Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    วันดับสูญ บทที่ 12 กาลดับสูญ + บทส่งท้าย การเริ่มต้น

    วันดับสูญ บทที่ 12 กาลดับสูญ

    สมชายเดินออกจากห้องพักผ่อน...ในขณะที่บางคนยังอยู่ในห้องและตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น...ความโกลาหลในห้องช่างไม่ต่างกับบนพื้นโลกเลยแม้แต่น้อย

    ถ้าสิ่งที่เขาคิดเป็นความจริง...ต่อจากนี้...จะไม่มีอะไรเหลืออีกต่อไป...

    เขาเดินอย่างช้าๆ ไปที่ห้องบังคับการและพบว่า ดร. โทมัส อยู่ในห้องนี้เรียบร้อยแล้ว

    ดร. โทมัส หันกลับมามองยังต้นเสียงของการเปิดประตู   สีหน้าบ่งบอกถึงความเครียดอย่างยิ่งก่อนที่จะหันกลับไปดูหน้าจออิเลกโทรนิคซึ่งแสดงแผนที่ดวงดาวจักรวาลและเส้นทางเดินของยานโนอาห์อีกครั้งอย่างไม่สนใจใยดีผู้ที่เข้ามาในห้อง

    ...สมชายเดินเข้าไปและหยุดอยู่ด้านข้างของ ดร. โทมัส...

    ทั้งห้องเงียบกริบ...ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ...สมชายจ้องจออิเลกโทรนิค...

    ที่ด้านล้างซ้ายของจอ...ตัวเลขแสดงกำลังขับเคลื่อนยานกำลังไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตัวเลขแสดงระยะทางการเดินทางของยานกลับสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัด

    พิกัดแสดงจุดที่ตั้งของดวงดาวก็เช่นกัน...ตัวเลขบ่งบอกว่าที่ตั้งของดวงดาวกำลังเปลี่ยนแปลงไป...และ...กำลังเข้าใกล้ระบบสุริยะมากขึ้นเรื่อยๆ...อย่างช้าๆ

    ตามปกติแล้วหลุมดำจะเกิดจากดาวฤกษ์ที่ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์อย่างน้อยสิบแปดเท่า...เมื่อเกิดการระเบิด...หากแรงดึงดูดของดาวนิวตรอนสามารถดึงเศษซากดาวที่กระจัดกระจายเนื่องจากการระเบิดให้ตกกลับลงมายังตัวมันเองจนกระทั่งมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์สามเท่าได้ แรงโน้มถ่วงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ดาวนิวตรอนเกิดการยุบตัวลงอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุดและเกิดเป็นหลุมดำในที่สุด

    หลุมดำ...ที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง...แม้กระทั่งแสง

    หากแต่...ในครั้งนี้...การระเบิดอย่างรุนแรงที่กินพื้นที่เป็นระยะทางกว้างมหาศาล

    เช่นเดียวกับดวงดาวในระบบสุริยะ...ระบบของกลุ่มดาวอื่นแต่ละแห่งดำรงอยู่ได้อย่างที่มันควรจะเป็นเพราะมีแรงดึงดูดของแต่ละระบบกลุ่มดาวข้างเคียงกระทำต่อกัน...และ...เมื่อระบบของกลุ่มดาวหนึ่งสูญสลายไป...แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อระบบของกลุ่มดาวอื่นๆ อย่างช่วยไม่ได้...

    จุดแสดงดวงดาวในกาแลคซี่ข้างเคียงค่อยๆ หายไปทีละจุด...ทีละจุด...

    สมชายลอบสังเกตคนที่อยู่ในห้องบังคับการนี้...นักบินสองคนอยู่ในสภาพหมดอาลัยตายอยาก...ไม่มีใครทำอะไรอีกต่อไป

    ...ดร. โทมัส เองก็มีอาการไม่ต่างกัน...

    เขายังคงยืนจ้องจุดต่างๆ บนจออิเลกโทรนิคที่กำลังเคลื่อนที่ทีละน้อยด้วยสีหน้าแววตานิ่งเฉย ท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง...

    หากแต่เมื่อมองลงลึกลงไปในดวงตาแล้ว สมชายพบว่ามันคือความว่างเปล่า ไม่มีความคิดใดๆ ออกมาจากมันสมองอันปราดเปรื่องอีกแล้ว...ไม่มีทางรอดอีกต่อไป

    ...ออด...ออด...ออด...

    เสียงเตือนดังขึ้นพร้อมด้วยสัญญาณไฟสีแดงกระพริบถี่ที่หน้าจออิเล็กโทรนิคแสดงให้เห็นว่าเครื่องยนต์ที่ปีกขวาได้รับความเสียหายจากการทำงานเกินกำลังของมัน

    หลุมดำที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้ก่อกำเนิดขึ้นแล้ว...หลุมดำซึ่งเกิดจากจุดจบของดวงดาวและระบบของกลุ่มดาวจำนวนมาก...แรงดึงดูดมหาศาลที่ความเร็วแสงหรือแม้แต่การขยายตัวของอวกาศยังต้องพ่าย...นับประสาอะไรกับความเร็วที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนของเชื้อเพลิงและเครื่องยนต์ของยานลำนี้...ไม่มีทางเลย...

    ปัจจุบันอวกาศยังคงขยายต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งจากการระเบิดที่รุนแรงของพลังงานในครั้งแรกก่อนก่อกำเนิดจักรวาลที่เรียกว่าบิ๊กแบง การขยายตัวของอวกาศก็เพื่อให้พลังงานลดลงและเข้าสู่ภาวะสมดุล

    แต่...หลุมดำมหึมาที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของระบบสุริยะและระบบของกลุ่มดาวอื่นข้างเคียงมีแรงดึงดูดมหาศาลเกินกว่าพลังงานในการขยายตัวของอวกาศเสียแล้ว และตอนนี้มันก็ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน...การดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง...สสาร...พลังงาน...แสง...หรือแม้แต่จักรวาล

    ระยะทางบนหน้าจอของยานลดลงด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น...ตัวยานเริ่มรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเนื่องจากแรงขับเคลื่อนที่มิอาจต้านทานแรงดึงดูดได้อีกต่อไป

    สัญญาณไฟสีแดงที่ปีกซ้ายกระพริบถี่เช่นเดียวกับที่ปีกขวาจากสาเหตุเดียวกัน

    ...พิกัดของดวงดาวต่างๆ เองก็มีสภาพไม่แตกต่างจากยานโนอาห์...

    ...ขณะนี้ที่แม้แต่จักรวาลก็ยังพ่ายแพ้ต่อหลุมดำมหึมา...จุดดวงดาวอื่นๆ ที่ไม่มีอยู่ในข้อมูลการค้นพบของมนุษย์เริ่มเคลื่อนเข้ามาในหน้าจออิเล็กโทรนิคพร้อมๆ กับที่บางดวงเริ่มหายไปบริเวณกลางจอซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของระบบสุริยะและระบบของกลุ่มดาวข้างเคียงอย่างหมดทางสู้...

    เครื่องยนต์ทุกจุดแสดงไฟกระพริบสีแดงจนหมดสิ้น...ไม่เหลือแรงต้านทานใดๆ อีกต่อไป

    ดร. โทมัส ก้มหน้าลง...มือยันอยู่ที่แผงควบคุม

    “อ๊ากกกกกก.........!!”

    ชายชราตะโกนสุดเสียงอย่างไม่สนใจใยดีคนอื่น...กำปั้นทุบลงบนแผงควบคุมอย่างบ้าคลั่ง

    “ข้าไม่ยอมแพ้...ไม่ยอม...แก...พระเจ้าเฮงซวย...แกต้องการจะให้พวกข้าหายไปจริงๆ ใช่ไหม...ไม่ยอม...พวกข้าต้องรอด...ไม่...ไม่...อ๊ากกกกกกกก...........!!”

    ความทรงภูมิและความสุขุมเสมือนผู้หยั่งรู้ทุกสิ่งของ ดร. โทมัส หายไปจนหมดสิ้น ตรงหน้าของสมชายในขณะนี้เหลือเพียงชายแก่หมดสภาพ ดวงตาขวาง ที่กำลังคลุ้มคลั่งไร้ซึ่งการควบคุมใดๆ เท่านั้น

    ...การกระทำของธุลีจักรวาลซึ่งเรียกตัวเองว่ามนุษย์ส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงและรุนแรงแสนสาหัสขนาดนี้...เป็นเรื่องเหลือเชื่อและเกินกว่าจะจินตนาการถึงสำหรับสมชายจริงๆ...

    ผู้คนที่อยู่ภายนอกห้องนี้อาจจะยังไม่รู้ตัวกัน...ปล่อยให้พวกเขาหายไปอย่างสงบจะดีกว่า...

    ...มนุษย์...จะหาญสู้กับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร...

    ...ทุกการกระทำที่ผ่านมา...การดิ้นรนทุกอย่าง...เราก็แค่วิ่งอยู่บนฝ่ามือของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น...

    ...และ...เพียงแค่พระองค์กำมือ...ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบ...เราไม่มีทางรอดแต่แรกแล้ว...ตั้งแต่เราทำสิ่งผิดพลาดต่างๆ กับโลกลงไป...

    สมชายหลับตาลงอย่างสงบและปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปไกลแสนไกลสู่ห้วงเวลาของอดีต

    ...คิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตที่ผ่านมา ก่อนที่จะหมดโอกาสแม้แต่จะคิด...

    ...และ...

    ...เฝ้ารอให้ทุกสิ่งถูกกลืนกิน เพื่อกลับไปสู่จุดเริ่มต้น...อีกครั้ง...



    วันดับสูญ บทส่งท้าย การเริ่มต้น

    ณ ความเวิ้งว้างดำมืดไม่มีจุดเริ่มต้นและไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด

    ปฐมอัคคี...จุดพลังงานเล็กๆ ซึ่งบัดนี้มีพลังงานและแรงอัดมหาศาลจนตัวมันเองไม่สามารถคงสภาพไว้ได้อีกต่อไป...

    ในที่สุดบิ๊กแบงหรือการระเบิดครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นและส่งผลให้จักรวาลแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ

    เมื่ออุณหภูมิเริ่มลดต่ำลง กาแลคซี่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นโดยความเย็นจะทำให้บริเวณที่มีความหนาแน่นของมวลสารหดตัวจนเกิดความสมดุลกับแรงโน้มถ่วงและเกิดเป็นกาแลคซี่

    ก๊าซต่างๆ ในกาแลคซี่เริ่มหดตัวอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ถือกำเนิดขึ้นพร้อมๆ กับวงโคจรซึ่งจะกลายเป็นระบบสุริยะ

    โลก...ดาวดวงหนึ่งในระบบสุริยะ...ใช้เวลานานถึงพันปีในการปรับสภาพให้เย็นลงจากตอนถือกำเนิด และนั่นเองที่ช่วยให้บรรยากาศและทะเลก่อกำเนิดขึ้นซึ่งส่งผลให้เกิดความเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต

    ...นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลในมหายุคต่างๆ...

    สัตว์เซลล์เดียว...แบคทีเรีย...สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง...ถือกำเนิดและวิวัฒนาการไล่เรียงกันมา

    วิวัฒนาการต่อมาคือสัตว์ใต้น้ำมีกระดูกสันหลังและพืชใต้น้ำ ที่ยังคงต้องดำรงชีวิตอยู่ภายในน้ำเนื่องจากสภาพอากาศที่ยังไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตบนพื้นโลกในขณะนั้น

    และเมื่อพืชน้ำเริ่มก่อกำเนิดขึ้นหลังจากนั้นอีกไม่นาน ของเสียที่ได้จากการสังเคราะห์แสงของพืช ซึ่งก็คือก๊าซออกซิเจนเริ่มหนาแน่นขึ้นในชั้นบรรยากาศและพื้นผิวโลก

    สิ่งมีชีวิตบนบกเริ่มก่อกำเนิดหลังจากนั้น สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ...สัตว์มีกระดูกสันหลัง...แมลง...พืชบก

    และในที่สุดก็เข้าสู่ยุคสำคัญยุคหนึ่งของโลก...ยุคไดโนเสาร์...ยุคที่สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ครองโลก

    สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกก็ถือกำเนิดและวิวัฒนาการในยุคนี้เช่นกัน...หากเพียงแต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยังคงอยู่ในเงามืดของประวัติศาสตร์ในยุคนี้เนื่องด้วยขนาดและรูปร่างซึ่งไม่อาจเป็นคู่ต่อกรของไดโนเสาร์นั่นเอง

    ...เมื่อสิ้นสุดยุคไดโนเสาร์...นักล่าเหลือลดน้อยลง...สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมออกจากเงามืดและเดินเข้าสู่แสงสว่าง...

    สัตว์ตระกูลไพรเมตซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีลักษณะที่พิเศษกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นตรงสมองที่มีขนาดใหญ่และลักษณะทางกายภาพพิเศษอื่นๆ อีกเล็กน้อยก็รวมอยู่ในนั้นด้วย

    และ...การวิวัฒนาการทางสมองระดับสุดยอดก็ถือกำเนิดขึ้นจากหนึ่งในไพรเมตเหล่านี้

    ...วันแล้ววันเล่า...ปีแล้วปีเล่า...ผ่านทศวรรษ...ศตวรรษ...และหลายศตวรรษ...

    ...ก่อกำเนิดเป็นมนุษย์ในที่สุด...

    ต่อจากนี้...ประวัติศาสตร์ของมนุษย์จะเริ่มต้นอีกครั้ง...

    แต่ทว่า...ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในจักรวาลที่สามารถวิวัฒนาการจนข้ามพ้นของเขตของธรรมชาติไปได้

    ...ทุกสิ่งต้องหวนกลับสู่สมดุลเสมอ...

    วิวัฒนาการที่สูงขึ้นจะทำให้โลกบอบช้ำ

    ...โลกที่บอบช้ำ จะทำให้ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น...

    การตัดไม้ทำลายป่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น

    ...และเพื่อกลับเข้าสู่สมดุลฝนจึงตกมากขึ้นเพื่อทำให้อุณหภูมิลดลง...

    ... ลมแรงขึ้นเนื่องจากกระบวนการปรับสมดุลโดยการถ่ายเทความร้อน เกิดเป็นพายุที่รุนแรงมากขึ้น...

    ...ลมทะเลแรงขึ้นเนื่องจากความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิบนบกกับในทะเลที่มากขึ้นและส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์พลังทำลายมหาศาล...

    สิ่งเหล่านี้เกิดจากการที่โลกเสียสมดุล

    ...และ...นี่คือกระบวนการปรับสมดุลของโลก...

    เมื่อมนุษย์ก้าวข้ามพ้นขีดจำกัดของชีวิตและธรรมชาติบนโลกไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า

    การโคลนนิ่ง...การสำรวจที่อยู่ใหม่ทางอวกาศ

    ...การรักษาสมดุลแห่งจักรวาลก็จะเริ่มต้นขึ้น...ทำลายทุกสิ่ง...และ...เริ่มต้นใหม่...

    เป็นวัฎจักรที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและไม่อาจมีผู้ล่วงล้ำ...ตลอดกาล

    จบบริบูรณ์

    แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 50 22:25:44

    จากคุณ : KTHc - [ 15 ต.ค. 50 22:22:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom