ผมไม่เคยคิดเรื่องทำความรู้จักกับหล่อน หัวใจเจียมตัวของผมย้ำเตือนว่าเราไม่มีอะไรควรคู่กัน ให้หล่อนสวยงามเป็นดอกไม้ยามที่ผมเมียงมองอย่างมีความสุขเช่นนี้คงจะดีกว่า
เมื่อก่อนผมเจ็บปวดกับความคิดนี้เหลือเกิน หากแต่วันนี้กลับเห็นดีเห็นงามอย่างหมดใจ ดีแล้วที่ผมเก็บใจรักซ่อนไว้เสียได้ตั้งแต่ตอนนั้น สองเท้าของผมสาวเข้าไปใกล้ภาพนั้นอีกนิด
สายตาเปิดเผยมากขึ้นอีกหน่อย แต่ไม่อะไรมากกว่าแอบมองหรอกครับ นึกขอบใจต้นไม้ดกดื่นหน้าอาคารที่ช่วยเร้นคนตรงนี้
รอยยิ้มจากริมฝีบางนั้นทำให้โลกของผมโลดเต้น ไหนจะดวงตากลมโตที่มีแววสดใสเจิดจรัสให้กับทุกคู่สนทนานั่นอีก ผมลืมตัวถอนใจอย่างอ่อนไหวเมื่อได้เห็น มือผมเลื่อนมาวางที่อก ครับหัวใจของเต้นด้วยอัตราเร็วที่ผิดแผก มันกำลังเต้นถี่ ไม่อ่อนล้า ไม่จวนเจียนจะหยุด สิ่งนั้นบอกให้รู้ว่า ผมยังมีชีวิตอยู่ และกำลังดำเนินคู่ขนานไปกับสิ่งที่เฝ้ามอง นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกในทุกวัน
ทว่าตอนนี้ สายลมไม่มีทิศทางพัดกระทบผิวหน้า ทำให้ปัจจุบันหวนกลับมาอีกครั้ง ผมสูดหายใจลึก ทรวงอกยอกแสลงเจียนทนไม่ไหว ที่เคยคิดว่าโลกของเราไม่มีทางแตะต้องกันได้ไม่เคยทำให้พังทลายได้เท่าวันนี้ ในนาทีนี้หล่อนเสมือนลูกโป่งลอยห่างจากสายตาทุกที สุดท้ายก็หายไปในฟากฟ้า
เคยคิดไม่ได้รักกันก็ไม่เป็นไร เพราะผมยินดีเช่นนั้นเอง ชีวิตที่เหลือหากจะยาวนานอีกนับสิบปี ผมก็ยังจะคงรำลึกว่าหล่อนงดงามเพียงใด สิ่งเดียวที่ชีวิตอับเฉาของผมรู้สึกรื่นรมย์เพียงพบพักต์ ความใคร่ใยดีทำได้ดีที่สุดแค่เก็บไว้รำลึกถึงจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
แต่วันนี้ ไม่ใช่อีกแล้ว สิ่งที่หวังไว้พังครืน มองหล่อนยิ่งร้าวราน นับจากนี้ไม่รู้ชีวิตจะได้เห็นอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ มีพระจันทร์ส่งเข้านิทรายามค่ำคืนได้อีกนานเท่าไหร่ ผมเลือกที่จะกล้าหาญโดยการปัดกิ่งไม้ที่บดบังออก แทนการลอบมองแล้วเดินจากไปอย่างทุกวัน อยากมองให้เต็มดวงตาสักครั้ง แต่ว่า...ความบังเอิญเอย อย่าบังเกิด อย่าดลใจให้หล่อนหันมาทางนี้ จะด้วยเพราะสัญชาตญาณ หรือความรู้สึกก็ตาม
ขอห้ามสายลมที่พัดผ่านข้างผิวแก้มใสของหล่อน อย่าพัดเอาความรู้สึกดีๆนี้ไปกระซิบให้จนหล่อนหันมา ขอให้หล่อนจงอยู่ในโลกของตัวเองอย่างนั้น อย่าออกมาโดยการหันมาสบตากับผม อย่าเลย...เราไม่มีวาสนาต่อกัน ให้ผมเจ็บปวดคนเดียวจนกว่าจะตายเถอะ ส่วนหล่อนก็ขอให้มีชีวิตที่สวยงาม ให้คนนั้นรักให้มากเท่าๆกับที่หล่อนรักเขา ส่วนผม วันนี้คงต้อง...ลาก่อน
ผมผละเดินจากมาหลังปล่อยให้หัวใจได้อำลาหล่อน หินที่ปูทางเท้าไม่ชัดเจนจนเบลอเลือน ผมหลับตาลงถึงรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้ ผมเรียกร้องหาความตายมาเองจะโทษใคร.....
คนรับใช้ผู้นอบน้อมเดินเข้ามาแจ้งกับจีนที่รอในห้องรับแขก นายของหล่อนรอพบที่ชั้นบน ศีรษะสาวน้อยก้มนิ่งขณะพูดกับเขา หล่อนออกเดินนำ จีนก้าวตามจนถึงบันไดขึ้นชั้นบน
"เชิญ คุณทนายค่ะ" หล่อนผายมือเชิญ
"ขอบใจนะ"จีนยิ้มน้อยๆ เท่านั้นใบหน้าสาวใช้ก็เรื่อสี
"ยินดีค่ะ" หล่อนก้มหน้าซ่อนดวงตา จีนมองหล่อนแล้วก็ให้รู้สึกเอ็นดูอยู่ครามครัน เสียดายที่เขาไม่ใคร่จะรู้สึกใดๆกับเพศหญิง
"อืม บอกนายทองดีด้วยนะว่าวันนี้คุณนิคกี้จะไปกับผม เอารถไปเก็บได้เลย"
"ได้ค่ะ" คนรับใช้สาวค้อมตัวก่อนผละจากไป จีนมองตามครู่เดียวก็หันกลับมามองบันไดที่ทอดยาวคล้ายจะไม่มีที่สุดสิ้น ในความเงียบที่ได้ยินแม้เสียงน้ำพุจากสระอลังการบริเวณหน้าคฤหาสน์ รายงานแพทย์กลับมาให้ต้องคำนึงอีกครั้ง
ตลอดคืนที่ผ่านมาจีนไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ แต่ละตัวอักษรที่ระบุบนรายงานล้วนทำให้รู้สึกเหมือนเปลือกตาถูกค้ำด้วยเข็มที่มองไม่เห็น คำถามว่าทำไมแล่นอัดเข้าลิ้นปรี่จนหายใจแทบไม่ออก
นิคกี้เหมือนกับสวรรค์ส่งมาเกิด เขามีคฤหาสน์ที่ควรเรียกว่าวัง มีพ่อมีแม่เป็นนักธุรกิจร่ำรวยสุดขีด ใครอาจคิดว่านิคกี้อาจมีบทสรุปเหมือนเด็กรวยทั่วไปส่วนใหญ่คือ พ่อแม่ร่ำรวยเงินทองแต่ปล่อยให้ลูกเงียบเหงาแล้วก่อแต่ปัญหา
นิคกี้ไม่ได้โชคร้ายอย่างที่ว่า เขาเป็นลูกที่พ่อแม่เอาใจใส่มอบความอบอุ่นมากพอกับเงินทอง พ่อแม่ของเขาหาเวลาให้ครอบครัวได้เสมอแม้งานแสนยุ่งแค่ไหนก็ตาม ลูกชายคนเดียวจึงเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ
นั่นช่างเป็นคนละเรื่องกับจีน ทุกอย่างที่นิคกี้มีคือสิ่งที่เขาขาด เขาอาจจะร่ำรวย หัวดีระดับอัจฉริยะ และการสอบเข้าแพทย์ได้ตั้งแต่อายุ 16 ก็ไม่ได้ทำให้พ่อแม่หันกลับมาสนใจเขามากกว่าที่เป็นอยู่
ตอนที่ความเป็นอัจฉริยะเป็นข่าวก็เรียกพ่อแม่กลับมาใยดีเขาได้แค่ชั่วคราว พอข่าวซาพ่อแม่ก็กลับไปหางาน ทิ้งจีนไว้กับบ้านในห้องที่อบอุ่นด้วยเตาผิงไม่ใช่ไออุ่น และกองหนังสือที่ถูกบับคับให้ต่อไป ช่างเป็นความอบอุ่นที่สุดขัดสนจริงๆ อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีวันชนะใจพ่อกับแม่ผู้เอาแต่หมกมุ่นเรื่องเงินๆทองๆที่ไร้ซึ่งวิญญาณมากกว่าลูกที่มีเลือดเนื้อและหัวใจ หากนักสังคมสงเคราะห์สักคนอยากให้คะแนน นิคกี้จะได้เต็มร้อย ส่วนเขาได้แค่ศูนย์
นิคกี้ปิดประตูห้องน้ำแล้วถอดเสื้อคลุมออก ผิวสีซีดเรื่อผุดผาดราวไข่มุกยามเผยต่อแสงสว่าง ชายหนุ่มโยนเสื้อคลุมไปแบบไม่สนว่าจะหล่นไปที่ไหน ร่างเปลือยเปล่าสูงโปร่งเดินเข้าห้องฝักบัว เปิดก๊อกปล่อยน้ำรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หยิบครีมอาบน้ำมาบีบใส่มือแล้วลูบไล้ทั่วทุกอณูผิวพรรณ นิคกี้หลับตาเงยหน้าหายใจแรงเมื่อมือสัมผัสกับสะโพกบริเวณด้านหลัง จังหวะถาถั่งรุนแรงของชู้รักคืนวันสิ้นปีก่อเค้าลางจนร่างกายวาบหวิวคล้ายถูกเข็มนับร้อยทิ่มตำ ในคำถามของเขาหากผมจะรู้คือ.... รี ก่อนตายผมอยากพบคุณอีกครั้งได้ไหมครับ .....
มือที่ยกขึ้นลูบผมที่เปียกจนลีบติดศีรษะ ต้นคอ แผ่นอก ลงไปเรื่อยจนถึงเนื้อหนังที่ทำให้เขาต้องห่อไหล่อย่างลืมตัว ประตูใสห้องฝักบัวเปิดออกช้าๆ
BY DONGKAN
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 50 08:43:04
แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 50 15:06:34