Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องที่ 2 หลังจากที่มีคนเข้ามาอ่าน ดีใจจัง เรื่องความตาย the death

    ความตาย  the  death

            ทรงศักดิ์  จุมพิตที่เปลือกตาของ มัณตา  เบาๆ  รักเธอมาก
       “ตื่นแล้วหรือครับ  เวลาคุณหลับ คิดถึงผมบ้างไหม”
             มัณตา เผยอริมฝีปาก  บรรยากาศแบบนี้เธอรู้สึกคุ้นเคย
       “ฉันนอนหลับไปนานเท่าไหร่แล้วคะ” นัยน์ตาหยอกเย้า
            ทรงศักดิ์ คิดในใจว่านอนมานานเท่าไรแล้ว   แต่เขาก็คิดไม่ออก
            มัณตาขยับชิดใกล้ทรงศักดิ์ กระเซ้าแฟนหนุ่ม
       “อบอุ่นจังเลย  อยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ”
            สักพักเธอก็ถามทรงศักดิ์
       “เราอยู่ที่ไหนกันคะ แล้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
              ทรงศักดิ์  มองไปรอบๆห้องรู้สึกฉงน  ห้องฝาไม้กระดานมีหน้าต่างที่หัวเตียง    มีผ้าม่านผืนเล็กๆแปะอยู่ที่หน้าต่าง  โต๊ะข้างเตียงมีรูปของเขาวางอยู่
       “ห้องนอนของผมไง” เขาเกาหัวนึกไม่ออกว่าก่อนหน้านี้เขาทำอะไรมาบ้างถึงได้มานอนที่นี่
               มัณตา กระชับผ้าห่มรู้สึกโล่งๆ  ร่างกายเปลือยเปล่าแต่เมื่อเธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็จำอะไรไม่ได้
       “คุณทำอะไรฉัน................ดูสิ   โป๊  นี่เห็นไหม”
             
     ทรงศักดิ์  จับจ้อง  มัณตา ยิ้มเขินๆ  พยายามนึกว่าเมื่อคืน  เขามีอะไร อะไร กับสาวหุ่นดีคนนี้  แต่ยิ่งนึก  ก็ยิ่งจำอะไรไม่ได้  ปากคันยิบๆ เลยถามเธอว่า
                “เรามีอะไร อะไร กันแล้วหรือ”
    มัณตาเองก็รู้สึกงงๆ  จำอะไรไม่ได้  น่าจะรู้สึกซาบซ่านบ้าง เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
                 “คงจะมีมั๊งคะ  ถามมาได้ไง  กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง”
                 “อย่างอนไปเลยน่า  นี่มันกี่โมงแล้วล่ะ”
    เขาหันไปมองนาฬิกาที่หัวนอน  เอเมื่อกี้ไม่มีนาฬิกานี่หว่า  ทรงศักดิ์รู้สึกแกว่งๆ  เมื่อคืนเขาคงจะเมามาก  รู้สึกหลอนๆ
                 ทรงศักดิ์ลุกขึ้นสวมกางเกง  ซึ่งอยู่ดีๆก็มีกางเกงกองอยู่ที่พื้น  เขารู้สึกมึนมากกว่าเดิม  ก้าวไปนั่งที่เก้าอี้  ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีเก้าอี้ตัวนี้อยู่
                “อยู่ๆของมันก็เพิ่มขึ้นมาทีละชิ้นสองชิ้น” เขานึกตลกๆในใจ
    มัณตาจุ๊ปากให้เขาเงียบ  เงี่ยหูฟังเสียงอะไรบางอย่าง
                “ฟังสิ”
             
    ทรงศักดิ์ฟังเสียงดัง ก๊อกๆ  แก๊กๆ  เหมือนมีใครเคาะอะไรสักอย่างดังมาจากข้างบน
              เสียงเคาะนี้เงียบลงเมื่อพวกเขาทั้งสองอยู่นิ่งๆ  แต่เมื่อขยับตัวเสียงเคาะก็ดังมาเรื่อยๆตลอดเวลา  ไม่นานทั้งสอง ก็เลิกสนใจ
          ทรงศักดิ์ นึกอะไรไม่ออก  เขารู้แต่เพียงว่าเขาต้องเดินเข้าไปใกล้มันตา  ทำอะไรสักอย่างกับเธอ
             “ผมรักคุณมากนะ อยากอยู่กับคุณ ทั้งวันทั้งคืน”
             ทรงศักดิ์ รู้สึกขัดเขินนึกในใจ  ว่าตัวเองพูดประโยคสั่วๆอย่างนี้ไปได้ยังไง
             “แต่คุณมีแวววาวอยู่แล้ว  เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ  เราคงได้ แต่ลักลอบพบกัน  เวลาที่เรามีให้กันมันจำกัดเสียเหลือเกิน”
            ทั้งสองคนมองตากัน  แล้วรู้สึกผะอืดผะอมว่าตัวเราพูดกันได้ขนาดนี้เลยหรือ
           
     เสียง  ก๊อก  แก๊ก  กอก....แกก.....ยังคงดังระรัวขณะที่สองคนสนทนาภาษารัก
            “ผมรักคุณมากกว่า แวววาว    นัง แวววาวมันหลอกว่าท้องกับผม  เพื่อเห็นแก่ลูก  ผมเลยต้องแต่งงานกับมัน”  ทรงศักดิ์หน้าย่นเหมือนไม่อยากจะพูด
         
     ฉับพลัน  ประตูหลัง ซี่งแต่ก่อนมันไม่เคยมีเปิด ผลัวะ  เงาดำของแวววาว พุ่งอย่างรวดเร็วเข้ามาในห้อง
            แวววาว  ถือปืนในมือ เล็งตรงไปที่  ทรงศักดิ์  และ มัณตา
            “ไอ้  เห....มีงอย่าอยู่ร่วมโลกกับกูเลย นังมัณตา  อีกาลี  แย่งผัวชาวบ้าน”  แวววาว ทำหน้าบูดเบี้ยว  ดูคล้ายคนวิกลจริต
           
    ทรงศักดิ์รู้สึกเสียวแปลบในทรวงอก  เหมือนกับเคยโดนปืนกระบอกนี้ยิงมานับร้อยหน
             “ไม่เอาอีกแล้ว  มันเจ็บนะ  แวว”   เขานึก แต่พูดโพล่งออกไปว่า
              “ยิงพี่เถอะ แวววาว  อย่ายิงมัณตาเขาเลย  เขาไม่ผิดอะไร  พี่รักเขามาก  เธอหลอกพี่มาตลอด  พี่เกลียดเธอ”   นี่ฉันบ้าไปแล้วทำไมไปพูดยั่วอารมณ์  แวววาว ขนาดนั้น  อูย....อย่ายิงมันเจ็บ.........
             
    ความรู้สึกถึงคมกระสุนที่เจาะอกทะลุปอด  สะกิดกระดูกสันหลังมันเจ็บแสนสาหัส
               เสียง  กอก....แกก.....กอก.....แกก.....ดัง  กังวานอย่างเมามัน
              แวววาว  น้ำตาไหล  เธอรู้สึกเจ็บแค้น แน่นอก  แต่เธอก็จำไม่ได้ว่าเรื่องก่อนหน้านี้มันเป็นอย่างไร  แม้แต่ชื่อลูกที่จะเอามาอ้อนวอนสามีให้กลับบ้าน  เธอก็จำไม่ได้  หน้าที่ของเธอ  มีอย่างเดียวคือ ....ฆ่า....ฆ่ามันให้ตายไม่มีประนีประนอม
             
    กอก...แกก.....กอก...แกก....กอก...แกก.....กอก...แกก....
               ทรงศักดิ์  หันไปกอด มัณตา “ที่รักถ้าผมต้องจากไประลึกไว้เสมอว่าผมรักคุณ”  ทรงศักดิ์พูดออกไปทั้งที่ตาเหลือก เหงื่อกาฬแตก
                เฮ้ย   พูดออกไปยิ่งไปยั่วให้มันตายเร็ว   โอ้ย  อย่าพูดอะไรได้รึเปล่าวะ
                หน้าที่ของเขาคือพูด ประโยคซึ้งๆ ก่อนที่จะจบชีวิต  เขานึกถึงควายที่ส่งไปโรงฆ่าสัตว์  วินาทีก่อนโดนเชือด  น้ำตาของเขาไหลปริ่ม     โอย....ทรมานเหลือเกินมัน  ซ้ำซ้อน   ซ้ำซาก เจ็บปวดสุดทน  และในที่สุดเขาก็ต้องพูดประโยคเด็ดปิดท้าย
                “อีนางแพศยา  กูไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับม......”
               
    ปัง  ปัง  ปัง  ปัง  กระสุน 4 นัด ยิงเข้าใส่ ทรงศักดิ์  ร่างของเขาผงะหงายดิ้นทุรนทุราย  เลือดไหลโทรมกาย  ในที่สุดปอดก็ไม่สามารถทำงานได้  เลือดท่วมระบบหายใจ  พิษบาดแผลสุดจะทานทน   ทรงศักดิ์กระตุกกายตายอย่างทรมาน
                มัณตาร้องไห้แทบเป็นบ้า  โผกอดร่างของแฟนหนุ่มภาพนั้นยิ่งยั่วอารมณ์ ของ แวววาว ให้ระห่ำ  เกินหักห้ามได้   เธอเล็งปืนไปที่ หัวของมัณตา
           “อีนังมาร  แกตายเสียเถอะ”
                มัณตาไม่รู้สึกกลัว  เธอรู้ว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเหลือ   ร่างของใครบางคน ผ่านแวบมาทางด้านหลังอย่างไม่น่าเชื่อ
                “หลีกไปนะ  แกเป็นใครอย่ามาขวางทาง  ฉันจะฆ่ามัน”
                “ผมปลัดชูศักดิ์  คนที่แอบหลงรัก  มัณตา  คุณฆ่าคนไม่ได้นะ แวววาว มันผิดกฎหมาย”
                 ปลัดชูศักดิ์  พยายามโก่งลำตัว ให้ดูใหญ่กำยำ  ในเรื่องแบบคนที่มาทีหลังจะเด่นที่สุด   แวววาวรู้สึกคุ้นหน้า   ชายหนุ่มกำยำคนนี้มากเหมือนว่าเขาเคยเป็น คู่รักของเธอมาก่อน
             
     กอก...แกก.....กอก...แกก....กอก...แกก.....กอก...แกก....
                ปลัดชูศักดิ์  เสยผมที่ปรกหน้า   บ่นในใจ
               “เสียงบ้าอะไร  ของมัน”
             
     มัณตา กอดแขน ปลัดชูศักดิ์  เธอเบี่ยงไปทางขวาของเขา  คว้าปืนที่เหน็บเอว ปลัดรูปหล่อ  เล็งยิงสวนไปยังร่างของ นางมารร้าย  กระสุนเจาะผ่านกะโหลกของแวววาว  ทะลุแกนสมอง  ทำให้การสั่งงานของสมองจบลงในเสี้ยววินาที   ก่อนที่นิ้วของแวววาวจะกระดิกไกปืนทัน
               ทำไมฉันลืมตอนนี้ไปทุกที  แวววาวคิดหาเหตุผลที่ลืมจากสมองซีกซ้าย  ซึ่งสมองซีกขวาส่วนที่เก็บความทรงจำก็ตอบกลับมา  แต่สายเกินไปที่จะติดต่อกันได้
               เมื่อสมองขาดการควบคุม  แต่หัวใจและกล้ามเนื้อ  ยังทำงานอย่างอัตโนมัติ  ร่างของแวววาวจึงซวนเซ ป่ายเปะ  หมุนคว้างไปทั่วห้อง  ก่อนที่หัวของเธอจะพุ่งทะลุกระจกบาดคอเธอจนเกือบขาด
              ปลัดชูศักดิ์  และ มัณตา กอดกันแน่นมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  รู้สึก  แหยะๆ  หยองๆ  อุบาทว์ เกินจะบรรยาย
             ฉับพลัน เปลวไฟก็ลุกท่วมบ้านทั้งหลัง

    กอก...แกก.....กอก...แกก....กอก...แกก.....กอก...แกก....
            “เสียงบ้าอะไรของมันวะ”  ปลัดหนุ่มคำรามลั่น  เขารำคาญสุดทนกับเสียงบ้านี่เต็มที  
             ปลัดชูศักดิ์คิดว่ามันน่าจะเป็นอาการโรคประสาท  ที่เขาได้ยินอยู่คนเดียว
              “ออกไปจากที่นี่กันเถอะ”  ปลัดชูศักดิ์จูงมือมัณตาให้ออกจากห้องที่กำลังเกิดไฟไหม้

    กอก...แกก.....กอก...แกก....กอก...แกก.....กอก...แกก....
           
               ทรงศักดิ์ จูบมัณตาที่เปลือกตาเบาๆ
           “ตื่นแล้วหรือครับ  เวลาคุณหลับคิดถึงผมบ้างไหม”
              มัณตา ค่อยๆ เผยอริมฝีปาก
               “ฉันนอนหลับไปนานเท่าไหร่แล้วคะ”
              ทรงศักดิ์และมัณตา  มองตากัน  ทั้งสองต่างรู้ว่าจะต้องพูด และทำอะไรต่อไป
               เหตุการณ์ต่างๆมันเกิดขึ้นจนรู้สึกชิน
              “คุณว่าไอ้เสียงกอก...แกก.....กอก...แกก....  นี่มันเสียงอะไร” ทรงศักดิ์ถามมัณตา
              “มีใครบางคนกำลังสั่งให้เราทำ  ให้เราพูดตามที่เขาต้องการ” มัณตาออกความเห็น
              “ใครมันจะทำอะไรอย่างนั้นได้”
               มัณตานิ่งเงียบ  แหงนมองไปข้างบน
             
    กอก...แกก.....กอก...แกก....กอก...แกก.....กอก...แกก....
              สักครู่ แวววาว  และ ปลัด ชูศักดิ์  ก็เดินเข้ามา  ทั้งสี่นิ่งเงียบ  ฟังเสียงแปลกๆนั้นอย่างตั้งใจ

    กอก...แกก.....กอก...แกก....กอก...แกก.....กอก...แกก....กอก...แกก.....กอก...แกก....
              “มาทำเรื่องของพวกเรา ให้จบๆไปซะทีเถอะ..   เรื่องมันเป็นมาอย่างไรก็ให้มันเป็นไปอย่างนั้น”  มัณตาพูดอย่างเหนื่อยหน่าย

    กอก...แกก.....กอก...แกก....กอก...แกก.....กอก...แกก....
                 “คุณคะ กับข้าวเสร็จแล้วค่ะ  มากินข้าวกันก่อนเถอะ”
                  “เดี๋ยวเดียวจ้ะ  ไม่รู้เป็นยังไง  ไอ้บทตอนนี้มันเขียนยากเขียนเย็นจริงๆ  เขียนเท่าไหร่ก็ไม่ถูกใจซักที”   นักเขียนหนุ่มเริ่มเคาะพิมพ์ดีดรัวเป็นปืนกล
             
      กอก...แกก.....กอก...แกก....กอก...แกก.....กอก...แกก....
                 เขามองบทละครทีวี ที่เขียนอย่างไม่พอใจ ก่อนดึงออกจากแคร่  ขยำเป็นก้อนกลม ปาลงถังขยะอย่างแม่นยำ
                “ตะกร้าสร้างนักเขียนมาทุกยุค”  อาจินต์  ปัญจพรรค์  เคยกล่าวไว้

    5  ตุลาคม  2550

    จากคุณ : จุ๋มกะจิ๋ม - [ 16 ต.ค. 50 16:54:43 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom