หลังจากหมดสิ้นภารกิจการเทรน Moving Forward 2007 ตลอดสองวัน เอาละว่ะ วันศุกร์แล้วด้วย จะรีบกลับบ้านห้าโมงเย็นเพื่อไปดูรายการทีวีเดิม ๆ ที่แสนจะน่าเบื่อ, เล่นเน็ต เวปเดิม ๆ chat กับคนเก่า ๆ อยู่ทำไม โอกาสดี ๆ อย่างนี้ต้องออกไปซิ่ง & ดริ้งดีกว่า สุดท้ายโปรเจคซิ่ง&ดริ้ง ของเราก็มาลงเอยที่ Karaoke ที่ SF MBK งานนี้ทั้งร้อง ทั้ง Dance ทั้ง Drink ทั้ง Dak ทำเอาเลิกซะเกือบสี่ทุ่ม กลับถึงบ้านก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว ..... เดินเข้าซอย มีอาการโซซัดโซเซเล็กน้อย เพราะดริ้งไปหลายแก้วเหมือนกัน "เฮ้อ... เหนื่อยกับงานและเที่ยวมา ดูโทรม แล้วก็ตัวเหม็นอย่างนี้ กลับถึงบ้านกะจะต้องเปิดน้ำอุ่น ๆ นอนแช่ในอ่างจากุซซี่ซะหน่อย พร้อมกับเปิดเพลงคลาสสิคแนว ๆ แล้วลงไปนอนแช่ในอ่างพร้อมกับแหกปากร้องไปตามเพลงโปรดของเราคงจะมีความสุขน่าดู"
ถึงแล้ว...บ้านเช่าสุดเลิฟในกลางเมืองของเรา เอ๊ ! ข้างในบ้านเปิดไฟทิ้งไว้ แต่ประตูหน้าบ้านโดนล๊อคเอาไว้ สงสัยเจ้าเพื่อนตัวดีคงจะไปค้างกับแฟนมันแหงเลย อิอิ ดีแล้วบ้านจะได้เป็นของเราคนเดียวคืนนี้
(นึกภาพตามนะคับ ตอนนี้กำลังฮัมเพลง "อย่าอยู่คนเดียวเลยคืนนี้ ) !!!!!!!! เชี่ยเอ้ย !!!!!!! ลืมกุญแจบ้านไว้ในบ้าน "แต่ยัง..อย่าเพิ่งโวยวาย" โทรศัพท์เรียกให้เพื่อนซึ่งอยู่หอแฟนมันไม่ไกลจากนี้เท่าไหร่เอากุญแจมาให้ดีกว่า... ตืด ตืด ตืด ตืด เวรล่ะ มันเสือกเอาโทรศัพท์ทิ้งไว้ในบ้านอีก (ตอนนี้เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วคับ) ยังมีสติอยู่ (แม้สตางค์จะไม่ค่อยมีเท่าไหร่) "มีเบอร์แฟนมันนี่หว่า" โทรไปหาดีกว่า - - หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ The number you have dialled can not be connected เฮ้ยยยยยยยยยย ปิดโทรสับ! -- (ตอนนี้หน้าเริ่มถอดสีแล้ว จากสีดำ กลายเป็นสีดำมาก) แล้วกรูจะทำไงดีเนี่ย ติดต่อใครก็ไม่ได้เลย หอพักแฟนมันเราก็รู้จัก แต่ไม่รู้อยู่ห้องไหน นี่ก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้ว คนดูแลอพาร์ทเม้นท์อาจจะยังไม่นอน เราอาจจะไปขอร้องให้เขาช่วย search ให้ว่าห้องเพื่อนเราอยู่ห้องอะไร นึกได้แล้วก็รีบเดินปนวิ่งไปหอพักดีกว่า ... ไปถึงแทบจะเข่าอ่อน..อะไรว่ะ อพาร์ทเม้นท์ปิดแล้ว แล้วเราจะตามหาเพื่อนได้ยังไงเนี่ย อยู่ห้องไหนก็ไม่รู้ ก็ได้แต่ออกมายืนหน้าอพาร์ทเม้นท์ แล้วแหงนหน้าขึ้นไปสำรวจ เผื่อจะมีเพื่อนเราโผล่หัวออกมาชมวิวหน้าระเบียงจากห้องไหนสักห้องนึงของตึก 7 ชั้น แต่ก็ไม่มีวี่แวว หรือจะตะโกน เรียกมันให้โผล่หัวออกมาทั้งอพาร์ทเม้นท์เลยจะดีใหมว่ะ แต่อาจจะเสี่ยงกับการโดนปาหัวด้วยขวด หรือ something ที่แข็งพอจะเอาเลือดชั่ว ๆ ออกจากหัวของเราได้.... สรุปว่าคืนนี้กรูเข้าบ้านไม่ได้จริง ๆ ใช่ใหมเนี่ย แล้วความหวังที่จะได้นอนแช่ในอ่างจากุซซี่พร้อมฮัมเพลงให้สบายอารมณ์ก็ต้องพังไป เดินกลับบ้านอย่างคอตกเลยเรา
เที่ยงคืนห้านาที หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่โทรหาเพื่อน ๆ เพื่อจะไปขอนอนด้วย...แรก ๆ ก็ไล่จากคนที่บ้านอยู่ในรัศมีของอนุสาวรีย์ชัยฯ ก่อน แล้วก็ขยายวงกว้างไปเรื่อย ๆ จนถึง กทม.รอบนอก ตลอดจนปริมณฑลแต่ "เศร้าคับ ไม่มีใครรับสายเราเลยสักคนเดียว" ทำไงได้เวลานี้ชาวบ้านชาวช่องก็คงนอนกันหมดแล้วแหละ...เพื่อน ๆ ที่อยู่กับแฟน ก็คงต้องปิดไฟแต่หัวค่ำเพราะมันเป็นวันศุกร์และเพื่อสนองนโยบายประหยัดพลังงานของรัฐบาล.......(นึกด่าตัวเองอยู่ในใจ ไม่น่าไปเที่ยวกลางคืนเลยกรู) ..ฮือ ฮือ ฮือ ท่านผู้ชมคับ Auditor หนุ่มหน้าตาดูดี มีสกุลรุนชาติคนนี้จะใช้ชีวิตยังไงต่อจากนาทีนี้ไปจนถึงรุ่งเช้า....."สู้โว้ย...คงจะยังมีหนทาง ฟ้าคงไม่กลั่นแกล้งคนหน้าตาดีจนเกินไป" หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่โทรใหม่อย่างกระหน่ำอีกครั้ง (ย้ำว่า กระหน่ำโทร) กระหน่ำโทรซะจนแบตเตอรี่หมด แล้วไอ้มือถือสุดเลิฟของเราเวลาแบตมันหมดแล้วหมดเลยจริง ๆ ไม่มีก๊อกสอง เวรเจง ๆ เบอร์ใครก็ไม่ได้เมมไว้เลย จะโทรหยอดเหรียญหาใครก็ไม่ได้แล้ว "แล้วกรูจะไปนอนไหนว่ะเนี่ย" เอาว่ะ อารมณ์ตอนนี้เหมือนหมาที่จนตรอก ทำไงก็ต้องทำแล้วเพื่อความอยู่รอด งัดบ้านตัวเองเลยดีกว่า แผน The Rob งัดบ้านสะท้าน จ้า..โลก ก็อุบัติขึ้น ชั้นหนึ่งเนี่ย คงงัดไม่ได้เพราะล๊อคไว้ด้วยสายยู ซึ่งมีเหล็กมีความหนาพอ ๆ กับหน้าของเรา (เห็นภาพกันแล้วใช่ไหมคับ ว่าแม่กุญแจบ้านป๋มอะ มันหนาขนาดไหน) ถ้าจะเข้าไปให้ได้ก็ต้องใช้วิธีเลื่อยแม่กุญแจทิ้ง แต่คงยากสสสสสสสสสสสสสส์ อีกวิธีนึงคือ ปีขึ้นไปชั้นสองแล้วงัดบานเกร็ดกับมุ้งลวด เพื่อยื่นมือไปเปิดประตูห้องจากด้านใน แต่ปัญหาของมันคือทำยังไงเราจะปีนไปชั้นสองได้อะดิ วิชาตัวบงตัวเบาเราก็ไม่มี แม้จะมีประสบการณ์จากการปีนต้นมะม่วง, ต้นฝรั่งและต้นมะพร้าวมาบ้างตอนเด็ก ๆ สมัยที่ยังวิ่งเล่นอยู่บ้านนอก แต่คง apply ไม่ได้กับบ้านเช่าสองชั้นของเรา......สำรวจอุปกรณ์รอบ ๆ บ้านก็น่าจะมีแต่ราวตากผ้าเท่านั้นที่เป็นความหวังหนึ่งเดียว ที่พอจะให้เราเหยียบขึ้นไปเกาะราวชั้นสองได้ เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน ปีนบ้านตัวเองตอนเที่ยงคืน งานนี้ถ้าพลาดตกลงมาจะยังไงก็ช่าง ต้องเซฟเจ้าก้านกล้วยของเราเอาไว้ก่อน แล้วถ้าบ้านข้าง ๆ จะนึกว่าขโมยโทร.แจ้ง 191 ก็ให้มันรู้ไป ดีซะอีกเผลอ ๆ อาจจะได้นอนคุกฟรี ว่าแล้วก็ถอดรองเท้านับ 1 2 3 เหยียบ+++ แค่ทิ้งน้ำหนักลงไปด้วยขาขวาข้างเดียวเท่านั้น ราวตากผ้าสแตนเลสที่มีอายุการใช้งานกว่า 3 ปี ก็หักงอลงไปอย่างฉับพลัน....ซวยแล้วกรู ราวตากผ้าอุปกรณ์สำคัญก็มาพัง มือถือก็ดันแบตหมด .....ความหวังที่จะเข้าบ้านให้ได้ตอนนี้ก็เหลือศูนย์แล้ว การติดต่อกับโลกภายนอกตอนนี้ก็ไม่สามารถทำได้อีก....
และแล้วแผนการงัดบ้านก็ต้องล้มเลิกลง เที่ยงคืนครึ่งแล้ว คงต้องหาที่นอนที่อื่นไปก่อนทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้มันพ้นคืนนี้ไปให้ได้อ่ะ... ตรงปากซอยอารีย์ของเรามีโรงแรมอยู่ 2 ที่ งานนี้มีงบให้ไม่เกิน 1,500 บาท ขอเลือกโรงแรมดี ๆ หน่อย ยอมควักเงินจ่ายเพื่อความอยู่รอดและการนอนหลับอย่างสนิทใจโดยไม่ต้องขวัญผวาตลอดคืน... โรงแรมอย่างที่บอกว่ามีสองที่ ที่แรกเป็นสไตส์ Boutique Hotel อะตกแต่งใช้ได้เลย โรงแรมขนาดนี้คงไม่ค่อยมีประวัติไม่ดีเท่าไหร่.... กับอีกโรงแรมนึง เป็นโรงแรมกึ่งม่านรูดคับ.... ให้ทายก็คงถูกว่าผมต้องเลือกนอนโรงแรมแรกแน่ "ยอมจ่ายแพงถ้าได้นอนสบายกว่าและไม่เสี่ยงกับการโดนผีหลอก ยอมว่ะ" จาตีหนึ่งแล้ว หนุ่มน้อยพเนจร หอบหิ้ว laptop คู่ชีพนั่งแท็กซี่ให้มาส่งปากซอยอารีย์ แล้วตรงไปที่โรงแรม Reflexion - - - เจอแล้วคับพนักงานต้อนรับ
ต้นกล้า : ไม่ทราบว่ามีห้องแบบไหน ราคาเท่าไหร่คับ
พนักงาน : สองพันสี่ร้อย ถึง สามพันหกร้อย คับ
ต้นกล้า : อะไรน่ะ !!!!!!!!!!!! เท่าไหร่นะคับ
พนักงาน : ห้องต่ำสุด 2,460 บาทคับ นี่รูปห้องตัวอย่าง หรือจะเข้าไปดูใน website ก็ได้นะคับ
ต้นกล้า : คับ มีนามบัตรใหมคับพี่ ขอบคุณคับ
โรงแรมบ้าไรว่ะ แมร่ง แพงชิป ราคาขนาดนี้ กรูยอมไปนอนสะพานลอยดีกว่า (ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพคับ อารมณ์ตอนนั้นมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ) นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงจะยอมจ่ายไปถึง 2 พันกว่าบาท..ก้อใช่เรื่อง...... ใช่คับ ไม่ต้องเดาหรอก เป้าหมายสุดท้ายของผมก็คือโรงแรมกึ่งม่านรูดแห่งนั้น...สภาพภายนอกเป็นตึกเก่า ๆ มีสี่ชั้น ด้านหลังทำเป็นม่านรูดหลายสิบห้อง...
เอาว่ะ....แม้จะยังไม่เคยเข้าไปใช้บริการม่านรูดมาก่อน ลองดูก่อนสักครั้งก็ดี เผื่อวันหน้าต้องใช้จริง ๆ จะได้ไม่เก้อเขิน (อิอิ) สุดท้ายเราก็ได้ห้องพักที่หรูที่สุดในโรงแรม (ระดับ Superior เชียวนะ) ในราคา 590 บาท โดยระหว่างเช็คอิน ก้อกำชับกับพนักงาน Front ว่า เอาห้องที่ดีที่สุด แพงที่สุด หรูที่สุด และที่สำคัญไม่เคยมีประวัติฆ่ากันตายในห้องเด็ดขาด รวมถึงไม่มีประวัติกับห้องข้าง ๆ ทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง ด้วย พนักงานก็ตกปากรับคำเราเป็นอย่างดีว่าห้องที่เปิดให้อะ "ใหม่ชัวร์ รับรองว่าเราต้องชอบแน่..." (มีรับประกันความพอใจด้วยคับ) ขอดูห้องก่อน เค้าก็ไม่ให้ดูอ่ะ ให้ไปลุ้นเอง...หลังเช็คอินเสร็จ ก็ต้องจ่ายเงินค่าห้องเลย แล้วถึงจะได้กุญแจห้อง ไอ้เราก็รอพนักงานจะช่วยถือของเดินไปเปิดห้องให้....เปล่าเลย เขาบอกว่า รับกุญแจแล้วก็เดินไปหาห้องเอาเอง อืม ผมอ่ะ ได้พักชั้นสี่ ลิฟท์ก็ไม่มี (ถึงมีกรูก็ไม่ขึ้น คุณผู้ชมคับบรรยากาศการเช็คอินโรงแรมตอนตีหนึ่งเนี่ย มันช่างวังเวงเจง ๆๆ) บรึ๋ยส์ ขึ้นห้องดีกว่า เดินไปคนเดียวก็ได้ อ่อ ลืมถามพนักงานเรื่องนึง
ต้นกล้า : พี่ ๆๆ ราคา 590 นี่รวมอาหารเช้าป่าวคับ
พนักงาน : ไม่มีอาหารเช้าค่ะ (พนักงานขำกันใหญ่เลย คงนึกในใจ "รร.ม่านรูดนะ ไม่ใช่โซฟีเทล หรือบันยันทรี")
คุณผู้ชมครับ... ระหว่างเดินจากชั้นหนึ่ง ไปชั้นสี่ ตลอดทางเดินมีไฟสลัว ๆๆ ขณะนี้ก็ตีหนึ่งแล้ว เงียบมั่ก ๆๆๆๆๆๆๆๆ เหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่แถว ๆ นั้นเลย (ถ้าคุณเคยดูหนังผีฝรั่ง ที่พระเอกรถเสียระหว่างทาง แล้วเข้าไปเช็คอินโรงแรมผีสิงอ่ะ อย่างนั้นเลย) เราก็รีบ ๆ เดินให้ถึงชั้นสี่ไว ๆ ถึงแล้วห้อง 418 บรรยากาศเงียบมาก ยืนตั้งสติอยู่พักนึง ก่อนจะไขกุญแจเข้าไปแบบมือสั่น ๆ ในห้องมืดมากกกกกกกกก สวิตซ์ไฟอยู่ไหนก็ไม่รู้ ต้องเดินมืด ๆ เข้าไปจากประตูประมาณห้า หก ก้าว แล้วเปิดไฟทีละดวง ตั้งแต่ไฟห้องน้ำ ไฟตรงหัวเตียง เปิดทีวี มานั่งสำรวจห้องดี ๆ ก็ใช้ได้นะ สภาพดีกว่าที่คิดเยอะมากกกก ไม่มีกลิ่นฝุ่น หรือกลิ่นอับ ๆ เลย ผ้าเช็ดตัวก็ดูสะอาดดี ถึงแม้จะบางมากกกกก Wow... ห้องน้ำ มีห้องกระจกสำหรับอาบน้ำด้วย มีกระจกเงาเต็มห้องน้ำเลย อาบน้ำไปก็ได้เห็นหุ่นตัวเองแบบ 360 องศา และแบบ Panorama...(โอ้ ว้าว...หุ่นดีเหมือนกันนะเราเนี่ย) จากประสบการณ์การเป็น Audit ที่ต้องไปจ๊อบต่างจังหวัดบ่อย ๆ ผมว่าที่นี่ดีกว่าโรงแรมแถวอยุธยาที่เคยไปนอนซะอีก (ปาทับใจ รู้สึกคุ้มยังไงก็ไม่รู้) จากสภาพโรงแรมภายนอก ที่ดูเผิน ๆ แล้วดูไม่มีเกรดเลย แต่ตอนนี้ผม up ให้เป็น 1 ดาวเลย (จริง ๆ จะให้ 1.5 ดาว แต่อีก 0.5 เอาไว้รอดูพรุ่งนี้เช้าก่อน ถ้าคืนนี้นอนไม่โดนผีหลอกจะให้อีก 0.5 คับ) ข้าวของติดตัวก็ไม่มีอะไรเลย นอกจาก laptop เครื่องนึง และแล้วคืนนี้ผมก็ต้องนอนเปลือยเปล่า (ขณะที่นั่งพิมพ์อยู่นี่ก็กำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ได้โปรดอย่าจินตนาการภาพอันเซ็กส์ซี่ นั้นเด็ดขาดคับ) ขณะนี้ก็ตีสองแล้ว ง่วงเต็มที หลังจากสวดมนต์ก่อนนอน อธิษฐานหลังจากซวยมาหลายเรื่องแล้ว ก็อย่าให้แจ๊คพอต เจอเรื่องไม่ดีขณะนอนอยู่เลย
บทสรุปของคืนนี้ ผมก็ต้องนอนในห้องสุพรีเรียร์ ที่หรูที่สุดของโรงแรม Myhouse ซ.อารีย์ ชั้น 4 ห้อง 418 พร้อมกับเปิดไฟทุกดวงในห้องนอน และห้องน้ำ พร้อมเปิดทีวี ไว้ตลอดคืน ปิดม่านหน้าต่างทุกบาน ปิดประตูตู้เสื้อผ้า ปิดตู้เย็น เอา laptop วางไว้เตียงข้าง ๆ (คิดเอง ว่าถ้าเอาของวางรก ๆ เตียงข้าง ๆ จาได้ไม่มีใครมานอนด้วย) พร้อมกับเก็บกางเกงแสลค และเสื้อเชิตทำงานของเราให้ไกล หูไกลตา เพราะกลัวตื่นขึ้นมาเห็นเสื้อผ้า หรือกางเกงดำ ๆ จะตกใจได้..... นอนดีกว่า... หลับฝันดีนะคับ (อย่าให้เจออะไรนะ ถ้าเจอละก็ คุณพนักงานโรงแรมพรุ่งนี้เช้ากรูจะลงไปฆ่า เมิงงงงง) ....
จากคุณ :
Tonkla on the sunshine day
- [
13 ต.ค. 50 16:46:46
]