ความคิดเห็นที่ 1 และจากหน้า กลอน ใน กล่องเก็บกลอน http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem48976.html @..สำนึกก่อนสาย....ก่อนจะตายจากกัน..@ tiki   @..ท่านปัญญาท่านให้ข้อธรรมได้ล้ำเลิศ สุดประเสริฐแม้นท่านมาในรถเข็น ท่านสอนธรรมเพื่อให้ใจร่มเย็น ให้คนเป็นได้ดูครูในโลง ``@...*:-.,_,.-:* `@...*:-.,_,.-:*.@...-:*``*:-.,_ ``@...*:-.,_,.-:* `@...*:-.,_,.-:*.@...-:*``*:-.,_     @..สำนึกก่อนสาย....ก่อนจะตายจากกัน..@ ``@...*:-.,_,.-:* `@...*:-.,_,.-:*.@...-:*``*:-.,_ ``@...*:-.,_,.-:* `@...*:-.,_,.-:*.@...-:*``*:-.,_ ไม่คิดวันนี้.........เราทั้งสี่.........ได้ไปวัด พูดชัดชัด.........งานศพเพื่อน.........เหมือนไม่ห่าง สามีเพื่อน.........ได้จากไป.........คล้ายจืดจาง ลาจากนาง.........จรหายไป.........ไร้หวนคืน ได้ฟังเทศน์.........ท่านปัญญาฯ.........มาเทศน์ชัด สอนธรรมทัศน์.........การครองใจ.........อย่างไม่ฝืน ให้ดูแล.........ครอบครัว.........ให้ยั่งยืน ใช้น้ำเย็น.........ลากรักคืน.........สู่บ้านตน..... มองหน้าเพื่อน.........ไม่เห็นสะเทือน.........กระไรสักนิด มองหน้ามิตร.........ก็แจ่มใส.........ให้ฉงน มองสาวสาว.........มาเฝ้าแหน.........กันหลายคน เพื่อนคงบ่น.........สามีตาย.........คล้ายละคร มีหลายเบอร์.........มาเจอกัน.........ในงานศพ ล้วน*น้อยน้อย**.........มากันครบ.........สบสลอน เพื่อนยิ้มเย้ย.........สามีตาย.........ไม่อุทธรณ์ ไปเสียได้.........จะได้นอน.........ห่อนกลุ้มใจ มองบุตรสอง.........จ้องตาแป๋ว.........เห็นแล้วเศร้า มองพ่อเขา.........เพิ่งลงโลง.........โล่งใจหาย มองทางแม่.........แม่แนะนำ.........เพื่อนเก่านาย ใจลูกคล้าย.........เหว่ว้า.........น่าฉุกคิด พ่อเพิ่งตาย.........แม่ทำคล้าย.........จักเปลี่ยนคู่ พินิจดู.........ละครสด.........บทแห่งสิทธิ์ เหล่าคนเมือง.........งามเมลือง.........เฟื่องเป็นนิตย์ ละครชีวิต.........ช่างไขว้เขว.........ดูเหหัน **น้อยน้อย**ของสามี .........นี่ก็กระไร มาประกาศตัว.........งานศพได้.........คล้ายสุขสันต์ มาประจาน.........คนตาย.........ทำไมกัน เกินจำนรรจ์.........ไม่เห็นใจ.........ในลูกเขา กลับออกมา.........จากงานศพ.........พบละคร คนลงโลง.........ฝากบทตอน.........ดูอื้อฉาว คนยังอยู่.........สู้กับกรรม.........ล้วนเรื่องราว เกรงเกรียวกราว.........ลบหัวใจ.........ให้หมดเวร..... เป็นละคร.........แห่งชีวิต.........ให้คิดหวน ความรัญจวน.........เหหัน.........มันแสนเข็ญ ลูก-เมียหลัง.........นั่งกดดัน.........มันชัดเจน พ่อทิ้งไว้.........รอยแผลเป็น.........ให้ครอบครัว อุทธาหรณ์.........ชีวิตเพื่อน.........คือเตือนใจ มองเข้าไป.........บ้านของตน.........ค้นให้ทั่ว มองความรัก.........ของคู่ตน.........คนใกล้ตัว เขาไม่ชั่ว.........เพราะรักเดียว.........เกี่ยวหัวใจ ก้มลงกราบ.........ภัสดา.........ผู้สามี สะท้อนใจ.........ในวจี.........ที่เธอให้ คือปรกแก้ว.........กั้นเกศ.........กั้นเภทภัย บ้านของเรา.........เป็นบ้านได้.........ให้เพื่อนเกลอ สำนึกนี้.........ไม่มี.........ที่ใครสอน **ท่านปัญญา**.........ท่านเทศน์วอน.........สะกิดเสมอ ใช้น้ำเย็น.........น้ำคำ.........พร่ำ*รักเธอ* รีบอย่าเก้อ.........ก่อนจะจาก.........พรากความตาย มองคู่เขา.........ความตายพราก.........จากไปลับ มองคู่เรา.........ถือว่านับ.........ว่ายังไม่สาย ยังสามารถ.........ทิ้งบาดหมาง.........ไว้ข้างกาย ก่อนจะเสียดาย.........ที่มองไม่เห็นเงา.........เขาคนดี ,...@...-:*``*:-.,_,.-:*``@...*:-.,_,.-:*`` ฝัน..จะได้ไหม? ``@...*:-.,_,.-:* `@...*:-.,_,.-:*.@...-:*``*: -.,_ ....@..._,.-:*``*:-.,_. ใน,.-:*``*:-.,,.-:*``*:-นาม .,_,.-:ของ*``*:-.,_,.-:*``*:-.,ความ_,.-:*``*:-_,. -:*``*:-.,รัก .,_,.-:*``.`*:-...@- ทิกิ_tiki ,_@,.-:*``*: ,.-:*``*:-.,_,.-:*``*ไร้สีสัน :-.,_,.-:*``*:-วรรณะ.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_เพศวัย.-:*``*: -.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*ไร้ตัว,``*:- ,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,ตน_,.-:*``*:-.,_,.-:**:- @..สำนึกก่อนสาย....ก่อนจะตายจากกัน..@ หมายเลขกลอน 48976 แต่งเมื่อ 18 มี.ค. 47 - 02:44  เขียนโดย  tiki ผู้นำกลอนมาลง tiki อีเมล์ nickmansl@hotmail.com   แหล่งที่มา เขียนเดี๋ยวนี้ในคอมพ์ คนตายสอนคนเป็น จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 11 ต.ค. 50 06:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยังค้นหาบทกลอนอีกบท ที่เขียนไว้เรื่องนำหนังสือ "แม่จ๋า" ไปถวายท่าน แต่ยังหาไม่เจอ     สำหรับทุกคนที่บ้าน ทั้งบ้านคุณพ่อคุณแม่ ตนเอง และ บ้าน คุณพ่อคุณแม่คู่ครอง ล้วนแต่นับถือ หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ หรือ พระพรหมมังคลาจารย์ อย่างจริงใจ และ ชาวชลประทานส่วนใหญ่ นั้น  ยึดถือ คำสั่งสอนท่าน ที่ให้ ใช้ทุกอย่างเพื่อ ประโยชน์สูง ประหยัดสุด กันทุกบ้าน...         จรรยาท่านงามนัก         สงบ นิ่ง เมตตา ในเวลาจะ เทศน์แม้นแรงมาก ก็ยังสุขุม บางคำเทศน์ของท่าน ฟังแล้วจะ หัวเราะขำ และ ท่านก็ ยิ้ม และ ขำ ในคำเทศน์ของท่านเองก็บ่อย          ส่วนใหญ่ที่ไป เขาไป กัน วันอาทิตย์ ถ้ามีเวลา          เมื่อข้าพเจ้าย้ายบ้านย้ายถิ่นบ่อย ใกล้วัดไหนก็ไปวัดนั้น หรือ อาจห่างเหินเพราะ ไป รับใช้ ให้พระบางวัด หรือ "อาจารย์" ฆราวาสบางท่าน                   หลายปีหลังนี้ มิค่อยได้ไปกราบท่านเหมือนเก่า การเข้าไป ไม่ได้เข้าไปประชิดตัวท่าน เพียง ถวายอาหาร ข้าวของ แล้ว นั่งห่างๆ ในสวนร่มเงาของวัด ฟังท่านเทศน์                  ระยะหลังก็เห็นท่านในรถเข็น  แต่ยังมีเมตตาทักทายคนรอบ ข้าง ข้าพเจ้า   สังเกตว่าท่านมิค่อยพูดกับสีกามากนัก แต่ทักทาย บุรุษ โดยเฉพาะ ในวันที่ไปเรื่องงานศพสามีเพื่อนนั้น  ท่านหยุดรถ มาทักทาย  "อาร์ตติสต์" เพื่อนของเรา ที่ยืนคุยกันว่า           " จะไว้ผมยาวไปทำไม  .." แล้วก็ พูดอะไรกับเขาอีกหลายประโยค ซึ่งเจ้าตัว นั้น ปลื้มเหลือเกิน ที่ท่านมาหยุดรถทัก           เวลากว่า สี่สิบปี ที่ได้ เข้าไป วัดชลประทาน และ ค่อยๆ จางหาย ไป แต่ภาพ อิริยาบทท่าน ยังติดตรึงในใจ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 11 ต.ค. 50 06:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หลวงพ่อปัญญานันทะ พระพรหมมังคลาจารย์ นามเดิมว่า ปั่น เสน่ห์เจริญ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๔๕๔ ที่ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เป็นบุตรของนายวัน และนางคล้าย เสน่ห์เจริญ เมื่ออายุ ๑๘ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดอุปนันทาราม จังหวัดระนอง และอายุครบ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดนางลาด จังหวัดพัทลุง โดยท่านสามารถสอบได้นักธรรมตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอก ในปีต่อ ๆ มา และในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ท่านได้ร่วมคณะพระภิกษุใจสิงห์ธุดงค์ไปเผยแผ่ ธรรมะที่ประเทศพม่า พ.ศ. ๒๔๘๐ ท่านได้ไปจำพรรษา ที่สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมงานพระศาสนากับพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ตั้งแต่บัดนั้น ต่อมาได้ศึกษาภาษาบาลีที่วัดสามพระยา กรุงเทพฯ จนสอบ ได้เปรียญ ๔ ประโยค แต่เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ทำให้ไม่สามารถเรียนประโยค ๕ ได้ จากนั้น พ.ศ. ๒๔๘๘ ท่านได้ไปประกาศพระพุทธศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๐๒ ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดอุโมงค์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้แสดงปาฐกถาธรรมทุกวันพระและวันอาทิตย์ ด้วยถ้อยคำที่เป็นภาษาชาวบ้าน เข้าใจง่าย และใช้เหตุการณ์ในชีวิตประจำวันเป็นอุทาหรณ์จนเป็นที่นิยมและรู้จักกันทั่วไปว่า เป็นการแสดงธรรมแบบ “ ปัญญานันทภิกขุ ” พ.ศ. ๒๔๙๗ ได้เดินทางไปเผยแพร่ธรรมะยังทวีปยุโรป และร่วมประชุมกับขบวนการศีลธรรมโลกที่สวิสเซอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ท่านได้รับอาราธนาให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้บริหารจัดการปฏิบัติงาน พระศาสนา และงานพัฒนาสังคมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ได้รับความเคารพเลื่อมใสจากประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ยิ่งท่านมีอายุสูงขึ้นเท่าใด กระแสศรัทธาการยอมรับนับถือเป็นแบบอย่าง ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ นับจากปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ซึ่งท่านอายุได้ ๖๐ ปี และเข้าสู่วัยผู้สูงอายุท่านก็ยิ่งปฏิบัติงานเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ได้แก่ การบริหารและการปกครองคณะสงฆ์ ด้วยการเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธธรรม รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๘ งานการศึกษา เป็นผู้อำนวยการจัดการอบรมพระธรรมทายาท และพระนวกะวัดชลประทานรังสฤษฏ์ งานเผยแผ่พระพุทธ ศาสนา ด้วยการเป็นผู้อบรมผู้ช่วยผู้พิพากษา เป็นองค์แสดงธรรมแก่สมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร งานปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ โดยเข้าร่วมประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์อาเซี่ยนเพื่อสันติภาพ ไปประชุมและบรรยายในการประชุมสภาศาสนาโลก และการเผยแผ่ธรรมะในประเทศอังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา งานการสาธารณประโยชน์และการศึกษาสงเคราะห์ โดยเป็นประธานจัดหาทุนสร้างตึกอุบัติเหตุ และผู้ป่วยนอก รวมทั้งอุปกรณ์การแพทย์ ให้โรงพยาบาลชลประทาน จังหวัดนนทบุรี เป็นเงิน ๒๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นประธานสร้างศูนย์ฝึกอบรมแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเงิน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นประธานสร้างวัดปัญญานันทาราม จังหวัดปทุมธานี เป็นเงิน ๗๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นประธานสร้างอาคารที่รับรองอาคันตุกะสงฆ์ “ ๙๒ ปี ปัญญานันทะ ” ให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเงิน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นประธานสร้างอุโบสถกลางน้ำให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท งานด้านแสดงธรรมถวายในพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น ในพระราชพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท งานรจนาหนังสือธรรมะและพิมพ์เผยแพร่ เป็นจำนวนมาก เช่น คำสอนในพระพุทธศาสนา, ทางสายกลาง, ความอยู่รอดของพุทธศาสนา เป็นต้น ด้วยชื่อเสียงเกียรติคุณและความรู้ความสามารถด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและการบำเพ็ญประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้แก่ประเทศชาติตลอดมา ท่านจึงได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ชั้นราช ที่ พระราชนันทมุนี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ชั้นเทพ ที่ พระเทพวิสุทธิเมธี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ชั้นธรรม ที่ พระธรรมโกศาจารย์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ และชั้นรองสมเด็จพระราชาคณะ ที่ พระพรหมมังคลาจารย์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ นอกจากนี้ ท่านยังได้รับรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ อาทิ รางวัล “ สังข์เงิน ” ในฐานะพระภิกษุผู้เผยแผ่ธรรมะยอดเยี่ยม ประจำปี ๒๕๒๐ จาก สมาคมนักประชา สัมพันธ์แห่งประเทศไทย รางวัล “ นักพูดดีเด่น ” ประจำปี ๒๕๒๐ จากสมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย ได้รับการยกย่องและคัดเลือกให้เป็น “ บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ” ในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี เมื่อ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๕ รางวัล “มหิดลวรานุสรณ์” ในฐานะผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ ควรแก่การยกย่องและถือเป็นแบบฉบับ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รางวัล “ ศาสตรเมธี ” สาขาสังคมศาสตร์ ด้านศาสนาและปรัชญา จากมูลนิธิศาสตราจารย์ ม.ล.ปิ่น มาลากุล เมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ได้รับการยกย่องให้เป็น “ ผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ ประจำปี ๒๕๕๐ ” จากกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๐ ยิ่งกว่านั้น ท่านยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง อาทิ พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาครุศาสตร์ จากมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง การศึกษาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพัฒนศึกษา ศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาศาสนาและปรัชญา จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การศึกษาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมศึกษา จากมหาวิทยาลัยทักษิณ ศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย และศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) เป็นพระมหาเถระผู้เจริญด้วยวัยวุฒิ บริสุทธิ์ด้วยศีลาจารวัตร ปฏิบัติศาสนกิจด้วยจิตมุ่งมั่นที่จะทำงานเผยแผ่ธรรมะตลอดชีวิตการทำงานของท่าน จวบกาลบัดนี้ สิริอายุได้ ๙๖ ปี พรรษา ๗๖ นับว่าเป็นผู้ที่สูงอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ยังทุ่มเททำงานเป็นประโยชน์แก่สังคมด้วยการแสดงปาฐกถาธรรม ประกอบกิจกรรมสาธารณประโยชน์ กิจกรรมการแพทย์และพยาบาล การศึกษาของภิกษุสามเณร พุทธบริษัททั้งในและต่างประเทศ จนเป็นที่ยอมรับเลื่อมใสศรัทธากันทั่วไป คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติในการประชุม เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ จึงมีมติขอประกาศสดุดีเกียรติคุณพระพรหมมังคลาจารย์ในฐานะ “ ผู้สูงอายุแห่งชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ” เพื่อเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นเจริญรอยตามต่อไป เรียบเรียงโดย ดร.อภิชัย จันทรเสน *********************** จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 11 ต.ค. 50 07:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) ผู้สูงอายุแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ชาติภูมิ พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) เดิมชื่อ ปั่น นามสกุล เสน่ห์เจริญ เกิดวันพฤหัสบดี ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ ตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน ที่ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เป็นบุตรนายวัน นางคล้าย เสน่ห์เจริญ การศึกษา เข้าศึกษาชั้นประถม ๑ เมื่ออายุ ๘ ปี ที่โรงเรียนประจำอำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง หลังจากจบชั้นประถม ๓ ได้ย้ายไปศึกษาต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัดพัทลุง จนจบชั้นมัธยม ๓ ขณะเรียนมัธยม ๔ บิดาป่วยจึงลาออกมาช่วยเหลือครอบครัว การบรรพชาและอุปสมบท อายุ ๑๘ ปี พรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดอุปนันทาราม ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ มีพระนังควินัยมุนีวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ อายุ ๒๐ ปี อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดนางลาด ตำบลเขาเจียก อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ มีพระครูจรูญกรณีย์เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ปัญฺญนนฺโท งานเผยแผ่ธรรมะและเกียรติประวัติ พ.ศ. ๒๔๗๖ ร่วมคณะพระภิกษุใจสิงห์ รวม ๔๕ รูป ธุดงค์เท้าเปล่าไปเผยแผ่ธรรมะที่ประเทศพม่ากับพระโลกนาถภิกษุชาวอิตาลี พ.ศ. ๒๔๘๐ ไปจำพรรษาที่สวนโมกขพลาราม ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับท่านพุทธทาสและท่าน บ.ช.เขมาภิรัต (พระราชญาณกวี อดีตเจ้าคณะจังหวัดชุมพร วัดขันเงิน) เป็นสามสหายธรรมร่วมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนากันมาตั้งแต่บัดนั้น พ.ศ. ๒๔๘๑ - ๒๔๘๖ ศึกษาภาษาบาลีที่วัดสามพระยา กรุงเทพฯ จนสอบได้เปรียบธรรม ๔ประโยค แล้วเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ ๒) จึงไม่ได้เรียนภาษาบาลีต่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ ไปจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๒ เริ่มเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยการปาฐกถาธรรม โดยสร้างโรงมุงใบตองตึงขึ้นในที่ของชาวบ้าน เรียกว่า ศาลาธรรมทาน (ปัจจุบัน คือ พุทธสถานเชียงใหม่) เทศน์ทุกวันอาทิตย์ วันพระ ออกเทศน์ตามหมู่บ้านต่าง ๆ โดยรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียง และเขียนเรื่องลงหนังสือพิมพ์ชาวเหนือ ในนาม ภิกขุปัญญานันทะ จำพรรษาที่วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) จังหวัดเชียงใหม่นาน 10 ปี (พ.ศ. ๒๔๙๒ - ๒๕๐๒) พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นที่พระปัญญานันทมุนี เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ พ.ศ. ๒๕๐๓ - ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ - เป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดชลประทานรังสฤษฏ์ - เริ่มปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนา ให้เป็นไปเพื่อส่งเสริมสติปัญญาตามหลักการ เป็นระเบียบ เรียบง่าย ประหยัด ได้ประโยชน์ - เป็นผู้ริเริ่มการแสดงปาฐกถาธรรมวันอาทิตย์ ณ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ พ.ศ. ๒๕๐๖ - สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาณทโย) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ ทรงแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ประเภทวิสามัญ - เป็นรองหัวหน้าพระธรรมทูตสายที่ ๙ (ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล) พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นที่ พระราชนันทมุนี เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ พ.ศ. ๒๕๑๗ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ ทรงแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าคณะภาค ๑๘ (พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล) เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๗ พ.ศ. ๒๕๑๘ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธสถิต มหาสีมาราม กรุงเทพฯ ทรงแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ประเภทสามัญ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับรางวัลสังข์เงิน เป็นเกียรติในฐานะพระภิกษุผู้เผยแผ่ธรรมะยอดเยี่ยม ประจำปี ๒๕๒๐ จากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๑ - ได้รับรางวัลนักพูดดีเด่น ประจำปี ๒๕๒๐ ประเภทเผยแผ่ธรรมะ จากสมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย - เริ่มแสดงปาฐกถาธรรมทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน เวลา ๐๘.๐๐ – ๐๘.๓๐ น. ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถ่ายทอดเสียงทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๑ พ.ศ. ๒๕๒๔ - ริเริ่มบวชพระนวกะประจำเดือนในวัดชลประทานรังสฤษฏ์ - ริเริ่มโครงการพระธรรมทายาท อบรมพระภิกษุให้เป็นนักเผยแผ่ธรรมะที่ดี พ.ศ. ๒๕๒๕ - ริเริ่มโครงการส่งหนังสือธรรมะเป็น ส.ค.ส.ปีใหม่ - ได้รับการยกย่องและคัดเลือกให้เป็นบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นที่ พระเทพวิสุทธิเมธี เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ พ.ศ. ๒๕๓๔ ริเริ่มจัดค่ายคุณธรรมแก่เยาวชนตามโรงเรียนต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นที่ พระธรรมโกศาจารย์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ พ.ศ. ๒๕๓๘ - ได้รับโล่รางวัลคนดีศรีปักษ์ใต้ จากสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ - ได้รับรางวัลเหรียญทอง TOBACCO OR HEALTH MEDAL - 1955 จากองค์การอนามัยโลก (ยูเนสโก) เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ พ.ศ. ๒๕๔๐ - ได้รับโล่พระราชทานวางวัลมหิดลวรานุสรณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ ควรแก่การยกย่องและถือเป็นแบบฉบับ จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ - สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ ทรงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะภาค ๑๘ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. ๒๕๔๒ - สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๘ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้รับรางวัลศาสตรเมธี สาขาสังคมศาสตร์ ด้านศาสนาและปรัชญา จาก มูลนิธิ ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญษัฏ ที่ พระพรหมมังคลาจารย์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้รับโล่รางวัลเกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนพัทลุง จากคณะกรรมการจัดงาน ๑๐๐ ปี โรงเรียนพัทลุง เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘ พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ ประจำปี ๒๕๕๐ จากกระทรวงศึกษาธิการ Last Update : 25 สิงหาคม 2550 9:20:44 น. %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%% ขอขอบคุณ ภาพและข้อมุลจาก Bloggang.com : khunz - หลวงพ่อปัญญานันทะหลวงพ่อปัญญานันทะ. พระพรหมมังคลาจารย์ นามเดิมว่า ปั่น เสน่ห์เจริญ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๔๕๔ ที่ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ... www.bloggang.com/viewblog.php?id=khunz&date=25-08-2007&group=6&gblog=14 จากการค้นด้วย google http://www.google.co.th/search?source=ig&hl=en&q=%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2+%2C+%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C&btnG=Google+Search&meta= จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 11 ต.ค. 50 07:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาร่วมกราบลาท่านค่ะ.. แม้นไม่ได้เป็นชาวพุทธมาแต่กำเนิด แต่โชคดีได้มีโอกาสฟังคำสอนของท่าน ได้เข้าใจ..และได้เห็นว่าพระที่ดีเป็นยังไง ปีที่แล้วยังเห็นท่านนั่งรถเข็นแต่ยังเทศน์สอนคนอยู่เลยค่ะ.. ปล. ถ้าหนูใช้คำที่ไม่เหมาะสมขออภัยด้วยนะคะ.. จากคุณ : ดั่งก้อนกรวด - [ 11 ต.ค. 50 07:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีค่ะคุณ Tiki ได้มีโอกาสใกล้ชิดท่านที่สุด เมื่อตอนที่น้องชายบวชที่วัดนี้ แต่ไปจำพรรษาที่สถานปฎิบัติอื่นในเครือเดียวกัน   จำได้ว่า วันนั้นท่านเล่าให้ฟังเองว่า กำลังพักอยู่ที่โรงพยาบาล ตื่นแต่แต่เช้าเพื่อตั้งใจ มาปฏิบัติพิธีสงฆ์ แต่รถที่มารับเข้าใจเวลาผิด เลยถึงวัดสายหน่อย ท่านนั่งรถเข็น ต้องมีคนอุ้มขึ้นบันไดและธรณีประตูประมาณ 4-5 คน ตาใส หน้าอิ่ม แม้จะเพิ่งฟื้นจากอาการป่วย หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปพบท่านอีกครั้ง เพื่อบริจาคเงินสมทบทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์ของท่านที่อยุธยา ท่านหายดีแล้ว เดินได้ด้วยตัวเอง พูดจาเสียงชัดทุกอย่าง หลังจากนั้น ก็รับรู้อาการป่วยเข้าๆออกๆโรงพบาลของท่านเรื่อยมา วัดชลประทานฯ อยู่ไม่ไกลจากบ้าน แต่ก่อนไปบ่อย ทุกวันอาทิตย์เพื่อตักบาตรตอน 10 โมงครึ่ง ตอนหลังเจอปัญหาการจราจรและที่จอดรถแออัด เลยยอมไปไกลนิดหนึ่ง คือสถานปฎิบัติธรรมแทน-วันดี เจริญสุข   อยู่แถวท่าข้าม พระราม 2   ซึ่งเป็นสาขาของวัดชลฯ  คนยังน้อย   พอฟังธรรมเสร็จก็ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน จากทางวัดที่จัดไว้จำนวนหนึ่ง และเสริมจากพวกเรา ฝรั่งเขามี 3 tenors ผู้ยิ่งใหญ่   1 ในนั้นคือ พาวาร็อตติซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว เรามีดีกว่านั้นค่ะ  เรามีนักเทศน์ผู้ยืนยงทั้ง 3 ท่าน   คือท่านพุทธทาส  ท่านปัญญา  และ ท่านเขมาฯ (ใช่หรือเปล่าเอ่ย เมื่อวานฟังข่าวไม่ถนัด และเป็นท่านเดียวกับทีได้รับรางวัล อมตะ ปีนี้หรือไม่   ขอผู้รู้ช่วยแจ้งด้วยค่ะ) คำเทศนาของท่าน ทั้งไพเราะในโลก และล้ำลึกในทางธรรมยิ่งนัก จากหม่าม้าค่ะ จากคุณ : กูรูขอบสนาม - [ 11 ต.ค. 50 07:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อวานผนั่งดูทีวีอยู่พอเห็นข่าวด่วนออกทีวี ตกใจครับ ผมไม่เคยเจอท่าน แต่ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับคำสอนของท่าน ขอบคุณ คุณทิกิ ครับ สำหรับความเห็นที่ 3 - 4 อ่านแล้วไม่ต้องไปหาหนังสือประวัติของท่านที่ไหนอ่านเพิ่มเลย จากคุณ : GTW - [ 11 ต.ค. 50 08:41:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ร่วมกราบลาครับ จากคุณ : KTHc (KTHc) - [ 11 ต.ค. 50 12:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณคุณทิกิมากๆค่ะ ที่กรุณานำมาเขียนเล่าไว้อย่างละเอียด จากคุณ : เตติญญ่า - [ 11 ต.ค. 50 13:58:27 A:82.83.215.49 X: TicketID:153756 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมส่งท่าน ด้วย สายพุทธ นั้น ชั้นดุสิต คือ สถานที่ ที่พระ "ปรมาจารย์พุทธแท้" ท่าน จะ"อุบัติ" กันที่นั่น  ในสาย เมตตา ดูแล พุทธศาสนิกชน ส่วนท่านจะไปนิพพานหรือไม่ ข้าพเจ้า ไม่อาจมองตามไปถึง จึงเขียน ส่งท่านได้แค่นั้น...เมื่อวานฟ้ามืดทึม ไม่มีแสงแดดแต่เช้า บ่ายฝนจึง เทโครมหนักมา...น่าเศร้าใจ...            วันนี้ มีภาระหน้าที่หลายอย่าง ชั่งใจอยู่ว่า จะไปโรงพยาบาล ชลประทาน เพื่อกราบลงชื่อไหม แล้ว ก็ หมุนไปมา จนเย็น จนจะค่ำแล้ว ได้ แต่ ส่งใจ ไปตาม link ต่างๆ ที่เขาเปิดไว้ให้           ได้เห็น "น้ำใจประชาทั่วหล้า " ที่ไหลหลั่งมาเพื่อท่าน           เพราะท่านเป็น " นักเทศน์ ผู้เมตตา ใคร่เห็นประชาพ้นทุกข์" อย่างแท้จริง ตลอดชีวิตท่าน ผลงานมากมาย              ญาติสนิทท่านหนึ่งเป็นคนที่เคย "นั่งเฝ้าอัดเทปให้ท่าน" ในสมัย ต้นๆ นำเทปมาให้ฟังเรื่อยๆ ต่อมาเขาไม่ได้ทำหน้าที่แล้ว ก็ยัง นำ หนังสือ ของท่านมามอบให้อยู่เรื่อยๆ         จำได้ ว่า ที่วัดหนึ่ง เขาเคย นิมนต์ท่านไปเทศน์วันเผาใครสักคน ในหมู่ญาติ ข้าพเจ้าไม่ได้ จดจำ         คุณแม่สมัยที่เข้าไปอยู่ที่บ้านพักข้าราชการกรมชลประทาน-ปากเกร็ด- นั้นใหม่ๆ ท่านมีทุกข์ใจ ตัดอาลัยบ้านเก่า ไม่ขาด มักไปสนทนาธรรมกับ พระมหาฯ หลายท่านที่นั่น และ ไป "ปฏิบัติธรรม" อยู่ครั้งหนึ่ง แต่ อาจไม่ถูกจริตกับท่านนัก คุณแม่ท่านก็มิได้ไปปฏิบัติ อีก         ข้าพเจ้า ได้ อ่านหนังสือ สายพุทธทาสและ ฟังเทศน์ อ่านหนังสือ วัดชลประทานมาแทบตลอดชีวิต         แต่ในบางช่วงที่ชีวิตหกล้มลุกคลุกคลาน ต้อง หาพระหาเจ้ามาสวม คอเหมือนกัน..เพราะ "ลองดีกับกรรมมากไป " ถึงแก่เคยร้องตะโกนท้าทาย ให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายมาถล่มข้าพเจ้าให้เห็นกันเลย ก็ได้ผลจริงๆ          จึงมีอุปเท่ห์ ให้ลูก-หลานฟังเสมอว่า           "ถ้าตนเองไม่ได้ ปฏิบัติธรรม ไม่ได้ถือศีล มั่นคง แม้นขั้นศีล5 ก็ยังไม่ครบ อย่าไป เลียนแบบ ท่านภิกษุสงฆ์ เพราะท่านถือศีล 227 ข้อ อย่างน้อย ศีลท่านย่อมมาก เป็น -รายการยกเว้น- ตลอดเวลาที่ท่านครอง ผ้าเหลือง              แต่เราๆท่านๆ ที่ยังไม่ได้บวช ไม่ได้นุ่งขาวห่มขาว ไม่ได้ปฏิบัติ ธรรม ไม่ได้ถือศีล ..อย่าลอง อย่าลอง          เพราะ พระภิกษุสงฆ์ท่านมี "พระพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพและ สังฆานุภาพ -คือตัวท่านเอง" คุ้มครองตัวท่านอยู่             อันนี้ไม่ได้แย้ง ท่านปัญญา หรือท่านพุทธทาสใดใด       แต่ ข้าพเจ้า ยอมรับว่า ที่คอยังต้องสวมพระพุทธรูปสักองค์ อยู่เสมอ อีกทั้งไม่กล้า ท้าทาย "เจ้ากรรมนายเวร" ทั้งหลาย อีกแล้วด้วย         ข้าพเจ้า เคารพในคำสอนของท่าน ศรัทธาในคำสอนของท่าน แต่อย่าหาว่าล่วงเกินพวกเหล่าศิษย์ฆราวาส ที่  เถรตรงไป ทำเลียนแบบ ท่านเลย ...เรายังมนุษย์ปุถุชน..เดินสายกลางไว้เป็นดี อย่างข้าพเจ้านี้ ให้เกิดอีกหลายกัปกัลป์ ก็ยังไม่มีวันบรรลุนิพพาน..นั่นเป็นคำตอบ                ทว่า ข้าพเจ้าก็เคารพธรรม เคารพ พระพุทธศาสนา และ หมั่น ศึกษา ด้วย ปัญญา เท่าที่มีของตนเป็นที่ตั้ง และถือว่าตนเอง เคารพหน้าที่ของตน ในฐานะ ประชาชน ที่มีหน้าที่ดูแลครอบครัว ให้สงบสุขเป็นสำคัญ...ข้าพเจ้ามิใช่เพศบรรพชิก ที่จะต้องจาก เรือนไปจำวัดปฏิบัติศาสนกิจ จึงทำได้เท่านี้             และที่ผ่านมา ได้สังเกตว่า ท่านปัญญา ท่านสอนฆราวาสธรรม ได้ลึกซึ้งทั้งที่ท่านมิได้เป็นฆราวาส ..ได้ยินท่านอบรมธรรม พวกที่จำเป็น ต้องมีตำแหน่ง "เมียหลวง" ไว้มากมาย จนบางครั้ง พวกถือสิทธิสตรีอย่าง ข้าพเจ้า ก็ทนฟังไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่ได้ไปล่วงเกินท่าน เพราะรู้ซึ้งว่า ท่าน กำลังเทศน์ดับทุกข์ให้เหล่าสตรีมีกรรมทั้งหลายนั้นให้ "ปลงตกเสียเถิด"           หากใครฟังท่านเทศน์ไม่จบทุกประโยค ไม่จบไม่สิ้น จักต้องคิดว่า ท่านเป็นอย่างโน้น ท่านเป็นอย่างนี้           ท่านสอนให้ "ปลง ละ วาง " อย่างนั้น ทุกครั้ง          และ ท่านสอนให้ รอมชอม อยู่ด้วยกัน อย่างสันติ เสมอ         สาธุชนส่วนใหญ่ จึงพอใจจะฟังธรรม ที่ เสมือนยาสมานแผลใจ เขาเหล่านั้น ให้ ทุเลาลง             เพราะในการว่ายวนในความทุกข์นั้น           คนเห็นแต่ความร้อนเดือดของทุกข์         ธรรมะจะทำให้สงบเย็น นั้นเป็นถ้อยจากปากของท่าน            แม้สังขารท่านจะลับไป           ยังฝากผลงานไว้มากมาย นับไม่ถ้วน       เชิญท่านเข้าไปดูตามลิงก์ต่างๆที่ส่งให้ไว้ด้านบน และ ฝากเพลงจากเว็บนี้ให้ไป ฟัง-ดาวน์โหลด ฟรี ไปฟังกันได้ค่ะ http://www.thailandsoft.com/main.html แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 02:05:02 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 11 ต.ค. 50 18:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผลงานและเกียรติคุณ             งานด้านการปกครอง       พ.ศ.2503 เป็นเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์       พ.ศ.2506 ได้รับพระบัญชา แต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์       เป็นหัวหน้าพระธรรมทูตสายที่ 9       เป็นรองเจ้าคณะภาค 18       พ.ศ.2515 เป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธธรรม ชิคาโก สหรัฐอเมริกา             งานด้านการศึกษา       พ.ศ.2503 เป็นเจ้าสำนักศาสนาศึกษา แผนกธรรมและบาลีวัดชลประทานรังสฤษฏ์       พ.ศ.2512 เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนพุทธศาสนาวัดอาทิตย์ ระดับอนุบาล ประถม มัธยมศึกษา       พ.ศ.2524 เป็นผู้อำนวยการจัดการการอบรมพระธรรมทายาทของวัดชลประทานรังสฤษฏ์ เป็นผู้อำนวยการจัดการอบรมพระนวกะที่บวชในวัดชลประทานรังสฤษฏ์             งานด้านการเผยแผ่       พ.ศ.2492-2502 เป็นองค์แสดงปาฐกถาธรรมประจำวันพระ และวันอาทิตย์ ณ พุทธนิคม สวนพุทธธรรม วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่       พ.ศ.2500 เป็นประธานมูลนิธิ “ชาวพุทธมูลนิธิ” จังหวัดเชียงใหม่       เป็นประธานก่อตั้งพุทธนิคม จ.เชียงใหม่       พ.ศ.2503 เป็นองค์แสดงธรรมทางสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุโทรทัศน์       เป็นผู้ริเริ่มการทำบุญ ฟังธรรมในวันอาทิตย์ ณ วัดชลประทานรังสฤษฏ์       เป็นผู้ก่อตั้งทุนพิมพ์หนังสือเพื่อเผยแผ่ธรรมะแก่ประชาชน พ.ศ.2520       เป็นผู้อบรมผู้ช่วยผู้พิพากษา       พ.ศ.2525 รับเป็นองค์แสดงธรรมแก่วุฒิสมาชิก และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร       พ.ศ.2534 เป็นผู้ริเริ่ม “ค่ายคุณธรรมแก่เยาวชน” ในโรงเรียนต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย ฯลฯ       พ.ศ.2536 จำพรรษา ณ วัดพุทธธรรม ชิคาโก สหรัฐอเมริกา             การปฏิบัติศาสนากิจในต่างประเทศ       พ.ศ.2497 เดินทางเผยแผ่ธรรมรอบโลก       ช่วยเหลือกิจการพุทธศาสนา เผยแผ่ธรรมะในต่างประเทศ คือ ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เยอรมนี       เป็นเจ้าอาวาสววัดพุทธธรรม วัดไทยในชิคาโก สหรัฐอเมริกา             งานด้านสาธารณูปการ       พ.ศ.2516 เป็นประธานในการก่อสร้างกุฏิสี่เหลี่ยม เพื่อเป็นที่อยู่แก่พระภิกษุผู้บวชใหม่       พ.ศ.2518 เป็นประธานในการก่อสร้างโรงเรียนพุทธธรรม       เป็นประธานในการก่อสร้างโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์       พ.ศ.2537 เป็นประธานก่อสร้างกุฏิสองหลังเป็นกุฏิทรงไทยประยุกต์             งานด้านสาธารณประโยชน์       พ.ศ.2533 เป็นประธานหาทุนสร้าง "ตึก 80 ปี ปัญญานันทะ" ให้โรงพยาบาลชลประทานรังสฤษฏ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี       สร้างศูนย์ฝึกและปฏิบัติงาน มูลนิธิแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา       พ.ศ.2534 บริจาคเงินสร้างอุโบสถวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) จ.เชียงใหม่       พ.ศ.2537 บริจาคเงินสร้างโรงอาหารแก่โรงเรียนประภัสสรรังสิต อ.เมือง จ.พัทลุง       บริจาคเงินซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลวชิระ จ.ภูเก็ต       เป็นประธานหาทุนสร้างวัดปัญญานันทาราม จ.ปทุมธานี       บริจาคเงินเป็นทุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในโรงเรียนท้องถิ่นที่ขาดแคลนต่างๆ หลายจังหวัด             งานพิเศษ       พ.ศ.2503 เป็นองค์แสดงธรรมถวายสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ณ ตำหนักจิตรลดารโหฐาน       พ.ศ.2518 เป็นองค์แสดงธรรมถวายสมเด็จพรเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ณ ศาลาการเปรียญ วัดชลประทานรังสฤษฏ์       เป็นองค์แสดงธรรมถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และ พระบรมวงศานุวงศ์ เนื่องในพระราชพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์รามาธิบดีอันมีศักดิ์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท       เป็นพระอุปัชฌาย์อุปสมบทแก่ช่าวต่างประเทศ ที่อุปสมบทในประเทศไทย เช่น ชาวอเมริกัน อังกฤษ ออสเตรเลีย เยอรมนี ญี่ปุ่น และศรีลังกา เป็นต้น       พ.ศ.2529 ได้รับนิมนต์เข้าร่วมประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์อาเชี่ยนเพื่อสันติภาพ ครั้งที่ 7 ที่ประเทศประชาธิปไตยประชาชนลาว (12th Asain Buddist Conference for Peace)       พ.ศ.2536 ได้รับนิมนต์ไปร่วมประชุมและบรรยาย ในการประชุมสภาศาสนาโลก 1993 ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา (The 1993 Parliament of the world's Religion)             งานด้านวิทยานิพนธ์       ได้เขียนหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาไว้มากมาย เช่น             ทางสายกลาง       คำถามคำตอบพุทธศาสนา       คำสอนในพุทธศาสนา       หน้าที่ของคนฉบับสมบูรณ์       รักลูกให้ถูกทาง       ทางดับทุกข์       อยู่กันด้วยความรัก       อุดมการณ์ของท่านปัญญา       ปัญญาสาส์น       ชีวิตและผลงาน       มรณานุสติ       ทางธรรมสมบูรณ์แบบ       72 ปี ปัญญานันทะ             เกียรติคุณที่ได้รับ       พ.ศ.2520 ได้รับรางวัล “สังข์เงิน” จากสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ในฐานะพระภิกษุผู้เผยแผ่ธรรมะและศีลธรรมยอดเยี่ยมของประเทศไทย       พ.ศ.2521 ได้รับรางวัล “นักพูดดีเด่น” ประเภทเผยแผ่ธรรม จากสมาคมฝึกพูดแห่งประเทศไทย       พ.ศ.2525 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระศาสนา เนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จากกรมการศาสนา โดยได้รับรางวัลและประกาศเกียรติคุณ 2 รางวัล คือ ประเภท ก.บุคคล และประเภท ข.สื่อสารมวลชน (รายการส่งเสริมธรรมะทางสถานีวิทยุโทรทัศน์)       พ.ศ.2524 ได้รับปริญญาพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาครุศาสตร์ จาก มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย       พ.ศ.2531 ได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง       พ.ศ.2534 ได้รับปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์       พ.ศ.2536 ได้รับปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย       พ.ศ. 2536 ได้รับปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปรัชญาและศาสนา) จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์       พ.ศ.2537 ได้รับปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์             สมณศักดิ์ที่ได้รับ       วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2499 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ “พระปัญญานันทมุนี”       วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2514 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระราชาคณะชั้นราช ที่ “พระราชนันทมุนี”       วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระราชาคณะชั้นเทพ ที่ “พระเทพวิสุทธิเมธี”       วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ “พระธรรมโกศาจารย์ สุนทรญาณดิลก สาธกธรรมภาณ วิสาลธรรมวิภูษิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี”       วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ หรือรองสมเด็จพระราชาคณะ ที่ “พระพรหมมังคลาจารย์ ไพศาลธรรมโกศล วิมลศีลาจารวินิฐ พิพิธธรรมนิเทศ พิเศษวรกิจจานุกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี”                   พระอุโบสถกลางน้ำ งานชิ้นสุดท้ายที่ยังทำไม่เสร็จ             ปณิธานสุดท้ายที่ท่านตั้งใจทำในชีวิตก็คือ การสร้างพระอุโบสถกลางน้ำ ที่วังน้อย อยุธยา โดยพระอุโบสถกลางน้ำจะเป็นสถานที่ที่เป็นที่ศึกษาเรียนรู้ของผู้สนใจในหลักธรรมะ ที่มา http://www2.nesac.go.th/nesac/th/whatsnew/detail.php?myLeftMenu=&myDataID=429&myModuleKey=newsother จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 11 ต.ค. 50 18:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 การฟังธรรมท่านปัญญานั้น ฟังเพื่อการศึกษา ให้เกิดปัญญา ส่งลิงก์ ตัวอย่างธรรมให้ฟัง สักที่ http://www.dhammathai.org/sounds/panya.php จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 11 ต.ค. 50 18:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เช่นเดียวกับหลายๆท่านค่ะ ใจหายเมื่อได้ทราบข่าว รู้สึกเสียดายกับพระอาจารย์ที่อยู่ในศีลธรรมอันดีอีกท่านที่ต้องละสังขารไป แต่เชื่อเถิดว่า ความดี และคำสั่งสอนของท่าน จะคงอยู่กับเราไป...ตลอดกาล ได้มีโอกาสใกล้ชิดท่านตอนที่พี่ชายไปบวชเรียนที่วัดชลปะทานฯค่ะ ปีกว่าๆ นี่เอง ตอนนั้นท่านนั่งรถเข็นแล้วนะคะ แต่เรารู้ได้ทันทีว่าพระท่านนี้เคร่งศิลมากๆ ท่านผ่องใส และเมื่อตอนที่เราเห็นท่าน อย่างหนึ่งที่เกิดในใจเรา คือความรู้สึกเย็นค่ะ เย็นกาย รวมไปถึงเย็นใจ กราบลาพระคุณเจ้าด้วยคนค่ะ จากคุณ : ทรายหวาน - [ 11 ต.ค. 50 19:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 96 ปีหลวงพ่อปัญญา หยุดเทศน์หยุดหายใจ [14 เม.ย. 50 - 16:50] คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.)ยกย่องให้หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ คนแรก ประจำปี 2550 “พระแก่ๆมีเยอะ แต่ไม่เอาไหน ฉันแก่...แต่เป็นประโยชน์” หลวงพ่อปัญญาฯ บอก “เขาคงเห็นว่า เป็นพระสอนคนมาหลายสิบปีแล้ว ก็เลยยก ให้เป็นพระแก่ตัวอย่าง” วันที่ 11 พฤษภาคม 2550 หลวงพ่อปัญญานันทะฯ ก็จะอายุ 96 ปีบริบูรณ์...แต่ทุกวันนี้ก็ยังทำงานทุกวัน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบ้างหรือ? “ไม่เหนื่อย...” หลวงพ่อปัญญาฯ ตอบสั้นๆ “เวลาเทศน์ไม่เหนื่อย ลงจากเทศน์นั่นแหละถึงจะเหนื่อย” การเทศน์ ถือเป็นงานหลัก ที่ทุ่มเทมาเกือบทั้งชีวิต ผลงานการเทศน์ของหลวงพ่อปัญญาฯเป็นที่เลื่องลือ สไตล์การเทศน์ตรงไปตรงมา ใช้ภาษาง่ายๆ เลี่ยงภาษาบาลี ไม่ว่าใครฟังแล้วก็เข้าใจได้ทันที เข้าใจแล้ว ก็ยังสะใจ ผู้คนจึงยกย่องท่าน...เป็นนักเทศน์ฝีปาก กล้า กล้าวิพากษ์วิจารณ์ แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม นัยความหมายของการเทศน์ ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อปัญญาฯจะรังเกียจเดียดฉันท์ใคร หากแต่ท่านเห็นว่าบางปัญหาต้องใช้ธรรมะติดเบรก ชี้ทางที่ถูกต้อง งานสอนธรรมะ ที่ทำเป็นหน้าที่ สม่ำเสมอและต่อเนื่อง ไม่น่าที่หลวงพ่อปัญญาฯ จะมีเรื่องราวติดค้างคาใจ...อะไรต่อไปอีก แต่ก็นั่นแหละในวัยวันที่สังขารจะถึง 96 ปี หลวงพ่อท่านก็ยังมีห่วง หลวงพ่อปัญญาฯ พูดกับคนใกล้ตัวเสมอ ฉันยังมีภาระช่วยสร้าง มหาวิทยาลัยสงฆ์ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โบสถ์กลางน้ำ งบประมาณกว่า 100 ล้าน ทรงไทยประยุกต์ หลวงพ่อปัญญาฯเคยดำริว่า จะสร้างเป็นอนุสรณ์ให้กับวัดมหาจุฬาฯ และเป็นพุทธานุสรณ์ให้แก่อนุชนรุ่นหลังได้ระลึกถึง อุโบสถทรงไทยประยุกต์เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2548 มี 2 ชั้น ...ชั้นบน รองรับพระสงฆ์ได้ 400 รูป และมีลานล้อมรอบ...ชั้นล่าง เป็นฐานกว้าง อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ รองรับคณะสงฆ์ ได้ถึง 4,000 รูป อุโบสถกลางน้ำถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งอาจเป็นงานชิ้นสุดท้าย หลวงพ่อปัญญาฯ เคยตั้งอธิษฐาน... “ถ้าโบสถ์ไม่เสร็จ ไม่ตาย” ที่เคยคาดหวังกันไว้ว่าจะเสร็จให้ทันปี 2550 อาจจะไม่เสร็จเพราะเจอปัญหาน้ำท่วม แต่ปีหน้า หวังว่าจะเรียบร้อย “เงินยังไม่ครบ แต่ได้เรื่อยๆ...คนเอามาให้ทุกวัน” หลวงพ่อว่า สงกรานต์ปีนี้ ใครอยากจะทำบุญที่ยิ่งใหญ่ สืบสานพระพุทธศาสนาต่อไป ก็ติดต่อบริจาคได้ที่ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ปากเกร็ด นนทบุรี โทรศัพท์ 0-2583-8845, 08-1831-2367, 08-1830-1923 หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาปากเกร็ด ชื่อบัญชี...พระพรหมมังคลาจารย์ หมายเลขบัญชี 142-2-15767-9 ในฐานะผู้สูงอายุระดับชาติคนแรกของปีนี้ หลวงพ่อปัญญาฯ อยากฝากคำสอนไปถึงลูกหลาน... “อยากให้ทุกคนเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี...และไปสู่สถานที่ดี” นอกจากห่วงโบสถ์กลางน้ำจะไม่เสร็จ ห่วงต่อมา หลวงพ่อปัญญาฯ เป็นห่วงลูกๆหลานๆโง่ ผู้ใหญ่ก็โง่ๆ... ถ้าไม่อยากโง่ ลูกหลานก็ต้องฟังคำสอนของผู้ใหญ่ คนมาวัด พระก็ต้องสอน ไม่ใช่เสก เป่า เขกกระบาล ถ่มน้ำหมาก ถ่มน้ำลายใส่หัว “เห็นคนโง่แล้วสงสาร...ไปไหว้พระ...ขอหวย มันไม่ถูก เราต้องช่วย สอนให้เขาเข้าใจ ให้ฉลาดก้าวหน้า” ลูกหลานจะไม่โง่...ผู้ใหญ่ต้องสอน ให้รู้จักว่า... “ชีวิตคืออะไร...เกิดมาทำไม...อยู่เพื่ออะไร...ก่อนตายทำความดีเสียบ้าง...อย่าอยู่กันไปแบบรกโลก...หนักแผ่นดิน ถึงจะมีราคา” หลวงพ่อปัญญาฯ เทศน์สอนคนมาเกือบทั้งชีวิต ได้อะไรกลับคืนมาบ้าง “คนที่ฟัง...รับไปทำตามก็ได้ประโยชน์กับตัวเขา” หลวงพ่อปัญญาฯบอกว่า คนที่รู้ตัว เข้าใจชีวิต ชีวิตเขาก็ดีขึ้นๆ ความงมงาย ความเชื่อที่เหลวไหล...เชื่อโชคลาง เชื่อผีสางเทวรูปก็หายไป เชื่อพระพุทธเจ้า เชื่อกฎแห่งกรรม ทำดี...ดี ทำชั่ว...ชั่ว ทำ เหตุอันใดก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น ถ้าทำเหตุให้เป็นทุกข์ ตัวก็ต้องเป็นทุกข์...ทำเหตุให้เป็นสุข ตัวก็เป็นสุข มีทุกข์...มีปัญหา อย่าไปแก้ที่อื่น...ต้องแก้ที่ตัวเอง ให้ใจตัวเองแก้ไขตัวเอง ทำตัวเองให้เจริญ มีประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง ไม่อยู่รกแผ่นดิน ใครที่คิดว่า...สงกรานต์ปีนี้ จะร้อนเป็นพิเศษ แต่สำหรับหลวงพ่อปัญญาฯ ท่านบอกว่า ปีไหนๆก็ร้อนเหมือนกันหมด “อย่าใจร้อน...ให้ร้อนแต่กาย ใจอย่าร้อน” ที่สำคัญอย่าเที่ยวสนุกจนลืมตัว ดื่มเหล้าเมา ขับรถชนแหลก...ก็มีตายกันทุกปี ทั้งชีวิตหลวงพ่อปัญญาฯ อยู่ได้เพราะงาน ถึงวันนี้แล้วอยากจะหยุดทำงานบ้างไหม? “หยุด....เมื่อหมดลมหายใจ” งานสำคัญกับทุกคน... หลวงพ่อปัญญาฯ ย้ำ “งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน บันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขขณะทำงาน” อุดมการณ์ของหลวงพ่อปัญญาฯ การทำงานต้องอยู่บนหลักของความถูกต้อง “ทำเพื่อให้...ไม่ได้ทำเพื่อจะเอา” นักการเมืองเข้ามาเล่นการเมือง บริหารบ้านเมืองก็ไปเอาทั้งนั้น โกง...กินบ้านกินเมือง...ใช้ไม่ได้ นักการเมืองไม่ดี ก็มาจากคนเลือก...เลือกไม่เป็น “เขาไม่ให้พระเลือก แต่ว่าพูดได้ ถึงเขาจะห้ามไม่ให้พูดเรื่องการเมือง แต่ฉันพูดทุกที” การเลือกตั้ง ถึงจะเลือกคนที่ดีที่สุดไม่ได้ แต่ก็ขอให้เลือกคนที่ชั่วน้อยหน่อย เพราะไอ้ที่ดี 100 เปอร์เซ็นต์...มันหายาก เหลือน้อย ต้องประชุมในวงกว้าง หารือกันแบบประชาพิจารณ์กันเลยว่า...จะเลือกใคร อย่าเห็นแก่เหล้า แก่ข้าว ไม่เป็นทาสของอามิสสินจ้าง ต้องเป็นไท...เลือกอย่างไทย เลือกอย่างมนุษย์...เลือกอย่างพุทธบริษัท จะได้คนดีมาเป็นนายกฯ เป็นส.ส. ไอ้พวกเหลวไหลจะได้เข้ามาบริหารบ้านเมืองไม่ได้ ก่อนที่จะจบการสนทนา หลวงพ่อปัญญาฯ ย้ำทิ้งท้าย “จงอย่าใช้ชีวิตอยู่ให้หนักบ้านเมือง ทำชีวิตให้มีประโยชน์ ดำรงตนเป็นคนให้...ไม่ใช่เป็นคนเอา ถ้าทุกคนช่วยกันให้ บ้านเมืองก็เจริญ...แต่ถ้าคิดแต่จะเอา บ้านเมืองก็ชริบหะหลาย”. มาแก้ถ้อยคำให้ เพราะ กระทู้13 ถูกลบไปอย่างไร้ร่องรอย ที่มา.......หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=43514 แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 01:57:46 แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 01:07:24 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 11 ต.ค. 50 19:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 .........เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา......ไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์ นำหนังสือที่พิมพ์ในปีนี้ไป รวม 100 เล่ม ...เดินถวายไปตามเตียง พระสงฆ์อาพาธทั้งหลาย       มีบางองค์ที่ เดินผ่านท่านแล้ว ขนลุกซู่ ต้องหันกลับไปดูท่าน อีกหน  พระภิกษุชรา ผมขาวโพลน แต่ผิวพรรณงาม และ นัยน์ตา เยือกเย็น  ต้องย้อนไปถาม คนที่มาเฝ้าสองคนว่าท่านอยู่วัดอะไร เขาตอบว่า อยู่ภาชี อยุธยา..         พระบางองค์ บางรูป ปฏิปทาท่านสูง และ มีจริยวัตรงาม และมี รังสีความเมตตาบารมีมาก  ..เสมือนท่านพระพรหมมังคลาจารย์ -หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ ของเราทั้งหลาย         พระสงฆ์บางองค์ท่านฝึกฤทธิ์มาก เข้าใกล้แล้วคนจะร้อน เพราะ ฤทธิ์นั้นเต็มด้วยพลัง        พระสงฆ์บางท่าน ท่านหลั่งเมตตา เจริญเมตตา  อย่างท่านเทศน์ ก็เทศน์ด้วยเมตตา...โยมที่เข้าไปหารู้สึกสัมผัสได้ด้วยใจว่ามีกระแสเย็น เป็นธรรมะ   ยิ่ง เวลาท่านอยู่ ไม่ว่าจะมาออกทีวี อย่างรายการ คนค้นคน เมื่อหลายเดือนก่อน คนในบ้านร้องเรียกกันให้ลั่นว่า รายการหลวงพ่อ ปัญญา ออกทีวีให้ไปเปิดดูกัน...         แม้น ธรรมะที่ตรงเผงของท่าน เสมือนมีดกรีดใจหลายคนให้ ทนฟังไม่ได้           แต่สัจจะ ย่อมเป็น สัจจะ   สิ่งที่ท่าน เตือน ท่านห้าม ท่านสอน ซึ่งเปี่ยมไปด้วยเมตตาพลังนั้น   ย่อมมีคุณค่ามหาศาล           ยังมีพระภิกษุสงฆ์หลายรูป ที่ มีคุณภาพสูงด้านธรรมะ แต่วิธีการ ที่ รุนแรงเด็ดขาด และ การใช้วาจาดุเดือด บางครั้ง ท่านก็ ไม่ได้ รับผลตอบแทนอย่างหนาแน่นเท่าใด           ผู้คน ส่วนใหญ่ของประเทศ ก็เหมือนกัน คล้ายกัน คือย่อม รัก ผู้ที่ตักเตือนตนเสมือน พ่อ ตักเตือนลูก            ข้าพเจ้าเอง ก็ยอมรับว่า ในบางครั้ง ก็ ละห่าง พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรมไปบ่อยๆ  เพราะ ไปพบพระสงฆ์ที่ท่านพูดจารุนแรง ไม่มีวิธีพูดอ้อมไปอ้อมมา หรือ พูดให้คนรู้สึกตัว ด้วยวิธีเนิบช้านุ่มนวล            และ บางครั้ง ก็ ติติงพระสงฆ์ไปหลายครั้งเช่นกัน         ในกรณีนี้ สิ่งที่ต้องทำ คือ ต้อง ขอขมาพระสงฆ์ ขอขมาพระธรรม ขอขมาพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า ขอขมาพระรัตนตรัย           เพราะอย่างไร ท่านก็มีศีลสูงกว่า เรานัก         ในทางธรรม ถือว่า คนต่างกันด้วยศีล ศีลด้อยกว่า ก็ย่อมต้อง คารวะผู้มีศีลสูงกว่า ยิ่งท่านมี พรรษาแก่กว่า หรือมี ชันษาอายุ แก่กว่า ฆราวาสยิ่งต้องอ่อนน้อมถ่อมตนบูชาพระสงฆ์นั้นให้มากยิ่งขึ้น          ในสมัยก่อน เคยสงสัยบ่อยๆว่า ทำไม คนแก่ถึงนั่งไหว้พระเณร เด็กๆ เพิ่งบวชใหม่   ทำไม พ่อแม่ ต้องไหว้ลูกที่บวชพระ           ต่อเมื่อได้ทราบว่า ท่านเหล่านั้นถือศีล สูงกว่า ท่านเหล่านั้น เป็นผู้สืบทอดพระพุทธธรรมของพระพุทธเจ้า ก็ทำให้ทุกคนให้คารวะ                    มีคำถามผ่านมาว่า ข้าพเจ้าจะพูดถึงแต่พระดังๆเท่านั้น หรือ พูดแต่ คนดังๆ เท่านั้นหรือ        คงไม่จริงดอก พระที่ข้าพเจ้ารู้จักเคารพ เอ่ยชื่อบ่อยๆ คนไม่รู้จัก ก็มากมาย...          ส่วนพระที่เขาไปขึ้นกันนัก ข้าพเจ้าไม่รู้จักเลยก็มากยิ่งกว่า พระที่ข้าพเจ้ารู้จักเสียอีก  และ ข้าพเจ้าก็ยังไม่ค่อยไปเฉียดใกล้ท่านเหล่า นั้นเสียด้วยซ้ำ           ทว่า ความเคารพศรัทธานั้น        ต้องสร้างกันนาน ด้วยความประพฤติ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ       และ พระที่ปฏิบัติศีลงามนั้น ย่อมมีความหอมขจรขจายไปทั่วสารทิศ ปิดอย่างไรก็ไม่สำเร็จ                      ชีวิตของท่านปัญญาก็ฉันนั้น        ชีวิตของท่านเป็นแบบอย่างอันงาม   ที่เราทุกคน ย่อมพินิจ ด้วยความเสียดาย        ที่ท่านจากไปด้วยอายุขัยของท่านเสียแล้ว ภาพจากเว็บกรมชลประทาน ครบ 105 ปี http://information.rid.go.th/news/n58.html แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 01:56:40 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 12 ต.ค. 50 01:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หากนับกิโลเมตร ที่วัดชลประทานห่างบ้านของเรา คงสัก สิบกว่ากิโล...น่าจะได้    แต่วันนี้ ก็ยังไม่ได้ไปเคารพศพท่าน โดยเฉพาะวันนี้ เห็นข่าวทีวีว่า คนไปกันมากมาย เป็นวันแรกที่รดน้ำพระราชทาน ให้ท่านด้วย ผู้คนคงจะไปกันยกใหญ่         ข้าพเจ้าคิดไว้แต่วานว่าวันนี้จะไป   หมุนไปมากับงานบ้าน กระจุกกระจิก เพราะฝนตกหนัก ผ้าจึงไม่แห้งมาสองวัน เมื่อวานก็ ซักเพิ่ม วันนี้ ก็ซักอีก..        แล้วก็ว่า เอาละ วันนี้จะไปงานรดน้ำศพท่าน เผื่อพบคุณป้า คุณลุงทั้งหลายชาวชลประทาน โดยเฉพาะ คุณหญิง  โฉมศรี กำภู ณ อยุธยา จะได้ไปกราบท่านใกล้ๆด้วย แต่ทว่า พอบ่ายจัดๆ ก็มี โทรศัพท์จาก เพื่อนชาวเว็บที่เดินทางจากกระบี่มาแต่เมื่อวาน ว่า วันนี้ อยากจะแว้บหาพี่สักเล็กน้อยก่อนกลับบ้าน          เลยชวนมา แวะบ้านเรือนไม้เก่าในสวนสักหน่อย ที่จะไปงานรดน้ำศพท่าน ก็ ยังไปไม่ได้ ติดว่า คุณลูกสาวจะนำเจ้า สุนัขลาบราดอร์สีดำจอมแก่นมาฝากเลี้ยงตอนเย็น          แต่เห็นข่าวทีวีว่ามีคนไปร่วมงานกันเนืองแน่น น้องที่มาจาก กระบี่ ก็รายงานว่า รถติด และ ตรงนั้น ตอนบ่ายก็น้ำท่วมด้วย มอง กันไปมองกันมา ชวนกันไปห้างสรรพสินค้าดีกว่า          พอเย็นๆก็ โทรศัพท์ไปถามอีกครั้งว่า จะนำสุนัขมาส่ง เวลาไหน เพราะต้องการจะไปห้างสรรพสินค้า ใกล้บ้านกับ คุณน้อง ในเว็บนี้สักหน่อย   คุณ ลูกสาวก็กลับบอกว่าจะไม่มา เสียเวลาคอย ด้วยความห่วงใยฟรี อีก          วันนี้ จึงเป็นอีกวัน ที่ ผ่านไป                    ระหว่างนั่งรถไปห้าง ก็เล่าให้น้องคนนั้นฟังว่า       " ที่จะไปน่ะ จะไปขอขมาลาโทษท่านสักหน่อย เพราะเวลาฟังเทศน์ ท่าน  ส่วนใหญ่ ท่านก็ต้องเทศน์แก้ปัญหาสังคมได้เข่นนั้น เพราะ พวกผู้หลักผู้ใหญ่มักชอบมีคุณหนูคุณน้อย ทำให้ครอบครัวมี ปัญหากันอยู่เรื่อยๆ เรากลับมามักจะ วิพากย์วิจารณ์ ตำหนิตีเตียนท่านเรื่อง เทศน์เกี่ยวแก่เมียน้อยเมียหลวงอะไรนั้นแหละค่ะ และ ก็ เรื่องอื่นๆ อีก หลายเรื่องที่ปากเบาลืมตัวไปวิจารณ์ท่านกันไปหน่อย "                       ดึกแล้วกลับมา..จึงมิได้ไปงานศพพระอาจารย์ใหญ่อีกท่าน                ได้แต่ส่งใจไปกราบขอขมาลาโทษท่านเท่านั้น ภาพจากเว็บไซต์ บูรพา รายการ คน ค้นคน ค่ะ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 21:42:15 จากคุณ : , (tiki_ทิกิ) - [ 12 ต.ค. 50 21:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถึงเวลาตอบท่านผู้อ่านที่ลงความไว้ก่อน ค.ห.5 คุณ : ดั่งก้อนกรวด                             พระที่ดี ท่านก็อยู่ของท่านตามศีลของท่าน เป็นหน้าที่เรา พุทธบริษัท ที่จะเข้าไป อุปถัมภ์พระที่ดี แต่ ชาวโลก ซึ่งยึดถือ "คำสั่งสอน-คำแปลของคำว่า ศาสนา * นั้นมักจะ ไม่ค่อยทราบ ว่า ธรรมะ ของพระพุทธเจ้า เป็นการ นำ "กระแสแห่งชีวิตตามธรรมชาติ " มาแสดงให้ฟัง อย่างเป็น วิทยาศาสตร์...           อาศัยที่ อ่านและ ไป ศึกษา ฟังธรรม หลายที่หลายทาง จึง ยึดถึอ คำสั่งสอน ของ "หลวงพ่อเสือ-พระพิรุณหผล วัดไผ่สามกอ จังหวัด ปราจีนบุรี ผู้ล่วงลับไป นับแต่ปี 2500 " ท่านกล่าวไว้ว่า            " เอาดีเก็บมาใช้            เอาชั่วเก็บมาละ "     แล้วก็ยึด คำสั่งสอนของหลวงพ่อเสือ ท่านเป็นหลักชัยชีวิต        คือ จะไปศาสนาใด ก็ไม่ผิด จะไปเข้า โบสถ์ มัสยิด มณเฑียร ทั้งหลาย ก็ไม่มีใครห้าม เพราะ  " เอาดีเก็บมาใช้            เอาชั่วเก็บมาละ " อันนี้แหละค่ะ ไม่มีอะไรผิดดอกค่ะ น้องก้อนกรวด พอเขียนถึงตรงนี้ ก็คิดถึงคุณดอกแก้ว แห่ง อภิธรรมมูลนิธิ ขึ้นมา ไม่ได้เข้าเว็บเธอมานานแล้ว..      อย่างใดที่เราข้องใจสงสัย ขอบคุณ INternet เครือข่ายสื่อสากล ที่ทำให้เรา ค้นคว้า ข้อธรรมได้ไม่ติดขัด            และ สิ่งใด ที่เรา คิด ทำ พูด แล้วสบายใจไม่ฝืนจริตตน สิ่งนั้นก็เหมาะก้บตัวเรา เท่าที่เราจะทำได้ ไม่ฝืนตัว            แต่ หาก สังคม คิดว่า ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ ก็เป็นเรื่อง ของสังคม อยู่ที่ว่า เราไป "ขอข้าวสังคมกิน" หรือเปล่านะคะ น้องดั่งก้อนกรวด              ชีวิตคนเรา มีจำกัด ด้วยเวลา            เราจะศึกษา ใฝ่หาไปทั้งชีวิต ย่อมได้           แต่อยู่ที่เราจะ หยุด อยู่กับ วิถีทางที่ถูกจริต ตน ได้หรือไม่         หากเขียนต่อ คงยืดยาว น่าจะได้อ่าน พุทธธรรมให้ทะลุปรุโปร่ง สักรอบ สองรอบ +แล้ว น่าจะได้เห็น       "เส้นทางชีวิตของตน ที่ควรจะเป็น "  เพราะ ชีวิตเรา เป็นของเรา อยู่ที่เราจะ คิด จะพูด จะทำ อะไรที่เราคิดว่า ดีแล้วที่สุดนะคะ              คนบางคน ปฏิธรรมตายในห้องพระ แต่ยังวัยหนุ่ม แต่ผลงาน ฝากโลกไว้ก็มาก ที่มหามกุฏราชวิทยาลัย ตรงข้ามวัดบวรนิเวศนั้น เป็น แหล่งรวมผลงานธรรมที่ ฆราวาสนักอ่าน นักปฏิบัติ ไม่ควรขาด            ข้าพเจ้า พูดกับ "ฆราวาส" ผู้ยังอยู่ในคามวาสี ยังมีเรือนเป็นสรณะ ยังต้อง หลบแดด หลบฝน กันในเรือน             เรือนนั้น เป็นที่พักพิงของชีวิต ด้วยปัจจัยสี่อันเพียงพอต่อความ เป็นไป ของชีพตนในช่วงเวลาที่มีให้               บางคนก็ค้นพบ สัจธรรม ของคนในชั่วชีพตน            บางคน ก็ยังไม่พบอะไร นอกจากเลื่อนไหลไปวันวัน ข้าพเจ้า ก็ เป็นเพียงคนบางคน แห่งปุถุชน - แปลว่า ผู้หนาแน่นด้วยกิเลส ที่ยัง วนเวียนว่ายในสังสารวัฏอันยาวไกลไร้ที่สิ้นสุดนี้           และยังไม่หมายนิพพาน ตราบที่ยังไม่สลัดผ้าไปห่มผ้าขาว หรือ ห่มผ้าเหลือง หรือ ยึดกุฏิปฏิบัติเป็นสรณะ..                 อย่าเครียดกับ ความเป็นไปของตนและศาสนาเลยค่ะ คุณ น้อง ดั่งก้อนกรวดคะ            การที่เราจะ เขียนถึง พระผู้มีปฏิปทาสุง ไม่ได้แปลว่า ผู้เขียนนั้น จะต้องเป็นพระไปด้วย        และ หากเขียนถึง โจร ก็ไม่ได้แปลว่า ผู้เขียนเป็นโจรไปด้วย          ในฐานะ บุคคลอันสามารถพอจะถ่ายทอดความเป็นไปของโลก แต่ละวันเป็นอักขรา ฝากฝนฝากฟ้า ไว้ ก็แค่นั้นเองค่ะ มนุษย์ ขอบคุณที่ หมั่นมาตอบเสมอนะคะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 13 ต.ค. 50 06:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ค.ห.6 คุณ : กูรูขอบสนาม            ขอบคุณอย่างยิ่งที่กรุณาสละเวลามาเขียนตอบไว้ที่นี่ ข้อคิดของคุณดีเสมอ หลายงานที่ได้เข้าไปอ่าน           โชคดีที่น้องชายคุณ ได้ บวชได้เรียน ได้มีโอกาสดี            โชคดีที่คุณได้เห็นท่านหลวงพ่อเมื่อยังชีวิตอยู่แสดงธรรม       และ ดีที่คุณ ได้สถานที่ใกล้บ้านปฏิบัติธรรมที่วัดดี            เมืองไทยเรายังมีพระดีอีกมาก ที่เทศน์เก่ง และ สอนสั่ง พุทธบริษัท ไปถูกทาง           ในสังสารวัฏ แห่งชีวิต        ผู้เขียน ไม่คิดยึดติดอะไรเป็นสรณะ ไปเสียสิ้น    เพราะการเวียนว่ายตายเกิดในแต่ละชีพมนุษย์นั้น เราไม่อาจบอกได้ว่า ชาติใดของเราจะเกิดเป็นสิ่งใด เป็นอะไร สัตว์ชนิดไหน หรือ คน หรือ เทพ พรหม ฯลฯ         เกิดเป็นคนบนโลกใบนี้ ไม่ใช่ใบอื่น ก็ยังต้องมานั่ง "ยึดถือคำสอน" แห่งศาสนา ศาสดานั้นนี้ เขายัง พากัน แห่ พากัน โห่ แล้วก็พากัน ฆ่าคน ฝั่งตรงข้าม เพื่อจะส่งไปเกิดใหม่ กลับมาเกิดใหม่เพื่อทะเลาะวิวาทฆ่าก้น ไม่รู้จบ ด้วยเรื่อง "การยึดถือคำสอน-ศาสนา-แต่ละคำสอน"          ยิ่งมองไป ยิ่งไม่เห็นความน่าจะยึด จะถือ อะไร           จึงในประวัติพระดีเมืองไทย มากมาย         มีที่ท่าน "เก็บทรัพย์ทั้งหลายไปเผาทิ้งให้ฆราวาส" ดู กันก็ยังมี       เป็นการ "แสดงธรรมไม่ให้ยึดอะไรเป็นสรณะ" เพราะ สังสารวัฏอันยืนยาวนี้ ไม่มีขอบเขต ไม่มีข่าย ไม่มีค่ายอีกด้วยต่าง หาก            ส่วนผู้คนที่ยัง จัดตนเข้าค่ายการเมืองโน้นนี้นั้นยิ่งดำมืด มองไม่ เห็นแสงสว่างแห่งชีวิตกันเลยจริงๆค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 13 ต.ค. 50 06:44:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบ ค.ห.7 คุณ : GTW         เราผู้ยึดครองเรือน ก็ต้องดูข่าวทีวี เช่นกันค่ะ คุณ : GTW  คะ .......ถึงแม้บ้านจะใกล้ แต่ โอกาส เวลา จังหวะ ไม่ลงรอย เพราะคน เราต้องข้องเกี่ยวแก่ชีวิตอื่นและ สรรพสิ่ง ก็ยังหาโอกาสไปกราบท่าน ขอขมากรรมยังมิได้...         เหตุเพราะ ท่านอยู่ในวัด ชลประทานรังสฤษดิ์ อันเป็นเขตที่ได้รับ บริจาค จากคุณหญิง โฉมศรี กำภู ผู้ที่ คุณพ่อคุณแม่ที่บ้านเดิมเราท่าน เคารพรักเป็นอันมาก และเป็นผู้มีพระคุณแก่ชีวิตหน้าที่การงานคุณพ่อเป็น อย่างยิ่ง  ชาวชลประทานจึงถือ หลวงพ่อปัญญาเป็นเสมือนบุคคลที่ยึด เหนี่ยวทางใจ เป็นหลักชัยในการดำเนินชีวิตราชการงานเมืองกันอย่างแท้จริง         ข้าพเจ้าเป็นลูกพ่อ อดีตข้าราชการชลประทาน จึงถือเป็นเรื่องที่ต้อง เขียนรำลึกถึงท่าน เพื่อเทิดพระคุณพ่อไว้ด้วย..          แต่การเป็นลูกพ่อ ก็ไม่ได้แค่เข้าวัด ชลประทาน - สนามกอล์ฟข้างๆ พ่อก็สั่งให้เดินตามตีกอล์ฟไปก้บพ่อแต่วัยรุ่น ยังจำได้         สนามแบดกรมชลฯ พ่อก็สั่งให้ คุณลุง ท่านหนึ่งขับรถมารับที่บ้าน ทุกวันให้ไปเล่นแบดจนเป็นนักแบตแข่งเขตประเทศไทยไปเหมือนกัน         สโมสรกรมชลฯ พ่อก็จับไปหัดลีลาศกับครูฝึกลีลาศที่มาสอนที่นั่น ด้วย -ทุกเสต็ป  ตามด้วยการ สอนให้รู้จัก เหล้า ดริงค์ทุกชนิดที่พนักงาน เข็นมาเสิร์ฟ ว่าอะไรควรดื่มแค่ไหน อย่างไร แต่ขออภัย ลูกกินอะไร สักนิด ก็เมา..          มองแล้ว ก็ เห็นพระคุณพ่อ เป็นหลัก ว่า ท่านสอนให้   "ใส่แว่นสีอะไร ก็เห็นโลกสีนั้น"           ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเสมอเลยค่ะ คุณ : GTW แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 50 07:00:27 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 13 ต.ค. 50 06:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ค.ห.8 คุณ : KTHc (KTHc) ขอบคุณในกรุณาค่ะ ค.ห.9 คุณ : เตติญญ่า ขอบคุณที่มาแวะกระทู้สม่ำเสมอค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 13 ต.ค. 50 07:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณพี่ ทิกิ มากค่ะ.. หนูชอบคำนี้จริงๆค่ะจะเก็บไว้ใสใจเลยค่ะพี่.. " เอาดีเก็บมาใช้           เอาชั่วเก็บมาละ " จากคุณ : ดั่งก้อนกรวด - [ 13 ต.ค. 50 10:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของคุณทิกิด้วยครับ สาธุ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 13 ต.ค. 50 19:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อาลัย ไทยทั่วหล้า                       ฟ้าดิน หลวง พ่อมาดับวิญญ์                   บัดนี้ พ่อ ดั่งกระแสสินธุ์                       ดับโทส กิเลสเฮย ปัญญา คำเทศน์ชี้                       อยู่ฟ้าดินสมัย ฯ จากคุณ : พิราบเงิน - [ 13 ต.ค. 50 19:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบ ค.ห.14 คุณ : ทรายหวาน      ขออภัยที่ข้ามคำตอบท่านมิได้ตอบ .แต่ข้อมูลที่เขียนไปหลายคำตอบ เป็น คำตอบที่ให้คุณไปแล้วในตัวนะคะ ท่านเย็นจริงๆ.. ตอบ ค.ห.22 คุณ : ดั่งก้อนกรวด   เมื่อวาน นั่งคิดคิด ว่า น่าจะเป็ น เอาดีเก็บมาใช้ เอาชั่วเก็บ ไป ละ มากกว่านะคะ เขียนผิดเขียนใหม่ได้ แต่ไม่อยากไปแก้ข้อความให้รกรุงรังตัวแก้ค่ะ ตอบ ค.ห.23 คุณเจียวต้าย ขอบคุณค่ะ ยังนึกไม่ออกว่ากุศลอยู่ตรงไหน จะพยายามคิดค่ะ มีแต่นึก เศร้าใจ ที่ชอบไป "วิพากย์วิจารณ์ท่านบ่อยๆ                                  จึงปราถนาจะไปก้มกราบขอขมาหน้าศพท่าน" เสียมากกว่า จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 14 ต.ค. 50 18:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อวานตอนบ่าย อากาศเย็นสบายพอสมควร ฝนที่ตกก็หยุดตก งานการ(บ้านเรือน) ก็ค่อยเก็บงำ ทำไป มีมือสองมือ ต้องทำทุกอย่างชั้นบน ผิดพลาดบกพร่องขออภัย..      แล้ว โล่งตลอดปลอดโปร่ง เพราะ ไม่มีคุณผู้ชายสองคน ที่คอยจะเอาโน่น ยุ่งนี่ อยู่บ้าน ทั้งคุณลูกสาวก็มิได้ส่งสุนัขมา ฝากเลี้ยงแต่อย่างใด อีกประการหนึ่ง ชวนใครก็ไม่มีใครไปด้วย จึง อาบน้ำแต่งตัว เข้าไปจุดธูปห้องพระ บอกครูบาอาจารย์ว่า ค่ำนี้จะไปงานศพ ท่านปัญญาฯ จะไปสมาลาโทษท่าน ขอครูบา อาจารย์ช่วยคุ้มครองป้องกันสังขารวิญญาณที่ต้องไปเดี่ยวให้ กลับเคหาได้รอดปลอดภัยด้วยเทอญ           แล้ว ก็ ขับรถ ออกจากบ้าน รอดใต้ทางด่วน ไป ติดแหงก ตรงถนนสามัคคี ไปทะลุ ทางตัดใหม่ สังเกตระยะทางเอาเองว่า ซอยไหนไม่รู้ น่าจะเป็น "ทางทะลุไปออกข้างวัดชลประทาน" อาศัยดวงจริงๆ เข้าซอยถูกต้องได้ทันที   ขับไปเรื่อยๆ เจอที่ว่าง ติดวัดอยู่จิ๊ดหนึ่ง ระหว่างคิวรถที่มาจอดตลอดฝั่งขวา ก็เสียบรถไปจอด ไว้ มองรอบข้าง ไม่มีคนสักคน เอาละ รวบรวมความกล้า มันก็ไกลเหมือน กัน เดินไปเรื่อยๆ  ด้วย นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ(คาถาประจำตัวทำอะไร ก็ไปด้วยคาถานี้ กันวิญญาณแรงๆที่อาจแฝงมาหาเราเสียก่อน )           ส่วนคาถากันคนที่อาจขี่จักรยานโฉบเฉี่ยวมาหาคนเดินเดี่ยวหวัง กระชากกระเป๋า สร้อย ฯลฯ นั้น ไม่มี ก็อาศัยความกล้าเดินดุ่มๆ ไปถึงหน้า วัด   ไปถึงหน้าศาลาขนาดใหญ่ เดินไป ดูตรง ตู้บริจาคซึ่งมีพระสงฆ์หลาย องค์ประจำที่อยู่ตรงโต๊ะ รับบริจาค ก็นำเงินไปร่วมถวาย ๓๐๐ บาท แล้วพระ ก็เขียนใบอนุโมทนาบัตรให้ พอเดินๆไป ก็ไม่รู้ใครต่อใครไม่รู้จักไม่เคยเห็น หน้า  มีบางท่านเห็นเก้ๆกังๆ อยู่ก็บอกให้เดินไปทางด้านหลังศาลาจะมีทาง ขึ้นไปนั่ง ด้านหลัง ด้านข้างศาลาด้านบนโน่น           พอเดินไป ก็เห็นมีเก้าอี้ว่างอยู่ตัวหนึ่ง  นั่งลง ปรากฎว่า นั่งตรงกับ โกศท่านเจ้าคุณฯ พอดี ได้เห็น ภาพในจอทีวี กับภาพจริง ชัดเจนทุกอิริยาบท ของท่านแขกผู้มีเกียรติ ที่ ก็นั่ง ยกมือพนมเวลาพระสวด ยืด ยืด ยาว ๆ ที่ ฟังไม่ถนัดว่าสวดบทอะไร และ ก็ไม่เหมือนที่วัดอื่นที่เขาสวดอภิธรรม ก็นั่งฟัง สี่รอบจนจบ             และแขกผู้มีเกียรติจะต้องทอดผ้าบังสุกุล ตลอดจนที่ถวายของ สังเกตเห็นเขาถวาย "หนังสือรวมห่อผูกริบบิ้น" ให้พระ ก็นึกดีใจว่า ทำเหมือน กับที่ข้าพเจ้าชอบทำ  ดูรายละเอียดต่างๆไป ก็ปัดยุงที่ขาไป ยุงชุม จริงๆเหมือนที่บ้านเรา..         บรรยากาศเงีบบกริบไม่มีเสียงรบกวนกันอันใด เป็นระเบียบเรียบร้อย และ สัมผัสได้เสมือนว่า ท่านคงจะยิ้มแย้มแจ่มใสที่ลูกศิษย์ลูกหาและไม่ใช่ ลูกศิษย์ลูกหา มางานท่านกัน         พอเสร็จพิธี ก็ เดินไปทางประตูด้านข้าง เข้าไปที่หน้าโกศท่านแล้ว ก็กล่าวสมาลาโทษท่านตามที่ควรจะเป็น ลงมาข้างล่างเห็นเขาแจกภาพสี ใบใหญ่ ก็เดินลงมารับด้วยใบหนึ่ง เป็นภาพหลวงพ่อสวยงามมาก          แล้วถูกคนขายล็อตเตอรี่ ล่อหลอกให้สนใจใบโน้นใบนี้ ก็เลยซื้อ ไว้ สักหน่อย เผื่อหลวงพ่อจะนำโชค (ไม่โดนท่านเขวี้ยงหัวก็บุญแล้วงานนี้ ) ปกติ ท่านก็ไม่ชอบคน เล่นหวย ซื้อล็อตเตอรี่ เพราะท่านจะเทศน์เสมอว่า พวกนี้เป็นพวกโง่ แต่วันนี้ วันดี เลยขอโง่สักวัน           เห็นผู้คนเดินออกประตูวัด ก็เดินออกมา ด้วย "นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ " เหมือนเดิม แต่คราวนี้ เตรียมพร้อม เอามือถือ กับกุญแจรถ ออกมาไว้ที่มือขวา เอารูปท่านม้วนๆให้กลมๆ แล้วแกว่งไปมาเพราะสีขาว จะได้สะท้อนแสงไฟรถราเขาจะได้เห็นว่าเป็นคนกำลังเดิน ด้วยสวมชุดสี ดำทั้งชุด  เดินเข้าไป ถนนข้างวัด  อย่างน้อยจะได้ไม่เป็นผีเฝ้าถนนเพราะ โดนชนตายฟรี            เดินไป ก็ ถาม "สัญญาเดิม"หน่อยว่า กลัวไหม จะมีผีมันห้อยมา แหกตาอย่างที่เขาว่ากันหรือเปล่า บรื่อวว   ไปถึงรถ รีบไขกุญแจ ก็ไม่เปิด เสียวสันหลัง ด้านกำแพงวัดนัก เพราะ ไม่มีคนเลย เอ้า สามรอบ ถึงได้เปิด ประตูได้ ดูเวลา สองทุ่มกว่า   เปิดเข้าไปได้ ต้องมองเบาะหลังให้ดี ว่าไม่มี ใครลักลอบมานั่งเบาะหลังให้เกิดอันตราย            แล้วรีบสตาร์ทออกมาได้ เสี่ยงตายไปอีกคืน           ออกมาที่ถนนใหญ่ติวานนท์ เขามีที่จอดรถไว้ใน โรงเรียนชล ประทานวิทยา ไฟสว่าง  ตำรวจก็มีเรียงรายแต่ เราไม่ขับไปจอด  กลับ ไปจอดที่มืดนั่นในซอย        รอดตัวไปคืนนี้   (สมควรแล้วที่ต้องจุดธูป บอกครูบาอาจารย์ - ก็เสี่ยงอีกตามเคย )           ...ก็ขอมากราบเรียนทุกท่านถึงความเป็นไป ณ ที่นี้ ว่า ยกภูเขา ออกจากอกไปเสียที  ที่ความเห็นตรงกับท่านบ้าง ไม่ตรงก้บท่านบ้าง ได้ ล่วงเกินท่านไปโดยรู้เท่าถึงการณ์ก็ดี ไม่รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี อันเป็นการ จาบจ้วง พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรมไปก็ดี ก็ขออโหสิกรรมหน้าโกศหลวง พ่อไปเป็นที่เรียบร้อย นับจากนี้ ก็จะไม่ขอพาดพิงถึงท่านตามใจข้าพเจ้าอีก โดยไม่ระมัดระวังตัว มิฉะนั้น จะต้องกลับไป ขอสมาลาโทษท่านต่ออีกไม่ รู้จบ             คีนนี้ขอขอบคุณ ทุกท่าน และ คุณ พิราบเงิน ที่กรุณามาเขียน โคลง ถึงท่านไว้ อย่างน่าชื่นชมยิ่ง                  เมื่อคืนก็ถ่ายรูปไว้ได้หน่อย แต่วันนี้ สายต่อคอมพ์หาไม่เจอ มีมือดีมาหยิบไปใช้ไม่นำมาคืนที่เครื่อง ก็จึงไม่มีภาพในจอให้ดู แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 50 19:33:14 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 50 19:32:06 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 14 ต.ค. 50 19:13:44 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กราบส่งลาค่ะ ไม่รู้จักท่านมาก่อน แต่ช่วงนี้มีข่าวท่านปัญญาเยอะ อ่านประวัติท่านแล้วรู้สึกเลื่อมใส ขออนุญาตเซฟเก็บไว้อ่านค่ะ จากคุณ : อันปังแนน - [ 14 ต.ค. 50 23:58:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ : อันปังแนน คะ ถ้าตามลิงค์ไปฟังเสียงท่าน  จะอย่างไรก็ตาม อมยิ้มเสมอ เพราะท่านนั้นน่ารักอย่างไรก็ไม่ทราบ เขาเรียกกันว่า ท่านมีบุญญาบารมี เพราะใจอันเมตตาของท่าน คนรอบข้างจึง รักท่าน        เมื่อสองวันก่อน ได้ยินข่าว ว่า ลูกวัดทั้งหมด ได้ตรวจสอบ ทรัพย์สมบัติท่านแล้ว ไม่พบ " สมบัติส่วนตัว " ของท่านเลย มี แต่บัญชีไว้ให้การกุศลเท่านั้น  น่าเลื่อมใสจริงๆ            ไม่ขอ จาบจ้วงพระอื่นที่ท่านนำบัญชีวัดไปใช้ส่วนตัวอีก หลายวัด ขอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวต้องไปขอสมาหลายวัด จะยุ่ง จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 16 ต.ค. 50 00:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สองวันก่อนเมื่อวันอังคาร เป็นวันหยุด จึงชวนคุณที่บ้านที่เขาหยุด งาน เข้าไปรื้อของในเรือนเก่าที่ไว้สุมของที่ขนมาจากคอนโดสองปีทิ้งกัน ไว้ตรงนั้น ได้ หนังสือหลายเล่ม ได้หนังสือ ครบ 60 ปี หม่อมหลวงชูชาติ  กำภู ท่านอาจารย์ สอนวิชาการชลประทาน และ เจ้านายของคุณพ่อ มี คำนำที่เขียนโดยท่าน พระปัญญานันทภิกขุ วัดชลประทาน น่าสนใจมากด้วย ไว้ขอเวลาสักนิด จะ นำมาลงพิมพ์ให้ทุกท่านได้อ่านค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ วันออกพรรษา 02:06:22 ]