกไปตรงๆ
รอเดี๋ยวนะคะ คราวนี้แอร์โฮสเตสออกวิ่งไปอีกทางทันที เธอรีบวิ่งอย่างไม่กลัวโซเซ และก็กลับมาพร้อมกับแผ่นพลาสติกแข็งขนาดใหญ่ ใช้กระดาน CPR ล่ะกัน แอร์ฯบอก เธอหมายถึงกระดานพลาสติกสำหรับใช้ปั๊มหัวใจ ( CPR ) ผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้น
จากนั้นทั้งสองช่วยกันมัดผู้ป่วยไว้กับกระดานอย่างแข็งแรง เชือกที่ใช้ก็แกะออกมาจากเข็มขัดนิรภัยของเก้าอี้ที่ยังพอว่างอยู่นั่นแหละ
ขณะที่หญิงสาวทั้งสองปาดเหงื่อที่หน้าผาก เสียงลำโพงก็ดังขึ้น
ท่านผู้โดยสารครับ ผมกัปตันภูวดล ผมมีเรื่องอยากจะแจ้งให้ทราบว่าตอนนี้เครื่องเรามีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ที่ใช้การไม่ได้ สุดประโยคคือความเงียบ ไม่มีผู้โดยสารคนไหนพูดอะไรขัดขึ้นมา ดูท่าทุกคนจะรู้ว่าหลังจากประโยคเมื่อครู่แล้ว จะต้องมีประโยคต่อมาที่สำคัญยิ่งกว่าการแจ้งให้ทราบ
ผมจึงจำเป็นที่จะต้องลงจอดฉุกเฉินที่ผิวน้ำด้านล่างครับ ท่านผู้โดยสารกรุณารัดเข็มขัดให้ดี อีกราวๆสองนาทีผมจะเริ่มทำการร่อนลงครับ คราวนี้ผู้โดยสารบางคนถึงกับร้องไห้ออกมา บางคนนั่งอึ้ง บางคนเป็นลมไปเสียดื้อๆ
ขอคุณพระคุ้มครองทุกท่าน ประโยคสุดท้ายของกัปตันก่อนที่ลำโพงจะถูกตัดไป
วรางคณากับแอร์โฮสเตสช่วยกันมัดกระดาน CPR ที่ตอนนี้มีผู้ป่วยที่หัวใจยังไม่หยุดเต้นนอนหงายอยู่ด้านบนเข้ากับขาเก้าอี้ซ้ายขวาอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยได้รับแรงกระแทกมากเกินไป
ขอบคุณมากนะ คนไข้คอหักเอ่ยเบาๆ สายตาคลอด้วยหยาดน้ำแสดงความซึ้งใจ ไม่เป็นไร สองสาวตอบแทบจะพร้อมกัน ก่อนที่แอร์โฮสเตสจะขอตัวไปดูแลผู้โดยสารคนอื่นต่อ ส่วนมิ้นท์เองก็รีบตะเกียกตะกายกลับมายังที่นั่งของตนแล้วรัดเข็มขัดจนแน่น
Prepare to land เสียงกัปตันแว่วมาอีกครั้ง
อีตาบ้า Land แปลว่าแผ่นดินย่ะ ข้างล่างน่ะมีแต่น้ำ แม้ยามหน้าสิ่วหน้าขวานหญิงสาวก็ยังอดที่จะนึกตลกร้ายไม่ได้
ครืนนนนนน !
เสียงเครื่องบินดิ่งลงล่างอย่างรวดเร็ว มันเร็วเกินไปสำหรับการลดเพดานบินตามปกติซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการควบคุมเครื่องยนต์ที่เสียหาย วรางคณาคาดเข็มขัดมั่นก่อนที่จะคู้ตัวลงให้มากที่สุด มือทั้งสองประสานที่ท้ายทอยเพื่อเตรียมรับแรงกระแทกส่วนสายตาเหลือบระวังซ้ายขวาไปรอบๆ
มีเพียงผู้โดยสารบางส่วนที่สามารถทำได้อย่างเธอ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่ไม่ได้รัดเข็มขัดในครั้งแรกที่เกิดการปะทะนั้นส่วนมากนอนกลิ้งอยู่กับพื้น บางคนศีรษะแตกเลือดอาบสลบไสล บางคนแขนขาหักผิดรูปก็มี ส่วนที่สามารถลุกขึ้นมาประจำที่นั่งได้นั้นก็จะเป็นพวกที่บาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ
เพดานบินหล่นฮวบลงอีก แอร์ฯสาวที่กำลังกุลีกุจอพยุงผู้โดยสารให้ขึ้นประจำที่นั่งถึงกับเซกลิ้งหลุนๆไปทางหนึ่ง วรางคณาพยายามร้องบอกให้เธอรีบนั่งที่เก้าอี้เสียตั้งแต่ตอนนี้ ทว่าดูเหมือนแอร์โฮสเตสจะไม่ได้ยิน หรือได้ยินแล้วแต่ก็ไม่อาจที่จะละทิ้งผู้โดยสารได้
ระดับการบินลดลงอย่างรวดเร็วจนวรางคณาเสียววาบที่ท้องน้อย นอกหน้าต่างที่เมื่อครู่ เห็นผืนน้ำอยู่ลิบๆ
บัดนี้มันกระชั้นใกล้เข้ามามาก ! อีกไม่กี่วินาทีท้องของเครื่องบินก็จะปะทะกับผืนน้ำ วรางคณาคู้ตัวภาวนาคิดถึงพ่อแก้วแม่แก้ว แม้จะหลับตาแต่ด้วยความตื่นกลัวถึงขีดสุดทำให้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นตื่นตัวเต็มที่ เธอได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้โดยสารที่รับรู้ว่าวินาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ทว่าหญิงสาวกลับไม่รู้สึกตระหนกเท่า
อะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกเชื่อใจกัปตันจอมเปิ่น ทั้งที่ทีแรกรู้สึกไม่วางใจสักเท่าใดนัก แต่ตอนนี้บางอย่างกลับทำให้รู้สึกเช่นนั้น
อาจเป็นความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็เป็นได้
หญิงสาวเกร็งหน้าท้องด้วยความตื่นเต้นเมื่อถึงวินาทีแห่งการปะทะ
จากคุณ :
Luckard
- [
10 ต.ค. 50 20:51:02
]
|
|
|