เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าฤดูกาลของความฝันไกลห่างออกไปและจดหมายรักถูกตีกลับ
ความฝันเคลื่อนคล้อยไปเรื่อย เมื่อความฝันเป็นคนที่มีชีวิต
คนที่รักข้างเดียว ย้ายเรือนพักอาศัยโดยไม่บอกกล่าวและไม่คิดว่าต้องแจ้งล่วงหน้า
ป้ายบอกทางริมถนนวางกันเกลื่อน สิบกว่าป้ายในช่วงหนึ่งร้อยเมตร เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา สี่แยก ลดความเร็ว บางวัน ขับรถถูกต้องตามกฎจราจรด้วยความเคร่งครัด ป้ายบอกทางเยอะมาก บางครั้ง หลงทางด้วยป้ายบอกทางเสียด้วยซ้ำ
กางแผนที่ – จริงๆแล้ว ไม่นิยมแผนที่ ถูกต่อว่าบ่อยๆว่า ควรดูแผนที่ก่อนออกรถ จะไปไหน อย่างน้อยที่สุด ควรรู้เส้นทางคร่าวๆ จุดสังเกตสองสามแห่ง แล้วค่อยเริ่มต้นเดินทาง เอาแต่มองป้ายบอกทาง อย่างเบาแค่ตกถนน อย่างหนักอาจถึงชีวิต และ อาจพาชีวิตคนอื่นไปด้วย
ถามทาง – ใช่ เมื่อหลงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ควรปริปากขอความช่วยเหลือ ไม่ควรปากแข็ง มองหาชาวบ้านหน้าตาไว้ใจได้ พูดภาษาไทยพอฟังชัด แล้วถามที่หมายปลายทาง สองสามประโยคก็รู้แล้ว ว่าจุดหมายอยู่ตรงไหน หรือ หลงมาไกลเท่าไร น้ำใจมีตลอดทุกเส้นทาง ถ้าไม่ค่อยไว้ใจใครก็แวะปั้มน้ำมัน ให้เด็กปั้มเป็นคำตอบสุดท้าย และ อย่าลืมกล่าวขอบคุณทุกๆน้ำใจ ก่อนออกรถแล้วพ่นท่อไอเสียใส่ผู้มีพระคุณเบื้องหลัง
โทรถามเพื่อน – เส้นทางสายยาวเปล่าเปลี่ยว ขนาบด้วยท้องทุ่งและเงาไม้ สิ่งมีชีวิตที่ใกล้ตัวที่สุดคือตายายที่อยู่กลางทุ่งห่างออกไปราวห้าร้อยเมตร อย่างนี้ควรกดโทรศัพท์มือถือ สวมอุปกรณ์แฮนฟรีที่ควรมีติดรถไว้ เรียกหาเลขหมายที่เชี่ยวชาญการเดินทาง ถามไถ่ข้อมูลเป็นระยะๆ ความช่วยเหลือระยะไกล ให้ความเห็นสั้นๆ ตามจำนวนคำถาม สุดท้ายพอเห็นว่า เราไม่มีปัญญาไปถึงไหน จะช่วยชี้ทางสว่างให้ว่า –กลับเถอะ ค่อยเดินทางใหม่คราวหน้า
ขับรถโดยไร้จุดหมาย เปล่าเปลืองเกินไป น้ำมันแพงขึ้นแทบทุกวินาที
กลับถึงบ้าน ด้วยอารมณ์ขาดๆเกินๆ เกาศีรษะ หยิบผ้าเช็ดตัวพาดคอ ถอดเสื้อผ้าพาดไว้กับเก้าอี้ พาตัวเข้าห้องน้ำพร้อมหนังสือพิมพ์รายวัน ละเลียดเนื้อข่าวสักพัก ค่อยอาบน้ำล้างหน้า
รู้สึกว่า แม้พยายามขัดถูจนผิวหนังแดงแสบเกือบถลอก ก็ยังมีบางสิ่งล้างไม่ออก
เคยดูหนังบางเรื่องไม่จบ แล้วไม่มีวันได้ดูอีกเลยบ้างไหม - แบบนั้น คล้ายๆกัน
ดูมาตั้งแต่แรกจนเหลืออีกสิบห้านาทีสุดท้าย ถ้าตั้งใจดู คงพอเดาตอนจบได้ว่าจะสุขหรือเศร้า ประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เดาไม่พลาด พระเอกหรือนางเอก คนไหนต้องเสียชีวิต เราล้วนทราบกันดี
แต่ถ้าไม่ได้ดู – เราก็ไม่รู้ว่า รายละเอียดในตอนจบเป็นอย่างไร
สุขเพียงใด เศร้าเพียงใด - ไม่รู้
ดังนั้น จึงไม่เพียงพอที่จะตัดตนเองออกจากเรื่องราวเหล่านั้น แล้วพอวันว่าง อยู่ๆก็จะวูบเข้ามาให้เห็นในห้วงความคิด
อยากรู้ว่า หนังเรื่องนั้นจบอย่างไร มีภาคสอง ภาคสามต่อหรือไม่
ยิ่งถ้าเป็นหนังนอกกระแส เข้าโรงน้อย อาร์ตเฮ้าส์ยังไม่เอามาฉาย มีแผ่นขายแค่บางร้าน เรื่องราวระหว่างเรากับหนังเรื่องนั้น ก็หยุดลง วันหนึ่งพอผ่านไปสักสองสามปี อาจเห็นชื่อหนังในอินเตอร์เน็ต หรือ รายการหนังสุดสัปดาห์ทางฟรีทีวีเอามาฉายใหม่ แต่เชื่อเถอะ เราไม่มีเวลาตั้งใจดูจริงๆจังๆ
วันเวลาแบบนั้น เราล้วนแต่มีธุระด่วน
ไม่มีอะไรมากหรอก – แค่อยากติดต่อกับวันเวลาเก่าๆ ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ เลยต้องเขียนจดหมายไปตามที่อยู่เดิม แล้วก็ถูกตีกลับมา ไม่มีผู้รับตามที่อยู่ หน้าซองเขียนอย่างนั้น ไม่มีคนรับ ดีกว่า ไม่มีใครอยากรับ แต่ความจริง เราก็ไม่รู้อีกอยู่ดีว่า หากส่งไปถึง เธออยากจะรับหรือไม่ รับไปแล้วจะเปิดอ่านไหม แล้วจะคิดถึงคนเขียนบ้างหรือเปล่า
ไม่มีวันรู้ มีความน่าจะเป็นมากมายเป็นคำตอบ หลายความคิดอาจเป็นไปได้ มีโอกาสเพียบ แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงความน่าจะเป็นที่ค้างคาอยู่ในความรู้สึก
คิดว่าเรื่องราวระหว่าง ผมกับเธอยังไม่จบอย่างสมบูรณ์
ทั้งๆที่มันเป็นอดีตไปนานแล้ว
ผมรู้คำตอบว่าตอนจบต้องเศร้าแน่ๆ แต่มากน้อยเพียงไร ก็ยังเป็นคำถามที่ต้องเฝ้าถามไปตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าในอนาคต จะมีโอกาสพบกับเธออีกครั้ง แล้วมีโอกาสถามทวนบางสิ่งที่ค้างคาให้ชัดเจน แต่ว่า ตัวเธอตอนนั้นกับตัวเธอตอนนี้ เป็นคนละคนไปแล้ว
ผมเองก็เป็นคนละคนกับตอนนั้น
..ตีหนึ่งเกือบตีสอง หลังจากอ่านหนังสือเล่มเก่าจบ ผมนั่งที่โต๊ะทำงาน ลงมือเขียนจดหมายอีกฉบับ ส่งไปตามที่อยู่เดิม ที่ไม่มีผู้รับตามที่อยู่ เผื่อว่า เธอจะคิดถึงบ้านเก่าแล้วกลับมาเปิดตู้จดหมายดูสักนิด เป็นความหวังที่จัดว่าไม่น้อยเลย หากคิดจะสัมผัสวันคืนเก่าๆในหีบห่อใหม่
ลัดเลาะไปอ่านกระทู้ที่ถกเถียงเรื่องประวัติศาสตร์ ความเห็นต่อกันยาวเหยียด ต่างข้อมูล ต่างความคิด ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ แต่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าจริง ต่อให้มีหลักฐานเพียบพร้อมพอให้คาดเดาอย่างแม่นยำ เราก็เอามาได้แค่สิ่งที่น่าจะเป็นที่สุด
แค่สิ่งที่น่าจะเป็นที่สุด
แล้วรุ่งเช้า ผมก็หย่อนจดหมายลงตู้อีกครั้ง หนนี้ ไม่ลงที่อยู่ผู้ส่งบนหน้าซอง สงสารจดหมายที่ถูกส่งไปแล้วตีกลับมา คงบอบช้ำแย่ อีกอย่าง ผมไม่อยากขับรถแบบไร้จุดหมายปลายทางอีกแล้ว
ตลาดสดตอนเช้า แทบหาที่จอดรถไม่ได้ แค่ช่องพอสอดจักรยานเก่าๆสักคันยังไม่ค่อยมี พ่อค้า แม่ค้า และ ลูกค้า อัดกันเต็มพื้นที่ ระหว่างหาอาหารเช้าที่มักจะจบลงด้วยปาท่องโก๋ และกาแฟ หญิงสาวคนหนึ่งหลังร้านขายของแห้ง ท่าทางดูคุ้นตา สวมเสื้อยืดสีขาว สกรีนลาย ไอ เลิฟ นิวยอร์ก
คล้ายเสื้อตัวเก่งของใครบางคน เสื้อนั้นใช่ แต่คนนั้นไม่ใช่ กวาดสายตารอบเดียวก็รู้
แต่เป็นความน่าจะเป็นที่ใกล้เคียงที่สุด ตั้งแต่เธอหายตัวไป เฉียดฉิวพอทำให้ ผมอยากเขียนจดหมายที่ลงชื่อที่อยู่ผู้ส่งอีกสักฉบับ
คิดไปคิดมา เขียนโปสการ์ดดีกว่า อย่างน้อย ก็อาจมีผู้เกี่ยวข้องกับไปรษณีย์บางคน สนใจอ่านจดหมายเปิดผนึก เนื้อความอาจสั่นหัวใจใครบางคน มีคนช่วยแบ่งปันความรู้สึก
จำได้ว่า ระหว่างที่ขับรถหลงทาง และกำลังติดไฟแดง รถคันข้างๆ ลดกระจก ตะโกนเรียก ตกใจ แต่หันกลับไปเป็นสาวที่จัดว่าสวย อกหักทันควัน เมื่อเธอถามไถ่เส้นทาง แทนที่จะสารภาพรัก เธอขอบคุณตามมารยาท เมื่อแจ้งไปว่า หลงทางเหมือนกัน
ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่พอคิดดูว่า ถ้าเราทักทายกันสักนิด ชวนแวะปั้มข้างหน้า เพื่อหาทางไปที่ถูกต้องร่วมกัน ตอนนี้ เราอาจได้ช่วยกันดูเส้นทาง ช่วยกันกางแผนที่ เป็นเรื่องราวที่น่าจะเป็นไปได้ เช่นเดียวกับ จดหมายที่ถูกตีกลับอาจมีบางคนได้อ่านในวันหนึ่ง
เคลื่อนไปแล้ว คล้อยไปแล้ว จางไปแล้ว ตามธรรมชาติของหมอกและเมฆ
รู้ว่ามี แต่ไม่มีทางคว้าจับเอาไว้ เหลือเพียงหยดน้ำชื้นๆบนฝ่ามือ
เราใกล้กับความฝันที่สุด ตอนที่กำลังฝัน
เมื่อบางความฝันกลายพันธุ์เป็นความจริง
ก็เป็นเพียง แค่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดเท่านั้น
สาวไอ เลิฟ นิวยอร์ก แวะกินกาแฟโบราณในร้านประจำของผม โต๊ะตัวหลังจากเธอยังว่าง แน่นอน ผมเลือกจับจองทันที สั่งปาท่องโก๋ กาแฟร้อน นั่งเก้าอี้หันหลังชนกับเธอ ไม่ได้มองหน้า ไม่แอบเสียดสี หรือ ถู แบบเพลงดังของวงเอลิเซ่ ด้านหลังมีระยะห่าง ใกล้แต่ไกลพอๆกับระยะที่หลงทาง
ไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุด
แค่สิ่งที่คล้ายว่าจะเป็นไปได้
แต่เท่านี้ ผมก็รู้สึกว่า จดหมายฉบับสุดท้าย ผู้รับคงได้อ่านบ้างแล้ว
จากคุณ :
กาแฟสอง
- [
18 ต.ค. 50 01:13:30
]