เรื่องเล่าของคนทำงาน [ Started October10 -
เฮ้ย............ เพิ่งทานข้าวเสร็จครับ กว่าจะเปิดไฟ เปิดคอม ได้ ใช้เวลา ตั้งนาน คือว่าที่ออฟฟิตนี้ ไฟมันไม่พอน่ะครับ บางทีหลอดไฟมันก็ไม่ติดเอาดื้อๆซะงั้น
เย้............. วันนี้ดีใจจึงครับ คอมฯเครื่อนี้พิมพ์ภาษาไทยได้แล้ว
ตั่งแต่ผมมาอยู่ที่เวียดนาม เนี่ยนับเป็นครั้งแรกที่ผมได้พิมพ์ภาษาไทยเลย รู้สึกดีใจจึงง่ะ
ผมว่านะเป็นเพราะอ้ายท่านโก้ มันคงโหลดภาพแบบอย่างว่าไว้เยอะแหละ คอมเม่งเจ้งเลย ก็เลยต้องลงโปรแกรมใหม่ ผลพลอยได้จากการลงโปรแกรมใหม่ก็คือ พิมพ์ไทย ไม่ได้ครับ อ่านได้อย่างเดียว เซ็งโครตตตตตตตตตส์
เมื่อสักสามวันก่อน เพื่อนสุดสวยของผมที่เมืองไทย แนะนำเวปนึงง่ะ ที่เป็นแหล่งรวบรวมเรื่องราวที่เคยโด่งดังในพันธ์ทิพย์มาก่อน ก็เรื่องของพี่นัท ณ เซ็งเป็ด กับพระโด่งนั้นแหละครับท่านทั้งหลาย แบบว่าซึ้งน่ะครับ ร้องให้อย่างแรงนิ
คุณเก่งจังครับคุณนัท เจ๋งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงสุดๆ
และคุณก็คืองแรงบัลดาลใจ ให้ผมเขียนเรื่องของผม มาลงที่นี่บ้างน่ะครับ
บอกก่อนเลยครับว่าผมไม่ได้คิดจะเปรียบเทียบใดๆทั้งสิ้นกับงานของคุณนัท นะครับ และคงเปรียบไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ผมแค่รู้สึกว่าน่าจะดีบ้างเหมือนกันนะ ถ้าเราได้ลองทำอะไรแบบนี้บ้าง
สมมุติว่าวันใด วันนึง อ้ายตัวกระผม อยู่ในอาการโศกและเศร้า อย่างรุนแรงง แต่ยังมีคนคอยให้กำลังใจ โดยที่เรา ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็คงดีเหมือนกันนะ
เหมือนกับเพลงประจำที่ออฟฟิตนี้นั้นแหละครับ ที่เป็นเพลงประกอบหนังสายลับน่ะครับ ชอบจังง่ะ ทีแรกมีคนส่งมาให้ทางเมลย์พวกผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าชื่อเพลงอะไรกัน ก็เลยเรียกว่าเพลง สมรส
ผมว่าเพลงนี้แหมาะแก่การใช้เป็นข้ออ้างของการสมสู่ โดยที่ไม่รู้จักกัน ได้ดีจังง่ะ ชอบๆ
เฮ้ย................. ลึกๆ....อีกรอบนะ แบบว่าอยากจะสมรส โดยที่ไม่มองหน้ากัน พอเช้ามาก็จูบลา โดยที่ไม่รู้จักกันบ้างน่ะครับ แต่ผมว่าทางที่ดี ถ้าเมื่อคืนที่ผ่านมาใช้ได้ ก็น่าจะขอเบอร์ไว้ เผื่อคราวหน้าอีกทีละกัน ว่ามั้ยครับ
จากคุณ :
sykk40
- [
11 ต.ค. 50 07:52:49
]