Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    THE STOLEN PERFUME CASE... เหตุเกิดเพราะน้ำหอม

    หมายเหตุ:

    คดีที่กล่าวถึงในงานเขียนเรื่องนี้ แปล และเรียบเรียงใหม่มาจาก
    “The Stolen Perfume Mystery” โดย Edmund De Castro และ บางส่วนจาก
    “Meet Buffalo Police Detective Sergeant William E. Burns” โดย Jack Meddoff
    จาก www.bpdthenandnow.com

    *******************************************************************************  

    ถ้าหากกล่าวถึงชื่อหน่วยงานตำรวจที่อยู่ในรัฐนิวยอร์ก... NYPD (New York Police Department)
    น่าจะเป็นชื่อที่หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบเรื่องเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน
    แล้วถ้าเป็น BPD ล่ะ... มีใครพอจะนึกออกบ้างไหมว่า เป็นสำนักงานตำรวจของเมืองไหน

    คำตอบของ BPD คือ Buffalo Police Department... สำนักงานตำรวจแห่งเมืองบัฟฟาโล
    เมืองใหญ่เมืองหนึ่งในรัฐนิวยอร์ก ซึ่งมีชายแดนติดกับเมืองออนตาริโอ ประเทศแคนาดา
    เป็นที่ตั้งของน้ำตกไนแอการา และทะเลสาบอีรี่ที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของทวีปอเมริกาเหนือ
    และเป็นเมืองที่มีอาชญากรรมเกิดขึ้นชุกชุมพอสมควรทีเดียว

    แน่นอนว่า เมื่อมีอาชญากรรม ก็ต้องมีคนปราบปราอาชญากรรม คือ ตำรวจ เป็นของคู่กัน
    แม้จะไม่โด่งดังเป็นที่รู้จัก หรือมีใครจับเอาชีวิตของตำรวจเมืองบัฟฟาโลมาทำละครสักเท่าไหร่
    แต่วีรกรรมของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ประจำเมืองริมทะเลสาบอีรี่ ซึ่งเป็นอดีตศูนย์กลางการค้าแห่งนี้
    ก็น่าตื่นเต้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปฏิบัติการของตำรวจ หรือหน่วยปราบอาชญากรรมที่อื่นเลย

    เรื่องที่เก็บเอามาเล่าสู่กันฟัง เป็นคดีที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1920 - 1930
    ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีอาชญากรรมเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาบ่อยครั้งที่สุดช่วงเวลาหนึ่ง

    คดีดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นจากคดีขโมยน้ำหอมราคาถูกจำนวน 35 ขวดจากร้ายขายยา
    แต่ทว่าความใจร้อนของทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายคนร้ายทำให้คดีบานปลายออกไป
    กลายเป็นสถานการณ์คับขันที่ทำให้ตำรวจ 6 นายตกต้องอยู่ในอันตรายเกือบถึงชีวิต
    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทั้งหมดอาจเลวร้ายยิ่งกว่า และไม่ได้ลงเอยด้วยดีอย่างที่เป็น
    ถ้าไม่มีชายชื่อ วิลเลียม อี. เบิร์นส์ ซึ่งอยู่นอกแผนการของคนร้ายอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย

    คดีนี้เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1928 ณ ช่วงเวลาที่ตำรวจเมืองบัฟฟาโลถูกรุมเร้าด้วยสารพัดคดีลักทรัพย์
    หนึ่งในคดีเหล่านั้น คือ คดีชิงทรัพย์ในร้านขายยาของวิลเลียม ฮอฟฟ์แมน ที่ถนนเอลค์
    โดยคนร้ายเอาไปเพียงตาชั่งคู่หนึ่งและน้ำหอมราคาถูกอีก 35 ขวดเท่านั้น

    นักสืบวิลเลียม ไยเซอร์จากสถานีตำรวจแบ็บค็อกสตรีทซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลคดีดังกล่าว
    มีลางสังหรณ์บางอย่าง และลางสังหรณ์นั้นก็นำเขาไปยังโรงภาพยนตร์ที่ถนนคลินตันใกล้ถนนบุชเนลล์
    “ถ้ามีผู้ชมคนไหนเข้ามาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมละก็ โทรหาผมด้วย” เขาบอกผู้จัดการ
    “ผมสังหรณ์ใจว่าน้ำหอมที่ถูกขโมยยังอยู่ภายในละแวกนี้”

    แล้วลางสังหรณ์ดังกล่าวของเขาก็เป็นจริง ในวันปีใหม่ของปี 1929
    เมื่อผู้จัดการโรงภาพยนตร์โทรศัพท์ไปยังสถานีตำรวจแบ็บค็อกสตรีท แจ้งข่าวด่วนแก่เขาว่า
    หนึ่งในเด็กสาวสองคนที่เข้ามาชมภาพยนตร์ในโรง “มีกลิ่นเหมือนร้านตัดผม”
    เขาไปยังโรงภาพยนตร์ นั่งอยู่หลังเด็กสาวทั้งสอง และสะกดรอยตามเด็กสาวที่มีกลิ่นน้ำหอมไปที่บ้าน
    เมื่อทราบที่อยู่แล้ว เขาและนักสืบจอห์น ชเมลเซอร์ คู่หู ก็ไปที่บ้านดังกล่าวในเช้าวันรุ่งขึ้น
    จากการตรวจค้น พวกเขาได้พบตาชั่งที่หายไป และขวดน้ำหอมจำนวนมาก
    และได้ทำการจับกุม จอร์จ ซีย์ชูว์ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของเด็กสาวไว้

    อย่างไรก็ตาม คดีลักเล็กขโมยน้อยคดีนี้ไม่ได้จบลงตรงที่คนร้ายถูกจับได้เท่านั้น  
    เพราะระหว่างการตรวจค้น ชเมลเซอร์เห็นสมาชิกหญิงคนหนึ่งของบ้านตรงไปยังลิ้นชักโต๊ะทำงาน
    เขาจึงตรงเข้าไปหาเธอด้วยเกรงว่าเธออาจนำพยานหลักฐานไปซุกซ่อนไว้
    แต่สิ่งที่เขาเห็น คือ เธอกำลังถือปืนรีวอลเวอร์ .38 คาลิเบอร์ที่บรรจุกระสุนเอาไว้แล้วอยู่ในมือ
    ในขณะที่พยายามแย่งปืนออกจากมือของเธอ เขาก็ทำให้เธอล้มลงไปกับพื้น
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวซีย์ชูว์ไม่พอใจ  และมองชเมลเซอร์ด้วยความเคียดแค้น
    และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของไยเซอร์และชเมลเซอร์ดังกล่าว
    ได้กลายเป็นชนวนเหตุของการล้างแค้น และจุดเริ่มต้นของแผนการร้ายที่ชักนำตำรวจ 6 นายไปสู่กับดัก

    ในช่วงบ่ายวันเดียวกันกับวันที่ทางตำรวจจับกุมจอร์จ ซีย์ชูว์ในข้อหาลักทรัพย์
    สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวซีย์ชูว์ได้เข้าพบ ร.ต.อ. เจมส์ อี. ชอร์ต ยังสถานีตำรวจแบ็บค็อกสตรีท
    “บอกไยเซอร์กับชเมลเซอร์ให้ไปที่ 715 เฟิร์สท์อเวนิว เมืองลักกาวานา ตอน 6 โมงตรง ค่ำวันนี้...”
    เขาเอ่ยฝากข้อความที่จะให้ผู้กองนำไปบอกแก่นักสืบทั้งสอง “จะพบกับคนชื่อ วิลเลียม วุนเดอร์ลิคที่นั่น”
    “เขากำลังจะไปจากเมืองนี้เพราะจอร์จถูกจับ และเขารู้ว่าตัวเองก็เป็นที่ต้องการตัวเหมือนกัน”

    ส่งข่าวแล้ว ชายหนุ่มก็ออกไปจากสถานีตำรวจ
    และเกือบชนกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งหลบอากาศหนาวเข้ามาข้างใน
    ชายวัยกลางคน สวมแว่นสายตา กิริยาท่าทางสุภาพ บุคลิกคล้ายเสมียนในธนาคารผู้นี้
    ก็คือ จ่าสิบตำรวจวิลเลียม อี. เบิร์นส์ อดีตสายตรวจซึ่งกลายมาเป็นนักสืบมือฉมังแห่ง BPD  
    เขาและชายหนุ่มผู้นั้นไม่มีใครรู้เลยว่า ต่างฝ่ายต่างจะต้องโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งด้วยเหตุบังเอิญ
    เพราะบ่ายวันดังกล่าว ผู้กองชอร์ตไม่สามารถติดต่อนักสืบชเมลเซอร์ซึ่งออกไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นได้เลย
    เขาจึงขอให้เบิร์นส์ไปกับไยเซอร์แทน ซึ่งเบิร์นส์ก็ตอบรับด้วยความยินดี

    เนื่องจากในช่วงค่ำ อากาศภายนอกมีอุณหภูมิ –2 องศา และมีแนวโน้มว่าจะเย็นลงเรื่อย ๆ  
    ร.ต.อ. ชอร์ตจึงให้ใช้รถของสถานีตำรวจเป็นพาหนะไปยังสถานที่ที่ได้รับแจ้งตามเวลานัดหมาย  
    โดยมีสายตรวจโจเซฟ อี. รีนาวเด็นเป็นคนขับ และสายตรวจเฟรเดอริก เอ. สมิธ เป็นผู้ช่วยขับ
    และเนื่องจากเป็นการจับกุมผู้ต้องหาในเมืองลักกาวานา ซึ่งอยู่นอกเขตเมืองบัฟฟาโล
    ตำรวจบัฟฟาโลจึงได้แจ้งไปยังสถานีตำรวจลักกาวานาตามธรรมเนียมการจับกุมคนร้ายต่างท้องที่
    ซึ่งตำรวจท้องที่ลักกาวานาสองนายซึ่งรู้จักวุนเดอร์ลิคได้อาสาเข้าช่วยเหลือในการจับกุมครั้งนี้ด้วย  

    เมื่อรถตำรวจสองคันไปถึง หน้าบ้านเลขที่ 715 ถนนเฟิร์สท์อเวนิว
    ตำรวจลักกาวานาได้เสนอว่าจะ เป็นผู้เข้าจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหาต่อให้เบิร์นส์และไยเซอร์
    จากนั้น พวกเขาก็เข้าไปในบ้านเป้าหมาย ซึ่งมืดสนิท ไม่มีแสงไฟใดเล็ดลอดออกมาให้เห็น

    เวลาผ่านไปนานถึงสี่สิบห้านาทีโดยไม่มีความเคลื่อนไหว ๆ ใด ๆ เกิดขึ้นภายในบ้าน
    ไยเซอร์ซึ่งยืนหนาวสั่นอยู่ข้างรถรอมานานเช่นเดียวกับเพื่อนตำรวจบัฟฟาโลอีกสามนาย
    จึงเข้าไปในบ้านเพื่อดูสอบถามสถานการณ์ และเร่งการปฏิบัติงานของตำรวจท้องที่ลักกาวานา
    แต่แล้ว เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้กลับออกมาจากบ้านหลังนั้นอีก

    เหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น ทำให้เบิร์นส์ตัดสินใจที่จะเข้าตรวจสอบ
    เขาส่งสายตรวจสองนายอ้อมไปด้านหลังบ้าน ส่วนตนเองค่อย ๆ ย่องเข้าไปทางประตูหน้า
    เขาถือปืนรีวอลเวอร์อยู่ในมือ มุ่งตรงไปตามทางเดินสู่ห้องรับแขกซึ่งเป็นห้องเดียวที่มีไฟเปิดสว่างอยู่

    ภายในห้อง เขาเห็นไยเซอร์และตำรวจลักกาวานาสองนายยืน เรียงแถวอยู่ชิดผนัง ยกมือทั้งสองขึ้น
    ปืนของพวกเขาอยู่บนโต๊ะด้านหน้า คนที่ถือปืนสองกระบอกขู่พวกเขาอยู่นั้นคือ วิลเลียม วุนเดอร์ลิค
    เขามีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสำหรับการตัดสินใจ แต่เวลาเสี้ยววินาทีก็อาจจะช้าเกินไป
    เพราะในยามนี้ อเล็กซานเดอร์ ซีย์ชูว์ ชายหนุ่มที่เขาพบที่สถานีตำรวจแบ็บค็อกสตรีทในตอนบ่าย
    ยืนอยู่ด้านหลังของเขา และกำลังเล็งปืนลูกซองมายังเขา

    (มีต่อนะคะ)

    จากคุณ : ปิยะรักษ์ - [ 13 ต.ค. 50 14:57:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom